บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

ช่วงกลางดึกของคืนนั้น ดูเหมือนว่าลมพัดแรงกว่าทุกคืน เสียงใบไม้ลู่ลมดังออกมาเป็นระยะ บรรยากาศก็ช่างหลอนเหลือเกิน ยิ่งบางครั้งเหมือนต้นไม้สั่นไหว พร้อมกับได้ยินเสียงตุบตับมีของตกลงพื้น แต่เมื่อเปิดหน้าต่างออกดูกลับไม่พบอะไร เสี่ยวถิงปิดหน้าต่างอย่างรวดเร็ว จัดการล็อกอย่างแน่นหนา ก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมโปงด้วยความกลัว

“อย่าได้มาหลอกมาหลอนกันเลย นโมตัสสะ อาเมน อมิตตาพุทธ”

ไม่ว่าจะยกมือขึ้นอุดหู พยายามข่มตาหลับเพียงใด เสียงจากด้านนอกก็ยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กว่าเสียงนั้นจะจบลงเวลาก็ล่วงเลยไปค่อนคืน ทำเอาเช้านี้เสี่ยวถิงตื่นมาพร้อมกับใบดวงตาดำคล้ำ ต้องใช้ครีมมาส์กหน้าเพื่อฟื้นฟูให้ผิวพรรณกลับมาดูดีดังเดิม ถ้าใครมาเห็นนางตอนนี้เข้าก็คงตกใจกระมัง พวกหน้าขาวด้านบนโปะด้วยแตงกวาฝานบาง ๆ ทั่วทั้งใบหน้า

“พี่เสี่ยวถิง ข้าอาคุณเอาฟืนมาส่งขอรับ” วันนี้เป็นอีกวันที่เขาจะต้องเอาฟืนมาส่งพี่สาว เมื่อวานได้ของกินไป ท่านยายได้สั่งกำชับหนักหนาให้เขาช่วยงานพี่สาวให้มาก

“อาคุณหรือ เอาไปกองไว้ในครัวได้เลย” เสี่ยวถิงตะโกนตอบกลับ นอนเล่นอยู่บนเก้าอี้ม้าโยกทำตัวเอื่อยเฉื่อย ทั้งที่ปกติจะต้องออกไปเปิดประตูให้เด็กน้อย เป็นเพราะนอนหลับไม่พอ ทำให้นางรู้สึกอ่อนเพลียและขี้เกียจไปหมด

อาคุณเมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าบ้านได้ เขาจึงแบกมัดฟืนเข้าไปเก็บในครัวตามคำสั่ง จัดเรียงและตัดเป็นท่อนขนาดพอเหมาะสำหรับการใช้งานให้เสร็จสรรพ ก่อนจะเดินไปหาพี่สาวด้านนอก เก้าอี้โยกนอนแล้วน่าจะสบาย อยากให้ท่านยายได้นั่งเช่นนี้บ้าง เขาต้องทำงานหนักแค่ไหนถึงจะได้มันมา

“พี่สาวนั่นท่านเอาแตงกวาแปะไว้ที่หน้าทำไมหรือขอรับ” เมื่อเห็นเต็มตาอาคุณรู้สึกตกใจไม่น้อย พี่สาวเอาแตงกวาหั่นเป็นแว่น แปะติดไว้เต็มใบหน้าและดวงตา แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นใบหน้าขาว ๆ นั่นคืออะไรกัน นางจะไปเล่นงิ้วหรือ

“พี่สาวกำลังบำรุงผิว อาคุณเจ้าไม่ต้องสนใจหรอก เอาฟืนไปเก็บแล้วใช่หรือไม่ ก่อนกลับหยิบปิ่นโตกลับบ้านด้วยนะ” หญิงสาวชี้ไปทางโต๊ะกินข้าวทั้งที่ยังนอนหลับตาพริ้ม

“ยังไม่กลับขอรับ ท่านยายให้ช่วยงานพี่สาวก่อน” เด็กน้อยบอกออกไปตามตรง เขายืนหันรีหันขวางมองหางานที่ตนพอจะทำได้ ทว่าภายในบ้านก็สะอาดเอี่ยมเสียจนไม่มีงานใดให้เขาทำเลย

“เจ้าไม่ต้องทำหรอก แค่เก็บฟืนมาส่งก็พอแล้ว”

“ไม่ได้ขอรับ ท่านยายสั่งไว้ ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องรับของกลับบ้านขอรับ” ราวกับว่าท่านยายรู้อยู่แล้ว หากนำฟืนมาส่ง พี่สาวจะต้องให้ของกินกลับบ้านมาด้วย ดังนั้นจึงสั่งให้เขาทำงานอะไรก็ได้ให้เสร็จก่อน ค่อยกลับบ้าน

หญิงสาวนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ จะมีงานใดที่เด็กวัยห้าหนาวพอจะทำได้บ้าง เรื่องงานบ้าน งานทำความสะอาด นางทำเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะหลอนจนนอนไม่หลับ จะเหลือก็แต่งานรดน้ำผักเท่านั้นเอง

“เช่นนั้นเจ้าช่วยไปรดน้ำผักให้พี่สาวได้ไหม ใช้น้ำในโอ่งรดได้เลยนะ รดน้ำอย่างเดียวไม่ต้องไปตักมาเติม” หญิงสาวพูดเนือย ๆ ราวกับจะหลับได้ทุกเมื่อ แต่ก็ไม่ลืมกำชับเด็กชายไม่ให้ไปตักน้ำใส่โอ่ง ด้วยไม่ไว้ใจให้ไปแถวลำธารคนเดียว อาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ

“ไม่ให้ตักน้ำมาเติมจะดีหรือขอรับ ครั้งหน้าพี่สาวจะเอาน้ำจากไหนมาใช้”

“เจ้าแค่รดน้ำก็พอแล้วนี่คือคำสั่ง” ด้วยความง่วงงุนยิ่งพูดก็ยิ่งหาว ถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดปากที่กำลังอ้ากว้างเกินงาม

“พี่สาวเมื่อคืนนอนไม่หลับหรือ”

“ใช่แล้ว เมื่อคืนมีเสียงอะไรไม่รู้ ดังแว่วจากป่าด้านโน้น มันน่ากลัวมากเลย”

“เมื่อเช้าได้ยินผู้ใหญ่คุยกันขอรับ ได้ข่าวว่าทหารจับไส้ศึกได้แต่มันหนีมาทางหมู่บ้านเรา แต่พี่สาวไม่ต้องห่วงนะขอรับ ท่านแม่ทัพจัดการมันไปแล้ว” เรื่องนี้ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านพูดกันหนาหูเชียวล่ะ ไส้ศึกที่ว่าก็ถูกฆ่าตายแล้วด้วย

“เจ้าพูดจริงนะ เมื่อคืนพี่สาวหลงคิดว่าเป็นผีมาหลอกเสียอีก” นางรู้สึกโล่งอกไม่น้อย เสียงเมื่อคืนไม่ใช่ผีก็ดีแล้ว มิเช่นนั้นคืนนี้มีหวังไม่ได้หลับได้นอนอีกเป็นแน่

“จริงขอรับ พี่สาวพักผ่อนเถิด ข้าจะไปรดน้ำผักให้เอง”

จากนั้นอาคุณก็ไม่ได้อยู่พูดคุยต่อ ปล่อยให้เสี่ยวถิงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เด็กน้อยตั้งหน้าตั้งตารดน้ำผักให้เสร็จเร็ว ๆ จะได้ไปทำงานอย่างอื่นต่อ นี่เป็นการทำงานสบายที่สุดเท่าที่เคยทำมาก็ว่าได้ โอ่งมีน้ำเต็มทุกใบและถูกตั้งไว้ทุกมุม ไม่ต้องเดินไปตักน้ำจากที่ไกล ๆ เพียงแค่เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงโอ่งน้ำแล้ว อีกทั้งรู้สึกสนุกกับการทำงานในครั้งนี้มาก

หลังจากเสร็จงานสวน เมื่อกลับเข้าบ้านอีกครั้งก็พบว่าพี่สาวได้หลับไปแล้ว เด็กน้อยจึงหยิบเอาปิ่นโตที่พี่สาวบอกไว้นำกลับบ้าน ตั้งใจไว้ว่าจะต้องทำงานให้หนักมากขึ้น ให้สมกับค่าจ้างที่ได้รับมา

ผักที่เสี่ยวถิงปลูกได้เจริญงอกงามตามกาลเวลา บัดนี้ต้นหอม กระเทียม โตมากพอที่จะเก็บขายได้แล้ว นางและอาคุณช่วยกันเก็บได้หนึ่งเข่ง ทว่าเมื่อเด็กชายกลับไป นางได้เพิ่มจำนวนของผักอีกเป็นเท่าตัว จากหนึ่งเข่งกลายเป็นสามเข่ง ตอนนี้รอเพียงท่านลุงฉวนมารับ ส่วนถุงเท้านางก็ยังส่งขายควบคู่กันไปด้วยเช่นเดิม

เสี่ยวถิงยืนรอท่านลุงฉวนอยู่หน้าบ้านไม่นาน เกวียนม้าก็วิ่งเข้ามาจอดเทียบหน้าบ้าน ทั้งสองช่วยกันขนเข่งผักขึ้นเกวียน เมื่อเฒ่าฉวนได้เห็นผักใกล้ ๆ เขาก็อดที่จะรู้สึกทึ่งไม่ได้ หัวและใบใหญ่อุดมสมบูรณ์ดีมาก นางทำได้อย่างไร ทั้งที่ดินไม่ค่อยดีปลูกอะไรก็ไม่ค่อยขึ้น แต่นางกลับสามารถทำให้พืชผักงอกงามได้ขนาดนี้

“เสี่ยวถิงเจ้าปลูกผักด้วยวิธีอะไรถึงได้งามเช่นนี้” ส่วนมากถ้าใบสวยหัวก็จะเล็กลีบ หรือถ้าหัวใหญ่ส่วนใบก็จะมีน้อยและแคระแกร็น หรือไม่ก็อาจจะปลูกไม่ขึ้นเลยก็มี

“ข้ามีสูตรปุ๋ยหมักเจ้าค่ะท่านลุง วันหลังมาข้าจะเขียนสูตรให้นะเจ้าคะ” ความจริงแล้วนางแอบใช้ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยคอก ผสมกับปุ๋ยหมักแบบสำเร็จไม่ต้องทำเอง เรื่องสูตรนางก็สามารถหาให้ได้ แต่ไม่รับรองเรื่องผลลัพธ์จะได้ผลจริงหรือไม่

“ดี ๆ จะว่าอะไรหรือไม่ ถ้าหากข้าจะนำไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านคนอื่นด้วย”

“ไม่หวงเจ้าค่ะ ข้ายินดีด้วยซ้ำที่สามารถทำประโยชน์ได้” ร่างบางนั่งห้อยขาอยู่ตรงกลางเกวียน การได้นั่งรับลมเย็นทำให้นางรู้สึกดีไม่น้อย คราวนี้ท่านลุงนำผักไปขาย ทางที่จะไปต้องผ่านตัวเมืองก่อน นางจึงขอติดเกวียนไปด้วย

“ขอบใจเจ้ามากนะ ลุงเชื่อว่าต้องช่วยได้มากแน่ ๆ”

ระหว่างเดินทาง ทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการปลูกพืชผัก บางครั้งก็มีเสียงหัวเราะของทั้งสองแว่วออกมาให้ได้ยิน ทำให้การเดินทางในครั้งนี้ไม่เงียบเหงาเหมือนครั้งก่อน ๆ เฒ่าฉวนมาส่งหญิงสาวตรงหน้าตลาด นัดหมายเวลาพบกันให้เรียบร้อย จากนั้นได้บังคับเกวียนออกเดินทางต่อทันที หากไปช้าก็จะต้องต่อแถวยาวรอนาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel