บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 18 ท่านอ๋อง....ท่านโหดร้ายเกินไปหรือไม่

รถม้าเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านเซิ่นฮุนออกมาเกือบครึ่งชั่วยามแต่นางไม่ได้ตรงดิ่งกลับจวนสกุลเว่ย แต่ตรงไปจวนสกุลโจ้ว นางตั้งใจนำเสื้อคลุมไปคืนเจ้าของ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่นางได้หยุดพักและไม่รู้จะได้หยุกแบบนี้อีกตอนไหน ตอนนี้สามารถเที่ยวเล่นได้อีกวัน เอาไว้ช่วงเย็นๆค่อยกลับจวนก็มิสาย

“มาหาผู้ใด”

เสียงบ่าวหน้าจวนสกุลโจ้วเอ่ยทักหญิงสาวที่ลงจากรถม้ามา

“คารวะพี่ชาย ข้ามิได้มาหาผู้ใด เพียงอยากฝากของให้คุณชายโจ้วยู่ร์เฟิง หากมิเช่นนั้นก็ให้ท่านอาเตียนก็ได้เจ้าค่ะ”

“จากผู้ใดหรือ”

“หลี่…เอ่อ…เดี๋ยวพอคุณชายเห็นสิ่งนี้ก็จะรู้เองเจ้าค่ะ”

หลี่ซิ่วอิงเอ่ยจบก็ยื่นถาดไม้ที่มีเสื้อคลุมสองตัว หนึ่งคือเสื้อที่เจ้าของให้นางมา อีกตัวคือเสื้อคลุมตัวใหม่ที่ท่านแม่นางเย็บให้”

“ทราบแล้ว”

“แต่เดี๋ยว…ท่านมีกระดาษกับพู่กันหรือไม่”

หลี่ซิ่วอิงเอ่ยถามก่อนที่จะรับกระดาษกับพู่กันมา จากนั้นตั้งใจบรรจงเขียนข้อความในกระดาษลงไป

“เรียนคุณชายโจ้วยู่ร์เฟิง ข้านำเสื้อคลุมของท่านมาคืนตามสัญญาเจ้าค่ะ แต่ข้าสะเพร่าทำเสื้อคลุมท่านเสียหาย ข้าได้แก้ให้ท่านแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดีจึงได้ตัดเสื้อคลุมตัวใหม่ตามขนาดเดิม ข้ารับรองว่าฝีมือการเย็บปักไม่แพ้เสื้อคลุมตัวเก่า”

หลี่ซิ่วอิงเขียนเสร็จก็ใส่ใต้เสื้อคลุมตัวนั้นก่อนที่จะขึ้นรถม้าตรงกลับจวนสกุลเว่ยทันที หลังหญิงสาวออกจากหน้าจวนได้ไม่นาน โจ้วยู่ร์เฟิงและลูกน้องคนสนิทก็ออกมาจากจวนพอดี

“ผู้ใดกัน”

“เรียนคุณชาย แม่นางท่านหนึ่งขอรับ”

“แม่นางหรือ”

โจ้วยู่ร์เฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“แม่นางท่านนั้นบอกว่าให้เอาของสิ่งนี้ให้คุณชาย แล้วท่านจะรู้เองขอรับ”

บ่าวรับใช้ยื่นถาดไม้ที่ใส่เสื้อคลุมให้ชายหนุ่ม มือหนาเอื้อมไปสัมผัสเนื้อผ้าก็รู้ได้ทันทีว่านางคือผู้ใด ก่อนที่จะเห็นว่ามีจดหมายน้อยอยู่ จึงหยิบขึ้นมาอ่าน ข้อความด้านในทำให้มุมปากหนาโค้งขึ้นด้วยความพอใจ นี่นางอ่านออกเขียนได้จริงๆสินะ บ่าวรับใช้ผู้นี้ทำให้เขารู้สึกสนใจขึ้นมามิน้อย ในจดหมายมิได้บอกชื่ออีกทั้งไม่ยอมบอกบ่าวรับใช้หน้าจวนว่าเป็นของผู้ใด วันงานเลี้ยงที่จวนสกุลจางวันนั้น เขาเองก็จำไม่ได้ว่านางชื่ออันใดเพราะฟังไม่ค่อยชัดมากนักตอนที่แอบฟังนางคุยกับเฉินชินหยาน ก่อนจะแยกกันก็ลืมถามชื่อนางเอาไว้เสียด้วย 

“ให้ข้าตามสืบเรื่องนางหรือไม่ขอรับ”

อาเตียนเอ่ยถามผู้เป็นนายอย่างรู้หน้าที่

“มิต้อง ข้ากับนางคงได้พบกันอีกไม่นาน ข้าจะรอวันนั้น

ชายหนุ่มเอ่ยจบก็เก็บจดกมายของหญิงสาวเข้าแขนเสื้อของตนและหยิบเสื้อคลุมตัวที่เขาให้นายืมติดมือมาด้วยตรงดิ่งขึ้นรถม้าไป

……

“ท่านอ๋องพร้อมแล้วขอรับ”

อี้เจ๋อเข้ามารายงานผู้เป็นนายของตนที่กำลังนั่งทำแผลอยู่ ด้วยยาที่ช่วยสมานบาดแผลจากทั่วแคว้น และยาต้มที่ช่วยบำรุงร่างกาย นับว่าเป็นยาที่ดีที่เลยก็ว่าได้ถูกนำมารวมอยู่ที่จวนสกุลเว่ยตั้งแต่ฮ้องเต้ได้รับข่าว ที่แขนข้างซ้ายถูกพันด้วยผ้าพันแผลอย่างดี ก่อนที่จะสวมทับด้วยอาภรณ์สีดำทั้งตัวอย่างที่เขาใส่เป็นประจำจนผู้คนในจวนเคยชิน จากนั้นเดินออกจากเรียนไปยังคุกใต้ดิน

เสียงร้องโหยหวนจากการทรมานต่างๆนาๆ และนักโทษคนอื่นๆที่ถูกขังเป็นห้องๆ ตลอดทางเดินที่เข้าไปด้านในสุด เสียงโซตรวจและกลิ่นสาบของเลือดคละคลุ้งไปทั่วคุกแห่งนี้ แสงจากไฟที่ถูกจุดตลอดทางเดินนำทางไปยังนักโทษที่ถูกหิ้วปีกไว้กับไม้ เสื้อผ้าขาดริ้วจากการถูกทรมานจนมีโลหิตสีแดงสดและบาดแผลทั่วร่างกาย อุปกรณ์ทรมานทุกชนิดเรียงราย มือใหญ่หยิบครีบเหล็กใหญ่ขนาดพอดีมือขึ้นอย่างพอใจ

“จวนใดหรือ…หากบอกข้าตอนนี้เจ้ายังตายอย่างสงบได้”

“……”

“ข้านั้นเกียจคนถามแล้วไม่ตอบเป็นที่สุดเจ้ามิทราบหรือ เป็นผู้มาสืบข้าแท้ๆเหตุใดถึงมิรู้“

เพล้ง!

เสียงคีมเหล็กที่ถูกดัดแปลงจนเป็นเครื่องมือพิเศษกระทบกระถางไฟร้อนที่ลุกโชนแดงก่ำ ไฟร้อนเคลื่อนตัวมายังคลีบเหล็กจนเป็นสีส้มแดง ความร้อนกำลังได้ที่แต่ชายหนุ่มยังใจเย็นเหมือนกับว่าเขาไม่ได้เร่งรีบอันใด สามารถอยู่ที่นี่ได้นานเท่าไหร่ก็ได้

” ข้าให้เจ้าเลือกแล้ว…ในเมื่อเจ้าปฏิเสธข้าเช่นนี้ก็อย่าหาว่าข้าไม่ให้โอกาสคน“

เขาไม่เอ่ยเปล่าแต่ยกคีมเหล็กที่ร้อนระอุขึ้นมาอย่างพอใจ

“อีเจ๋อ”

“ขอรับ”

อีเจ๋อนำยาที่ต้มร้อนๆ กรอกเข้าปากของนักโทษผู้นั้น ควันร้อนออกจากปากจนทำให้เขาสำลักเป็นโลหิตสีแดงสดออกมา

ใบหน้าคมถูกโลหิตสีแดงกระเด็นเข้าหน้าจนดูสยดสยอง คีมเหล็กร้อนถูกง้างออกจากนั้นหนีบเข้ากับนิ้วมือของชายนักโทษที่ถูกกอกยาเมื่อสักครู่ เว่ยตงหยางออกแรงเพียงนิดนิ้วมือทั้งนิ้วก็ขาดออกจนเกิดเป็นโลหิตสีแดงสด

ตุบ!

เสียงนิ้วโป้งตกกระทบที่พื้น ตามด้วยเสียงร้องโหยหวนของร่างที่ถูกทรมานๆ เนื้อหมดหยุดที่ถูกความร้อนเหมือนย่างเนื้อสดส่งกลิ่นชวนอาเจียน จนเหล่าลูกน้อยที่ยื่นข้างๆผู้เป็นนายต้องหันหน้าหนี 

“หนึ่งนิ้ว”

เสียงเข้มเอ่ยด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนที่จะนำคีมเหล็กจากไฟออกมาอีกครั้งและงับไปที่นิ้วชี้อีกนิ้ว

อร๊าก~~~~~~

เสียงร้องอย่างทุรนทุรายพร้อมตด้วยโลหิตสีแดงกระจายทั่วบริเวณ รวมถึงกระเด็นเปรอะเปื้อนทั่วอาภรณ์ของชายหนุ่มด้วย

ตุบ! อร๊าก~~~ ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ! เพล้ง!

เสียงร้องโหยหวนด้วยความทรมานสลับกับเสียงนิ้วที่ตกลงพื้นจนครบนิ้วมือที่มีอยู่ ก่อนที่เขาจะทิ้งคีมเหล็กในมือลง

“หากคราวหน้าข้ายังมิได้คำตอบ นิ้วเท้าเจ้าก็จะเป็นดังนิ้วมือ หรือครั้งหน้ายังไม่พอ…ข้าคงต้องยืมนิ้วของคนในครอบครัวเจ้ามาเสียแล้วล่ะ”

เว่ยตงอย่างเอ่ยเสียงเรียบเหมือนอย่างสนทนากับสหาย ก่อนที่จะรับผ้ามาเช็ดมือที่เปลี่ยนโลหิต

“ทรมานต่อไป”

ชายหนุ่มเอ่ยจบก็เดินออกมาจากคุกใต้ดิน เขาให้นักโทษดื่มยาชนิทหนึ่งที่ถึงอยากตายก็ตายไม่ได้ ต่อจะให้ถูกทรมานมากแค่ไหนก็ตาม

“ท่านอ๋อง ท่านไปอาบน้ำก่อนขอรับ”

หมิงเพ่ยเอ่ยบอกผู้เป็นนาย สภาพของชายหนุ่มตอนนี้คราบโลหิตเต็มเสื้อผ้า ไหนจะใบหน้าคมอีก หากผู้ใดมาเห็นเข้าคงถูกร่ำลือเสียหายอีกเป็นแน่

ว๊าย~ ตุบ!

” แม่นางหลี่ เจ้าเป็นอันใดหรือไม่ “

หมิงเพ่ยรียเอ่ยถามหญิงสาวทันที ท่าทางของหลี่ซิ่วอิงตอนนี้ตัวสั่นเทาล้มลงไปนั่งกับพื้น สองมือเรียวปิดปากตนเอาไว้ ดวงตาแดงก่ำและเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ นางจ้องมองมาทางชายหนุ่มเหมือนคนกลัวจนสุดขีดไม่ได้สติ 

“เป็นอันใดหรือไม่”

เสียงเข้มเอ่ยถาม ขณะที่ตนเองยื่นมือเข้าไปหวังจะช่วยนาง แต่หญิงสาวรีบถอยหลังคลานออกไปอย่างกับเขาเป็นผีสาง กลิ่นคาวโลหิตตลบอบอวนประทะจมูกเรียว

“ทะ…ท่านอ๋อง ขะ…ขอตัวเจ้าค่ะ อ้วก… ”

หลี่ซิ่วอิงเอ่ยจบก็วิ่งไปอ้วกอย่างทนมิไหว ใบหน้าแดงก่ำจากอาการตกใจสุดขีดวิ่งขากระเพกออกจากบริเวณตรงนั้นให้ไวที่สุด ดวงตาคมมองคนตัวเล็กที่วิ่งเชาอย่างไม่คิดชีวิตก็ได้แต่ส่ายหน้า หลังจากเกิดเหตุนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบนาง…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel