ตอนที่ 19 ทายานี่ที่เท้าซะ
ห้องเล็กภายในเรือนบ่าวรับใช้ช่วงกลางวันเป็นเวลาที่ทุกคนทำงาน บ่าวใช้ต่างแยกย้ายกันไปตามเรือนต่างๆเพื่อทำหน้าที่ของตน หลี่ซิ่วอิงกลับจวนเว่ยอ๋องก่อนหนึ่งวันทำให้มีเวลาได้ยืดเส้นยึดสายจากการเดินทางที่เหน็ดเหนื่อย ภาพเจ้าของจวนนี้ที่นางพึ่งพบเมื่อสักครู่ยังตราตรึงจนไม่สามารถสลัดออกไปจากความคิดได้ เล่นทำเอาขนมที่ท่านแม่ห่อมาให้ไม่กล้ากินมันเลย เพราะกลัวว่าจะอาเจียนออกมาอีกครั้ง
ตุบๆ
มือบางทุบกำปั้นไปที่หน้าอกเบาๆอย่างปลอบใจตนเอง เมื่อสักครู่นางแทบช็อกนึกว่าตนเองเจอผีกลางวันแสกๆเสียแล้ว หนังหรือซีรี่ย์แนวซอมบี้ผีดิบอะไรทำนองนั้นในโลกเก่า นางก็ดูมาเสียเยอะซะด้วยสิ สภาพเขาเช่นนั้นใครเห็นแบบนางเข้าอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นก็ได้
“อิงอิง เจ้ากลับมาแล้วหรือ “
เสียงคุ้นเคยเอ่ยทักหญิงสาวที่นั่งเหม่ออยู่คนเดียวที่ข้างหน้าต่าง
” มีหมี่ ทำข้าตกใจรอบสองรู้หรือไม่ “
หลี่ซิ่วอิงเอ่ยตำหนิ ทั้งคู่ตอนนี้กลายเป็นสหายสนิทกันเสียแล้ว คิดว่าชื่อที่ใช้เรียกกันนั้นยาวเกินไป เลยตั้งชื่อใหม่จากชื่อเดิมของทั้งคู่เพื่อใช้เรียกกัน
“รอบสองหรือ เช่นนั้นผู้ใดทำเจ้าให้ตกใจก่อนข้ากัน แล้วใจที่ตกใจยังอยู่ที่เจ้าหรือเปล่า หรือว่ามันวิ่งไปอยู่ที่ผู้อื่นแล้ว”
แววตาเจ้าเล่ห์หลี่มองหลี่ซิ่วอิงอย่างจับพิรุจ ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“เจ้าอย่าให้ข้านึกถึงมันสิ ข้ายังสยองไม่หายเลย”
หลี่ซิ่วอิงไม่พูดเปล่าแต่ยังทำท่าขนลุกซู่ จนทำให้เสี่ยวหมี่อยากรู้เสียยิ่งกว่าเดิม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบจากสหาย
“ว่าแต่ที่เท้าเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง”
“ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ แต่ยังเจ็บอยู่คงต้องทำแผลทุกวันและเดินให้น้อยหน่อยช่วงนี้”
“เช่นนั้น พรุ่งนี้เจ้าจะทำงานได้หรือเปล่า”
“สบายมาก งานที่เรือนตำรามิต้องเดินมากนัก แค่ทำความสะอาดเสร็จข้าก็มิต้องทำอันใดแล้วล่ะ”
หลี่ซิ่วอิงเอ่ยอย่างอธิบาย ชีวิตของนางราบรื่นมาตลอด ไม่มีเรื่องต้องให้เจออันตราย แต่ออกไปนอกจวนเพียงครั้งเดียวก็แทบเอาชีวิตไม่รอดกลับมา หากบ่าวรับใช้ที่ออกไปข้างนอกมิใช่นางจะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้หรือไม่ แล้วเนื้อเรื่องจะเป็นเช่นไรกันนะ ตอนนี้นางคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์ใหญ่ๆในนิยายก็ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆและยังคงมีอยู่ ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง แต่การใช้ชีวิตประจำวันแต่ละวันนี่สิ นางคาดเดาไม่ได้เลย
“เช่นนั้นก็ดี ไว้ข้านำอาหารมื้อค่ำมากฝากเจ้านะ เจ็บเช่นนี้อย่าเดินเยอะเลยตั๋วตูไม่ว่าเจ้าหรอก”
เสี่ยวหมี่เอ่ยอย่างอาสา ตั๋วตูคือหัวหน้าพ่อครัวของจวนแห่งนี้
“ขอบใจเจ้า”
หลี่ซิ่วอิงเอ่ยพร้อมยิ้มให้สหาย ก่อนที่พลอยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
……
เช้าวันถัดมา
ณ เรือนตำรา
บรรยากาศวันนี้ดูอึมครึ้มเหมือนเคย นางได้ยินจากท่านพ่อมาว่าปีนี้ฝนจะมากกว่าทุกปี หากถามว่าท่านรู้ได้เช่นไรนั้นหรือ ท่านบอกแค่ว่าเป็นความสามารถของคนล่าสัตว์ที่เดินป่า วันนี้เรือนตำราแห่งนี้ไม่มีผู้ใดมาเยือน ซึ่งเป็นสิ่งที่หญิงสาวปรารถนามากที่สุด เพราะแขกคนเดียวของเรื่องตำรามีเพียงคนผู้เดียว และเป็นคนผู้เดียวที่นางมิอยากเจอมากที่สุด จนกระทั้งต้นยามซื่อหลังหลี่ซิ่วอิงทำความห้องตำราเสร็จก็มานั่งนวดเท้าของตนเอง อาการบาดเจ็บที่คิดว่าไม่เป็นไรมากเมื่อวานนี้ พอวันนี้เดินเยอะขึ้นทำให้รู้สึกฟกช้ำยิ่งกว่าเดิมไม่หายสักที กองตำราเกี่ยวกับแผ่นที่ในเมืองหลวงทั้งหมดถูกนางนำมาวางไว้ที่โต๊ะเขียนตำรา จากนั้นหยิบสมุดบันทึกส่วนตัวของตนเองออกมา ด้านในยังคงไม่มีสิ่งใดขีดเขียนลงไปเนื่องจากนางทำสมุดตนหาย หาเท่าไหร่ก็หามิเจอ ข้อมูลจากหลายตำราถูกสรุปและรวบรวมเป็นข้อมูลที่เข้าใจง่าย
“เจ้าทำอันใด”
เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจ หลี่ซิ่วอิงรีบวางตำราที่ตั้งใจอ่านในมือลงด้วยความตกใจ
“คารวะท่านอ๋องเจ้าค่ะ“
“ข้าถามว่าเจ้าทำอันใด”
“ขออภัยท่านอ๋องที่ข้าอ่านตำราพวกนี้ก่อนได้รับอนุญาต ข้าจะรีบนำมันไปเก็บเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
หลี่ซิ่วอิงตัวเล็กรีบไปทันที วันนี้นางได้ข่าวว่าเขาเข้าวังมิใช่หรือ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้ มิเช่นนั้นนางคงไม่นำตำรามาอ่านเช่นนี้ เพราะคิดว่าจะไม่มีแขกที่ใดมาเยือน อีกทั้งที่ผ่านมาข่าวที่นางได้รับก็มิเคยผิดเพี้ยน เว่ยตงหยางเดินมายังโต๊ะเขียนตำราของนางก่อนที่มือหนาจะก้มลงไปหยิบตำราขึ้นมาดู
“แผ่นที่ในเมืองหลวง เจ้าอยู่ที่นี่มายี่สิบปียังต้องอ่านอีกหรือ “
” ร…เรียนท่านอ๋อง ข้าอยู่แต่เรือนวันๆไม่ได้ออกไปไหนเจ้าค่ะ เลยอยากศึกษาเส้นทางเอาไว้ “
” ศึกษาไว้…ทำไม“
” หากเกิดเหตุการณ์เช่นคราวก่อน ข้าจะได้เอาตัวรอดได้เจ้าค่ะ “
ป๊อก! เสียงหนึ่งกระทบโต๊ะไม้ดัง หลี่ซิ่วอิงมองไปที่สิ่งของนั้นและสลับกับชายหนุ่มอย่างรอคำอธิบาย
"ทายานี่ที่เท้าซะ ข้าอยากได้บ่าวที่ทำงานได้ดี มิใช่เดินพิการเช่นนี้"
หลี่ซิ่วอิงมองมาทางหมิงเพ่ยผู้ช่วยของเขาที่ยืนข้างๆ ก่อนที่จะได้รับสายตาที่บงบอกว่าให้นางรีบรับยานั่นไป
"ขอบคุณเว่ยอ่องเจ้าค่ะ"
หญิงสาวเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มที่เดินไปนั่งอ่านตำราด้วยท่าทีนิ่งเงียบเช่นเคยไม่ได้สนใจนางอีก จากนั้นเก็บบายาสมานแผลเข้าที่แขนเสื้ออย่างดี นางไม่คิดว่าเขาจะมีมุมเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นเช่นนี้ด้วย หรือนี่เป็นวิธีการขอบคุณของเขาเรื่องที่แม่น้ำลิ่งชวนนั้นกันนะ
หลี่วิ่วอิงนำตำราไปเก็บเข้าชั้นเช่นเคย ถึงเขาจะไม่ได้ว่าที่นางอ่านตำราของเขา แต่ตอนนี้ผู้เป็นนายอยู่ที่นี่นางต้องคอยรับใช้เขาให้ดี
"ท่านอ๋องขอรับ คุณหนูจางเซียวเหยียน มาขอพบขอรับ"
อี้เฉินมารายงานผู้เป็นนายที่เรือนตำรา ครานี้ไม่ใช่แค่เว่ยตงหยางที่แปลกใจ แต่เป็นหลี่ซิ่วอิงด้วยอีกคน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นเช่นนี้ ในนิยายจางเซียวเหยียนมิได้สนใจตัวร้ายอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าเป็นเพราะของขวัญครั้งก่อน นางเลยเปลี่ยนมาสนใจตัวร้ายเช่นเขา ไม่สินางเอกของเราชมชอบโจ้วยู่ร์เฟิงอยู่ก่อนแล้วมิใช่หรือ หญิงสาวเกิดคำถามนับไม่ถ้วนพุดขึ้นมา กริยาของสาวใช้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขานัก แสดงความเป็นกังวลอย่างปิดไม่มิด
"ไปเถิดอย่าให้นางคอยนาน"
เว่ยตงหยางลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนที่จัดอาภรณ์ของตนเองให้ดูดีที่สุด และเดินผ่านหน้าหญิงสาวไป แต่เมื่อเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงัก
"เหตุใดยังมิไปอีก"
"ขะ...ข้าต้องไปด้วยหรือ"
หลี่ซิ่วอิงชี้มาที่ตนเองด้วยใบหน้าที่มีแต่คำตาม นอกจากเรือนตำรานางก็ไม่เคยไปทำงานที่ใดเพิ่มอีกเลย แล้วถ้าเกิดนางไปทำพลาดพ่อบ้านตู๋จะไม่ว่าข้าหรอกหรือ นางไม่มีเวลาคิดอะไรไปมากกว่านี้เนื่องจากร่างใหญ่เดินนำออกไปแล้ว นางทั้งขาสั้นทั้งบาดเจ็บทำได้เพียงวิ่งตามหลังเขาไป หากใครมาเห็นตอนนี้คงกล่าวได้ว่านางเป็นบ่าวรับใช้ที่มิมีความเรียบร้อยดั่งสาวใช้คนอื่นเลยแม้แต่น้อย
