ตอนที่ 14 ท่านอ๋องข้าว่ายน้ำไม่เป็น
เสียงเกือกม้าย้ำไม่หยุดแข่งกับสายฝนที่โหมกระหน่ำตกลงมา ขามานั้นใช้เวลาเพียงนิด แต่ขากลับใช้เวลาเป็นสองเท่า ด้วยลมพายุที่แรงและวิสัยทัศน์ในการมองย่ำแย่ลง ทางด้านหน้ามองเห็นเพียงสายฝนสีขาวจนแทบลืมตาไม่ขึ้น ร่างบางที่เปียกโชกไปทั้งตัวกระชับเสื้อคลุมแน่น ความหนาวก่อตัวขึ้นทวีคูณเมื่อเจอลมเย็นระเยือกที่ประทะร่างเป็นละลอกๆ
“หลี่ซิ่วอิง เจ้าเข้าไปนั่งด้านในกับท่านอ๋องเถิด”
อี้เฉินอดไม่ได้เมื่อเห็นสภาพหญิงสาว ตัวเขาที่นอนกลางดินกินกลางทรายบนสนามรบมาครึ่งค่อนชีวิตยังรู้สึกหนาวสั่น สตรีเช่นนางจะทนรับมันได้เช่นไรกัน
“อีกไกลหรือไม่”
“เลยสะพานแม่น้ำหลิ่งชวนนี้ไปก็ถึงครึ่งทางแล้ว”
อี้เฉินเอ่ยตอบหญิงสาวเสียงดัง เป็นเพราะฝนหนาทำให้การสนทนาไม่ค่อยได้ยินกันนัก
‘นั่งมากว่าหนึ่งเค่อแล้วเหตุใดยังพึ่งถึงแค่ครึ่งทางเองกัน’ หญิงสาวเอ่ยกับตนเองในใจ หากรู้เช่นนี้นางคงรับความเมตตาจากท่านอ๋องเข้าไปนั่งภายในรถม้าเสียยังดีกว่ามานั่งตากฝนเช่นนี้ ถึงแม้จะต้องอึดอัดก็ตามที
ครืน~ ครึ้ม~ เปรี้ยง!!!
เสียงฟ้าร้องดัง และผ่าลงใกล้ต้นไม้ใหญ่บริเวณไม่ใกลรถม้ามากนัก เสียงดังจนทำให้หญิงสาวหูอื้อไปชั่วขณะ ทุกอย่างหยุดนิ่งจนเหมือนว่านางโดนฟ้าผ่าเองเสียอย่างนั้น
ฮี้~~~ ฮี๊~~~
เสียงม้าร้องดังด้วยความตกใจ สองเท้าหน้ามันยกสูงขึ้นยากที่จะควบคุมให้สงบลง
“ท่านอ๋องอันตรายขอรับ”
อี้เฉินตะโกนบอกผู้เป็นนายข้างในรถม้า ความเร็วที่สบัดไปม้าของรถม้าเคลื่อนตัวมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำพอดิบพอดี
โคร้ม~~~
เสียงรถม้ากระจัดกระจายเหวียงขึ้นเกินที่กั้นขอบสะพาน หลี่ซิ่วอิงจับรถม้าแน่นมิเช่นนั้นคงถูกแรงเวียงจนกระเด็นไปถูกม้า ที่กำลังคลุ่งคลั่งเหยียบจนไม่มีชีวิตรอดเอาแน่ ร่างบางกระเด็นตามแรงเหวียงจนถล่าเข้าไปในรถม้า
“ท่านอ๋องระวัง…”
ตู้ม!!!
รถม้าทั้งคันถูกม้าสองตัวสะบัดออกจนตกลงไปกลางแม่น้ำเชี่ยว คนทั้งคู่ยังพอมีเวลาก่อนที่รถม้าจะจมดิ่มลงไปในน้ำ ร่างใหญ่คว้าเอวบางให้ออกมาจากรถม้าก่อนที่จะจมดิ่มลงไป น้ำเย็นทะลักเข้าปากและตาจนทั้งคู่ต้านรับไม่ทันกับเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญ
“ทะ…ท่านอ๋องข้าว่ายน้ำไม่ปะ…เป็น”
มือเล็กปัดป่ายอย่างหาทางรอด ขณะที่ปากก็พยายามบอกร่างใหญ่
“ตั้งสติส่ะ”
“ทะ…ท่านอ๋องช่วยข้าด้วย”
เสียงฝนและน้ำไหลแรงขึ้นทำให้หญิงสาวที่กลัวน้ำลึกอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ขาดสติจนไม่สามารถอยู่นิ่งๆได้ สองมือบางกวักไปมาดิ่นรนเหมือนคนจมน้ำ
“ตั้งสติ หลี่ซิ่วอิง! เจ้าลืมตา “
ร่างใหญ่ตะโกนใส่หน้านางเสียดัง เขาเข้าใจว่านางกลัวมากเพียงใด คนว่ายน้ำไม่เป็นอีกทั้งตอนนี้อยู่กลางแม่น้ำใหญ่ หากว่าคนที่ช่วยนางอยู่ว่ายน้ำเก่งเพียงใดก็ไม่สามารถหายหวาดกลัวได้เลย
ร่างกายทั้งคู่แนบชิดกันละทิ้งฐานะนายบ่าว มีเพียงวิธีเช่นนี้ถึงจะเอาชีวิตรอดได้ มือใหญ่กอดเข้าที่เอวบางให้ชิดกับเอวของเขา มืออีกข้างตีน้ำเพื่อไม่ให้ทั้งคู่จมลงไป
” แกะเชือกที่ผมเจ้าแล้วเอามามัดเอวเจ้ากับข้าเอาไว้ด้วยกัน “
ชายหนุ่มออกคำสั่งเสียงเข้ม ในขณะที่สายตาก็มองหาทางขึ้นฝั่งที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย
” ท่านอ๋องข้าไม่กล้าปล่อยมือ “
มือสองข้างที่กอดคอเว่ยตงหยางจากด้านหน้าตอนนี้ยิ่งกอดแน่นกว่าเดิม”
“เร็ว! ไม่เช่นนั้นเราจะไม่รอดกันทั้งคู่ ข้ากอดเจ้าไว้แล้วไม่มีทางจม เร็วๆ”
ครั้งนี้ชายหนุ่มใส่น้ำเสียงดังขึ้นกว่าเดิม เพราะพายุลมแรงเมื่อสักครู่ ทำให้มีต้นไม้ที่อยู่ใกล้หักล้มจนพัดมากับกระแสน้ำ หากต้นไม้ใหญ่มากมายลอยมาถึงทั้งคู่เกรงว่าจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้เสียแล้ว มือบางที่ตอนนี้ชีดจนแทบเป็นสีเดียวกันกับกระดาษปล่อยมือจากเขา จากนั้นแกะเชือกยาวที่หมัดผมตนและผูกตัวตนเองเข้ากับชายหนุ่มให้แน่นจนแน่ใจ
“ท่านอ๋อง ท่านจะทำสิ่งใดเจ้าคะ”
“เกาะข้าไว้ให้แน่นๆ”
เว่ยตงหยางเอ่ยสั่งเสียงเข้ม หญิงสาวทำได้เพียงทำตามคำพูดของเขาเพราะยังอยากมีชีวิตรอด ทั้งคู่ตอนนี้อยู่กลางแม่น้ำไม่มีทางเลยที่จะว่ายจนไปถึงฝั่งด้วยความเชี่ยวของน้ำขนาดนี้ แค่เพียงต้านไม่ให้ทั้งคู่ไหลไปตามแรงก็แทบทนไม่ไหว
แต่ดูท่าแล้วชะตาของทั้งคู่คงไม่ดีนัก ต้นไม้ใหญ่ทั้งต้นถูกน้ำเชี่ยวพัดมาอยู่ข้างหลังเขาไม่ไกล สีน้ำใสเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขุ่นเข้ม ลักษณะเช่นนี้บงบอกได้ว่านี้คือคลื่นน้ำป่าจากบนเขาที่ไหลลงมาผ่านเส้นนี้
“กรี๊ด~~~~~~~~”
สองร่างกอดกันเกลียว พร้อมกรี๊ดร้องออกมา คลื่นน้ำสูงพัดเอาทั้งคู่ให้ไหลไปตามทิศทาง…
