บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 15 ท่านยังมีชีวิตอยู่ ดีจริง

ซ่า~~~~

เสียงฝนเม็ดใหญ่ตกกระทบใบหน้างามที่หลับไหลอย่างไม่ได้สติให้ตื่นขึ้น ทั่วทั้งร่างเปียกโชนไปด้วยน้ำ ครึ่งบนอยู่บนบกแต่ตัวครึ่งล่างยังคงนอนแช่อยู่ในน้ำ ผิวบางถูกกิ่งไม้ขูดขีดตามร่างกายเสียจนปวดร้าวไปทั้งตัว

“อื่อ~~ เจ็บจัง ฮื่อๆ”

หลี่ซิ่วอิงร้องออกมาทั้งที่ยังไม่ได้ขยับตัวเลยแม้เพียงกระดิกนิ้ว แต่เหมือนกับว่าความเจ็บปวดที่เผชิญอยู่ตอนนี้ทำนางให้ตายไปแล้วสิบรอบ หญิงสาวนอนอยู่ท่านั้นไปกว่าหนึ่งเค่อแล้วถึงได้รวบรวมแรงกายลุกออกจากตรงนี้ เพียงแค่พยุงตังเองให้ลุกขึ้นยังปวดร้าวไปถึงกระดูก มิรู้ว่าตอนที่ถูกน้ำเชี่ยวพัดมานั้น ร่างกายไปประทะเข้ากับอะไรบ้าง ตอนที่เห็นคลื่นน้ำที่มาอย่างรวดเร็วนางคิดว่าชีวิตนี้จะรักษาไว้ไม่ได้เสียอีก แต่ระหว่างนั้นก็รู้สึกตัวได้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองไม่ได้เผชิญเหตุการณ์นี้อยู่คนเดียว ดวงตาที่แดงก่ำและเต็มไปด้วยหยาดน้ำตายกมือเช็ดมันลวกๆอย่างไม่ใส่ใจ มองหาคนผู้หนึ่งซ้ายขวาอย่างมีหวัง

“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องท่านอยู่ที่ใด”

หญิงสาวลุกพาตนเองออกจากน้ำที่แช่ตัวอยู่จนลืมความเจ็บที่ได้รับ เดินขากระเพกไปตามริมน้ำอย่างคนเลื่อนลอย ปากก็ตะโกนอย่างสุดเสียง แต่เพราะกินน้ำในแม่น้ำเยอะไปทำให้เสียงที่เปล่งออกมาเบาเสียยิ่งกว่าเสียงแระซิบ

“ท่านอ๋อง ท่านอยู่ไหน~ เว่ยตรงหยาง ท่านตายไม่ได้นะ”

หลี่ซิ่วอิงเดินหาเขาทุกแห่ง จนเวลาล่วงเลยมากถึงหนึ่งเค่อ ร่างกายที่ยังบาดเจ็บไหนเลยจะทนได้นานกัน ในที่สุดเรี่ยวแรงที่นางเหลือน้อยเพียงนิดก็หมดลง นางอยากที่นะเดินหาเขาอีกก้าวตอนนี้ยังทำไม่ได้ จึงทำได้เพียงนั่งบนหินก้อนใหญ่ริมแม่น้ำอย่างหมดสภาพ แต่จังหวะที่กำลังใช้มือยันบนก้อนหินนั้นกลับสัมผัสไปโดนเสื้อคลุมสีขาวที่ครานี้มันเปื้อนจนแทบเป็นสีดำเสียแล้ว หญิงสาวจำได้ดีว่าเสื้อคลุมผืนนี้เป็นของผู้ใด 

“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ท่านอยู่ที่ใด”

ร่างบางใจชื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความดีใจทำให้นางมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันตา รีบมองหาชายหนุ่มบริเวณนั้นจนทั่วแม้แต่ตามซอกหินก็มิเว้น

“ขะ…ข้า ข้าอยู่นี่”

เสียงแหบเอ่ยตอบกลับหญิงสาวเบา หลี่ซิวอิงหลังได้ยินเสียงนั้นก็วิ่งตรงดิ่งไปทางเว่ยตงหยางทันที

“ท่านอ๋อง ท่านยังมีชีวิตอยู่ ดีจริง”

“พยุงข้าที”

ร่างใหญ่ที่ตอนนี้มีสภาพก็ดูมิได้ไม่ต่างจากหญิงสาวมากนัก อีกทั้งบริเวณต้นแขนซ้ายมีกิ่งไม้แหลมปักอยู่ โลกหิตสีแดงถูกชะล้างด้วยหยาดน้ำฝนที่ตกมาไม่หยุด อาภรณ์เองก็ขาดหลุดริ้ว หลี่ซิ่วอิงนำเสื้อคลุมที่เก็บได้คลุมให้เขาก่อนที่จะหนาวตาย เท้าบางเดินย้ำไปกับพื้นดินหยาบ รอยบาดแผลที่นางได้รับบวกกับรอยซ้ำที่เกิดขึ้นใหม่ทำให้โลหิตสีแดงซึมออกมาจากเท้าบาง แต่นางก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ค่อยๆพยุงร่างใหญ่เดินไปหลบที่ใต้โขดหินใหญ่อย่างทุลักทุเล

อร๊าก~~~~

เว่ยตงหยางอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาพิงกับก้อนหินใหญ่ก่อนที่จะหายใจเข้าออกเฮือกใหญ่

” ท่านไหวหรือไม่ “

ร่างเล็กเอ่ยถามคนตัวโต ใบหน้าเขาซีดเผือกยิ่งกว่าเดิมหลายส่วน ตัวสั่นเทาเพราะพิษไข้ที่มีก่อนหน้านี้บวกกับที่แช่ตัวนานในแม่น้ำอีก ไหนจะจะตอนนี้ยังได้รับบาดเจ็บแม้แต่โลหิตยังไม่หยุดไหลเลยด้วยซ้ำ หากเป็นคนทั่วไปคงตายไปเสียแล้วจะอึดทนได้แบบนี้เช่นไรกัน นางไม่รู้ว่าตอนนี้ถูกน้ำพัดมาไกลมากขนาดไหน ตนไม่ใช่คนที่นี่เสียหน่อย วันๆก็อยู่แต่เรือนมิออกไปไหนอ่านแต่หนังสือละคร ผู้ใดจะคิดว่าวันหนึ่งจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ หากเป็นดังเกมออนไลน์ในโลกเก่าเรียกได้ว่าสกิลเอาตัวรอดนางเท่ากับศูนย์เลยล่ะ เป็นยังไงละครานี้นางโง่สมใจหรือไม่ หากรู้เช่นนี้จะซื้อหนังสือแผนแคว้นฉินมาอ่านสักเล่มก็คงดี บิดาเป็นถึงคนล่าสัตว์เดินป่าเก่งยิ่งกว่านายพราน แต่บุตรสาวไม่รู้อันใดเลย

” แค่ก แค่ก “

เสียงไอจากร่างใหญ่เรียกความสนใจจากหญิงสาว มือเรียวอังหน้าผากกว้างก่อนที่จะชักมือกลับอย่างรวดเร็ว ตัวของชายหนุ่มร้อนดั่งไฟ หลี่ซิวอิงสำรวจเสื้อผ้าที่เขาใส่พบว่ามันเปียกโชกไปหมด เป็นเช่นนี้แล้วตัวจะทุเลาลงได้เช่นไรกัน เสื้อผ้าใหม่ก็ไม่มี

“เอามือเจ้าออกไป”

เสียงห้ามปรามจากคนตัวโตเอ่ยขึ้นอย่างมิพอใจ ทำให้หญิงสาวถึงกับกรอกตามองบน จะตายอยู่แล้วยังหวงตัวอีก ถ้าท่านมิใช่ตัวร้ายที่ห้ามตาย ข้าจะทิ้งท่านไว้ที่นี่แหล่ะ ก่อนที่จะถอดเสื้อคลุมตัวเองออกมาบิดน้ำจนสนิดและออกแรงสะบัดน้ำจากนั้นคลุมทัวตัวให้ชายหนุ่มอีกชั้น

……

คลืน~~ ครึ้ม~

ผ่านไปกว่า 2 ชั่วยามแล้ว แสงสว่างที่เคยมีตอนนี้ถูกแทนด้วยความมึดมิด ฝนที่คราแรกตกหนักจนมองไม่เห็นสิ่งใด ตอนนี้เริ่มซาลงเหลือเพียงละอองฝนรินๆเท่านั้น ร่างบางนั่งกอดหัวขาตนเองวางขาคางบนเข่าเฝ้ามองฝนที่ไม่มีท่าทีจะหยุด อาการของเว่ยตงหยางที่นางคอยตรวจดูทุกๆหนึ่งเค่อก็เริ่มดีขึ้นแล้ว โลหิตก็หยุดไหลแล้วจึงได้เบาใจไปหลายส่วน

