บทที่ 8
กว่าเด็กชายจะหอบหิ้วของทั้งหมดกลับมาถึงบ้านได้ก็แทบหมดแรง เขาหยุดพักอยู่หลายครั้งเกือบจะทำปิ่นโตล้มก็ตั้งหลายหน เมื่อเห็นหลังคาบ้านความเหน็ดเหนื่อยที่มีมันกลับหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“นั่นเจ้าได้อะไรมาน่ะ” นางเส้าหยวนมองเห็นหลานชายหอบข้าวของมาแต่ไกล ก็อดจะสงสัยไม่ได้ ตัวนางเองต้องรีบเข้าไปช่วยถือ
“ของกินขอรับ”
“เจ้ามิได้ไปขโมยใครมาใช่ไหม เอาไปคืนเดี๋ยวนี้นะ ยายไม่เคยสอนให้เป็นคนไม่ดี” เท้าที่กำลังจะก้าวเดินหยุดชะงัก เมื่อหลานชายบอกว่าทั้งหมดเป็นของกิน แค่เปิดดูของในปิ่นโตก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของที่จะหากินได้ง่าย ๆ ถ้าไม่ไปขโมยของคนอื่นมา
“มิใช่นะขอรับท่านยาย ข้าทำงานแลกมาต่างหาก” อาคุณรีบแก้ความเข้าใจผิดโดยไว ทุกคำสอนของท่านยายเขาล้วนจำได้ขึ้นใจ
ทั้งสองหอบข้าวของช่วยกันเข้าบ้าน แม้จะเป็นเพิงพักสร้างขึ้นเพื่ออยู่ชั่วคราวพอให้ซุกหัวนอน แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีที่ให้หลบแดดหลบฝน หลังจากวางของทั้งหมดไว้กลางบ้าน นางเส้าหยวนจึงได้ถามที่มาของสิ่งของเหล่านั้นจากหลานชายต่อทันที
“เจ้าบอกยายมาซิ ไปทำงานอะไรมา แล้วของพวกนี้ได้มาอย่างไร” ข้างกายนางยังมีหลานสาวกำลังนอนหลับอุตุ จึงพูดเสียงดังมากไม่ได้
“ท่านยายจำพี่สาวใจดีคนนั้นได้หรือไม่ขอรับ นางจ้างข้าเก็บฟืน แต่ไม่มีเงินแต่ขอจ้างด้วยของกินแทนขอรับ ข้าเห็นว่าดีกว่าต้องกินผักต้ม ก็เลยรับปากทำงานให้ ของที่นำกลับมาพี่สาวเป็นคนให้ทั้งหมดจริงนะขอรับ” เด็กน้อยมองไปยังกองอาหารทั้งหมดตาละห้อย กลัวท่านยายจะให้นำไปคืน
“แลกกับฟืนเท่าไร” ของมากมายเช่นนี้คงคิดจะให้เปล่ามาแต่แรก มากกว่าจะจ้างทำงานกระมัง
“ฟืนสองมัดขอรับ”
“แล้วเจ้าให้ฟืนพี่สาวสองมัดแลกกับอาหารมากมายพวกนี้จริงหรือ”
“ไม่ขอรับ หลานบอกพี่สาวไปว่าจะหาฟืนสองมัดไปให้ทุกวัน จนกว่าจะครบหนึ่งเดือนขอรับ” เขารีบส่ายหน้าพัลวัน
“ดี หลังจากนี้นอกจากหาฟืนให้พี่สาวแล้ว เจ้าต้องช่วยงานนางทุกวันไม่ว่าจะเป็นงานบ้านหรืองานสวน เสร็จแล้วถึงจะกลับมาช่วยยายทำงานได้ เข้าใจหรือไม่” นางเส้าหยวนลูบหัวหลานชายอย่างอ่อนโยน สอนให้เขาเห็นคุณค่าของตนเอง ไม่เอาแต่งอมืองอเท้า รอเพียงของจากผู้อื่นหยิบยื่นให้ด้วยความสงสาร
“ขอรับท่านยาย”
“ไหนดูซิ ค่าจ้างหลานยายวันนี้ได้อะไรมาบ้าง”
“เยอะแยะเลยขอรับ”
สองยายหลานช่วยกันเปิดของกินทั้งหมดออกดู ระหว่างนั้นอากุ้ยหลานสาวก็ตื่นขึ้นมาพอดี เด็กน้อยเห็นขนมสีสวยน่าทาน รีบขอท่านยายกินทันที ทั้งสามได้กินอิ่มท้องเป็นครั้งแรก หลายเดือนที่ผ่านมาประทังชีวิตด้วยผักที่หาได้ตามป่าเขา จะมีบ้างที่หัวหน้าหมู่บ้านเจียดข้าวสารมาให้ แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับสามชีวิต นางเส้าหยวนได้แต่ขอบคุณสตรีใจดีผู้นั้นอยู่ในใจ ได้แต่ย้ำให้หลานชายช่วยงานเพื่อตอบแทนบุญคุณ เมื่อมีโอกาสได้พบหน้า นางจะต้องกล่าวขอบคุณด้วยตนเองอย่างแน่นอน
ทางด้านผู้นำฉวน เขาบังคับรถม้าแล่นออกจากหมู่บ้านในยามสายของวัน จุดหมายปลายทางคือค่ายทหารที่ตั้งเยื้องออกไปนอกเมือง เมื่อผ่านประตูเมืองออกไปประมาณหกหลี่ (3 กิโลเมตร) ก็จะเห็นประตูทางเข้าค่ายทหาร หลังจากผ่านด่านตรวจค้นเข้าไปได้แล้ว ผู้นำฉวนจึงได้บังคับเกวียนม้าเข้าไปต่อแถวในการรอขายสินค้า
“คนต่อไป อ้าวผู้นำฉวน วันนี้ก็เอาของมาขายอีกแล้วหรือ ขยันจริง ๆ” หัวหน้าหมู่กองเสบียง ผู้มีหน้าที่ตรวจสินค้ากล่าวทักทายอย่างคุ้นเคย เขานั้นเห็นผู้นำฉวนนำของมาขายอยู่บ่อยครั้งจึงสนิทกันไปโดยปริยาย
“วันนี้มีหลายอย่างเลยขอรับ ทั้งของกินของใช้ เชิญท่านตรวจสอบได้เลยขอรับ หรือชอบชิ้นไหนก็หยิบไปได้เลยขอรับ” เป็นเรื่องปกติที่จะมีให้เป็นการส่วนตัว
“หืม ของดีเลยนี้เจ้าไปได้มาจากที่ใด” เห็นแวบแรกที่พลทหารหยิบถุงเท้าออกมาจากกระเป๋าผ้าอันใหญ่ ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นงานตัดเย็บที่ดี
“โอ้ นั่นเป็นของที่ลูกบ้านของข้าฝากมาขายน่ะขอรับ”
“มีแค่นี้หรือ” เมื่อนับดูแล้วมันมีเพียงห้าสิบคู่ ซึ่งไม่เพียงพอต่อผู้ใช้ ค่อนข้างจะเสียดายที่มันมีน้อยเกินไป
“มีแค่นี้ขอรับ พอดีว่านางมีผ้าไม่พอ ทำได้เพียงห้าสิบคู่อย่างที่เห็นขอรับ” ผู้นำฉวนดีใจกับเสี่ยวถิงไม่น้อย ของที่นางฝากมาขายได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่แน่อาจมีการสั่งทำเพิ่ม ซึ่งนั่นก็เป็นผลดี แต่น่าเสียดายเมื่อคิดว่านางต้องเอาสมบัติชิ้นสุดท้ายมาทำถุงเท้าทั้งหมด
“น่าเสียดาย ถ้ามีขายอีกเอามาได้เลยข้ารับไม่อั้น แต่ว่าถุงเท้าทั้งหมดนี้ข้าตีราคาให้ได้แค่หนึ่งตำลึง มากกว่านี้ก็คงจะไม่ได้แล้ว เจ้าก็รู้ว่างบประมาณที่ได้ก็ไม่ได้มากมายอะไร” ยิ่งช่วงนี้มีศึกสงครามทุกอย่างจำต้องประหยัด การที่นำงบประมาณส่วนหนึ่งมาใช้ช่วยเหลือชาวบ้าน ท่านแม่ทัพต้องตัดงบประมาณส่วนอื่นมาใช้ก่อน บางอย่างท่านก็ควักเงินส่วนตัวเพิ่มเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ
“ไม่เป็นไร ได้แค่ไหนก็แค่นั้นขอรับ หากไม่มีท่านแม่ทัพพวกเราชาวบ้านก็คงอดตายเข้าในสักวัน เรื่องแค่นี้พวกเราเข้าใจขอรับ” ผู้นำฉวนรับเงินจากการขายสินค้าทั้งหมด ก่อนจะเก็บมันไว้อย่างดี เมื่อขายของเสร็จเรียบร้อยเขาก็ตรงดิ่งกลับหมู่บ้านทันที
ก่อนจะกลับบ้านตนเองก็ได้แวะไปที่บ้านของหลิวเสี่ยวถิงก่อนเป็นอันดับแรก เฒ่าฉวนจอดเกวียนม้าไว้หน้าบ้านหลังเล็ก ในตอนนี้มันดูแตกต่างจากเดิมไปถนัดตา บรรยากาศโดยรอบน่าอยู่อาศัย ไม่เหมือนแต่ก่อน ที่มองอย่างไรก็เป็นกระท่อมมุงหลังคาด้วยหญ้าเก่า ๆ โทรม ๆ
“เสี่ยวถิงอยู่บ้านหรือไม่ ข้าลุงฉวนเอง” เฒ่าฉวนตะโกนเรียกเจ้าของบ้าน เขารอไม่นานร่างเล็กก็ปรากฏตัวออกมาจากทางหลังบ้าน
“อยู่เจ้าค่ะท่านลุง เป็นเช่นไรบ้างถุงเท้าข้าขายได้หรือไม่” ได้เงินน้อยนางไม่ว่าขอแค่ขายได้เป็นพอ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ขาดทุนอยู่แล้ว
“ได้สิ ทางนั้นสั่งเพิ่มด้วยนะ ถ้าเจ้ามีก็เอาไปขายได้ตลอด นี่เงินหนึ่งตำลึงของเจ้า” ผู้นำฉวนยื่นเงินทั้งหมดที่ได้มาให้หญิงสาว ส่วนตัวเขานั้นไม่ได้คิดค่าขนส่งแต่อย่างใด
“จริงหรือเจ้าคะท่านลุง เช่นนั้นข้าขอเก็บไว้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งจ่ายเป็นค่าที่ได้หรือไม่” เดิมทีนางก็อยากจะจ่ายไปทั้งหมด ทว่าการไม่มีเงินติดตัวเลยอาจทำให้ตนเองลำบากต้องหาข้อแก้ตัวอยู่เรื่อย ในยามเอาของจากของวิเศษมาใช้
“ได้ ๆ ข้าจะลงบัญชีเจ้าไว้ก็แล้วกัน แล้วนั่นเจ้าทำอะไรอยู่หรือ ถางหญ้าเสียเตียนเชียว”
“อ๋อ ข้าจะปลูกผักเผื่อจะได้เอาไว้ขายน่ะเจ้าค่ะ พอดีข้าไปเจอเมล็ดผักอยู่หลังบ้านมา” แต่ความเป็นจริงแล้วนางเอาออกมาจากของวิเศษต่างหาก หลังบ้านมีที่ไหนกัน ตั้งแต่ทะลุมิติมาก็นับไม่ได้แล้วว่าตนเองโกหกไปแล้วกี่ครั้ง
“ก็ดีนะข้าว่า จะได้เก็บไว้กินได้ด้วย” เขาพยักหน้าเห็นด้วยที่เสี่ยวถิงคิดจะปลูกผัก นอกจากเอาไว้ขายก็ยังเก็บไว้กินเองได้อีก ของกินไม่ขาดแถมยังขายได้เงิน
“จริงสิท่านลุง รบกวนเงินส่วนนี้ข้าฝากท่านซื้อพวกข้าวสาร แป้ง แล้วก็เครื่องปรุงได้หรือไม่เจ้าคะ” หญิงสาวแบ่งเงินที่ได้มาอีกครึ่งหนึ่งฝากท่านลุงซื้อของแห้งเพื่อใช้บังหน้า นางน่ะไม่เดือดร้อนอะไร ที่ฝากซื้อนอกจากเอามาใช้บังหน้ามิให้ผู้อื่นสงสัย นางจะนำของทั้งหมดให้ครอบครัวอาคุณเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
“ได้สิ แต่คงต้องรอจนกว่าข้าจะเข้าเมืองอีกรอบโน่นล่ะนะ”
“เจ้าค่ะท่านลุง ขอบคุณนะเจ้าคะที่คอยเป็นธุระให้” หญิงสาวโค้งคำนับ รู้สึกซาบซึ้งใจนักที่อย่างน้อยก็มีคนคอยช่วยเหลือ ทั้งที่มิได้ข้องเกี่ยวอะไรเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า
“ไม่เป็นไร ช่วยได้ก็ช่วยกันไป ข้ากลับแล้วมีธุระอะไรไปหาข้าได้ตลอดนะไม่ต้องเกรงใจ”
หลังจากยืนส่งจนเกวียนแล่นไปลับตา เสี่ยวถิงได้กลับมาทำสวนต่อ นางกำลังขุดแปลงผักพลิกหน้าดิน แม้การทำสวนจะลำบากไม่น้อย แต่ก็ทำให้หญิงสาวหายเหงาไปได้เช่นกัน ร่างบางหยิบจอบขึ้นมาขุดร่องผักอย่างทุลักทุเล จำได้ตอนเด็ก ๆ เคยช่วยพ่อกับแม่ทำสวนในตอนนั้นแม้จะเหนื่อยแต่ก็มีความสุข หญิงสาวขุดร่องผักพรวนดินอยู่นานแต่ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด มือนุ่มที่แม้จะออกแรงทำสวนเท่าใดก็ไม่แตกกร้านอย่างที่ควรจะเป็น นางรู้สึกทึ่งกับพรที่ท่านเทพประทานให้นัก ไม่คิดว่ามันจะดีเช่นนี้
ผักที่นางจะปลูกเน้นปลูกง่ายเก็บผลผลิตได้เร็วครึ่งหนึ่ง เช่น ผักบุ้ง ต้นหอม กระเทียม แม้คิดว่าคงจะไม่ค่อยได้ราคาแต่ก็ไม่เป็นไร ส่วนพื้นที่ที่เหลือก็จะปลูกผักที่ต้องใช้ระยะเวลาสักหน่อย เช่น แตงกวา ฟักทอง พริก กว่าที่เสี่ยวถิงจะปลูกผักทั้งหมดนี้เสร็จก็เล่นเอาเกือบเย็นย่ำ หญิงสาวจึงได้วางมือจากงานเกษตร แล้วกลับไปอาบน้ำกินข้าว พักผ่อนเก็บแรงไว้พรุ่งนี้ หนทางรวยยังอีกยาวไกลนัก