ดวงตาคมค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก หัวของเขาหนักอึ้งทนแทบอาเจียน เมื่อพบว่าตนเองตอนนี้แทบถูกเสื้อคลุมห่อตัวไว้จนหนา มิแปลกที่ใจที่ความรู้สึกหนาวก่อนหน้านี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง เขามองไปทางหญิงสาวที่นั่งกอดเข่า บริเวณไหล่ขาวโหล่พ้นเสื้อผ้าของนางขาดริ้ว เท้าสองข้างแดงก่ำเต็มไปด้วยบาดแผล ผมเพ้าปล่อยสลายทิ้งตัว เรียกว่านางในตอนนี้มิมีสิ่งใดดูได้เลย เป็นจังหวะที่หญิงสาวหันมาทางชายหนุ่มพอดี

"ท่านอ๋องรู้สึกดีขึ้นหรือไม่เจ้าคะ"

"....."

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบกลับแค่เพียงพยักหน้าเท่านั้น หญิงสาวเข้าใจ สถาพเขาตอนนี้แค่หายใจยังยากเลย คิดแล้วก็แปลกเหตุใดในนิยายถึงไม่มีเหตุการณ์รถม้าคว่ำที่สะพานเลย หรือนี้คือบทลงโทษที่ตนไปเปลี่ยนของขวัญที่เขามอบให้จางเซียวเหยียนหรือ แต่แค่นั้นทำไมถึงต้องร้ายแรงถึงขั้นเอาชีวิตไม่รอดเช่นนี้ อีกทั้งยังพาเขาผู้นี้มาเผชิญกับนางด้วย นางไม่มีตัวตนในนิยายแต่เขาเป็นตัวละครอีกตัวที่เป็นตัวหลัก ทุกอย่างดูเปลี่ยนแปลงไปเสียจนนางไม่สามารถเดาได้ แต่เนื้อเรื่องหลักๆก็ยังมีให้เห็น การที่เว่ยตงหยางเกิดอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ไม่รู้ต่อจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีก นางรู้แล้วว่าเขาอย่างไรก็ไม่มีวันตายแน่ แต่นางที่ไม่ถูกพูดถึงในนิยายนี่ไม่รู้จะรอดพ้นคืนนี้ไปได้หรือเปล่า ผู้ใดจะรู้อาจจะมีเหตุการเกิดขึ้นอีกก็ได้ เมื่อนึกมาถึงตรงนี้เหตุการร์ตอนที่ลอยคออยู่กลางแม่น้ำก็ฉายขึ้นมา จนแก้มขาวมีเลือดฝาดแดงระเรื่อขึ้นมาด้วยความอาย เมื่อนึกได้ว่าตนเองนั้นทำเรื่องหน้าอายเช่นไรลงไป

"อีกไม่นาน คงมีคนมาช่วย"

เสียงแหบเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ตอนนี้ฝนได้หยุดตกแล้ว อากาศยังคงเย็นลงไม่ลดล่ะ ยามค้ำคืนหนาวจนเข้ากระดูก เว่ยตงหยางโยนเสื้อคลุมของหญิงสาวคืนนาง เพราะทนเห็นนางหนาวจนตัวสั่นต่อไปคงไม่ไหว

"ขอบคุณเจ้าค่ะ"

"เหตุใดเจ้าจึงได้มีเสื้อคลุมของโจ้วยู่ร์เฟิ่งได้"

เขาสังเกตเสื้อคลุมนางตั้งแต่ตอนอยู่โรงเตี้ยม เนื้อผ้าที่ไม่ธรรมดาและที่ปลายเสื้อคลุมมีรอยปักสัญลักษณ์ของโจ้วยู่ร์เฟิงเอาไว้

"ข้า...คือว่าข้า..."

"ตอบยากเช่นนี้ เจ้าเป็นคนของจวนสกุลโจ้วหรือ"

"มิใช่เจ้าค่ะ ตอนที่อยู่จวนสกุจาง คุณชายโจ้วยู่ร์เฟิงได้ช่วยข้าจากเฉินชินหยาง แค้นเคืองที่ข้า...ข้าไม่เป็นอนุของเขาแต่มาเป็นบ่าวรับใช้ที่จวนท่านอ๋องแทน"

"หากแต่งเข้าจวนสกุลเฉินก็คงใช้ชีวิตสบาย มิลำบากเช่นนี้ เจ้าโง่หรืออย่างไร"

"หากเป็นเรื่องออกเรือน ข้ายอมให้ผู้อื่นต่อว่าว่าข้าโง่เสียยังดีกว่าต้องแต่งกับผู้ที่ข้ามิได้รัก"

"หึ! ไร้สาระเสียจริง"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel