บทที่ 7
“เด็กน้อยเจ้ากำลังทำอะไรอยู่หรือ”
“พี่สาวใจดีนั่นเอง ข้ากำลังเก็บฟืนขอรับ” อาคุณที่กำลังเก็บฟืนเพื่อไปไว้ใช้ที่บ้านอยู่นั่น เมื่อมีคนเรียกเขาหันขวับทันที เขาจำเสียงได้พี่สาวแสนสวยผู้นี้คือคนเดียวกับที่มอบซาลาเปาให้เขาได้กินอิ่มท้องในวันนั้น
“ตัวแค่นี้ต้องออกมาหาฟืนคนเดียว แล้วพ่อแม่เจ้าเล่าเด็กน้อย เหตุใดถึงได้ปล่อยให้เจ้ามาคนเดียว” ตัวก็เล็กทั้งแคระแกร็น พ่อแม่ก็กระไรปล่อยให้เด็กออกมาคนเดียวได้อย่างไร
“พวกท่านไม่อยู่แล้วขอรับ ข้าอยู่กับท่านยายแล้วก็น้องสาว” เด็กน้อยใบหน้าเศร้าหมอง เมื่อหวนนึกถึงบิดามารดาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
“ข้าเสียใจด้วยนะเจ้าหนู เจ้าชื่ออะไรหรือ ส่วนข้าชื่อเสี่ยวถิง”
“ข้าชื่ออาคุณขอรับพี่เสี่ยวถิง”
“อาคุณ หลังจากเก็บฟืนเสร็จเจ้าจะทำอะไรต่อหรือ” หญิงสาวหาเรื่องชวนคุย เพื่อไม่อยากให้อาคุณลืมเรื่องเศร้าใจ หลังจากที่ตนได้เผลอถามในสิ่งที่ไม่ควรถามออกไป
“เก็บผักกลับไปทำกับข้าวตอนเย็นขอรับ”
“เจ้ากินแต่ผักเช่นนี้ทุกวันเลยหรืออาคุณ” พอได้ฟังมันก็ยิ่งจุกอก นางเองก็อยากจะช่วยแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรดี นางเองก็ไม่มีเงินติดตัวเลยสักอีแปะ จะมีก็แต่ของกินที่สามารถเอาออกมาจากของวิเศษได้เท่านั้น แต่จะให้อย่างไรไม่ให้ดูสะดุดตาเกินไป จนถูกจับผิดได้
“ขอรับ แต่ไม่เป็นไรพวกเรากินแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วขอรับ ท่านยายบอกกินผักเยอะ ๆ จะได้แข็งแรง” แขนเล็กยกขึ้นให้เห็นมัดกล้าม แม้จะพยายามเกร็งให้เห็นกล้ามเนื้อเช่นไร สิ่งที่เห็นก็มีเพียงแค่หนังหุ้มกระดูก เด็กน้อยเห็นพี่สาวมองเขาด้วยความสงสาร จึงรีบบอกปัดทันทีไม่อยากให้นางต้องกังวล
“อาคุณพี่สาวอยากได้ฟืนไปไว้ใช้ที่บ้านสักสองมัด แต่ว่าตอนนี้พี่สาวไม่มีเงินมีค่าจ้าง ค่าจ้างเป็นอาหารแทนจะได้หรือไม่”
“ได้ขอรับ ข้ารับงานขอรับ” เด็กน้อยยิ้มด้วยความดีใจ อย่างน้อยท่านยายและน้องสาวก็ไม่ต้องกินแต่ผักไปอีกหนึ่งมื้อ
“เช่นนั้นเจ้าเอาฟืนพวกนี้ไปให้พี่สาวที่บ้านหลังท้ายหมู่บ้านนะ พี่สาวจะทำอาหารไว้รอ”
“ขอรับ ข้าเก็บฟืนครบแล้วจะรีบเอาไปให้” อาคุณพยักหน้างึกหงัก รับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ นี่เป็นงานแรกที่มีคนจ้างเขาเชียวนะ ไม่อยากให้นายจ้างคนแรกผิดหวังในตัวเขา
คล้อยหลังพี่สาวคนสวยจากไป อาคุณได้รีบเก็บเอาฟืนที่กองอยู่ตอนนี้มัดรวมกันทันที ในตอนแรกเขาจะเอาไปไว้ใช้ที่บ้าน ทว่าต้องนำไปส่งให้พี่สาวก่อน ไว้ค่อยมาเก็บใหม่อีกครั้งพรุ่งนี้ อย่างไรที่บ้านก็มีมากพอไม่ต้องรีบใช้ ตนเองนั้นออกมาเก็บไปไว้เรื่อย ๆ อยู่แล้ว เด็กน้อยเล็กจึงรีบเก็บฟืนให้ครบโดยเร็วด้วยไม่อยากให้พี่สาวต้องรอนาน กิ่งไม้แห้งอันไหนที่ยาวมีกิ่งก้านกางออกเกะกะ อาคุณก็ใช้มีดตัดออกให้สั้นลง เพื่อสะดวกต่อการจัดเก็บและใช้งาน
หลิวเสี่ยวถิงกลับมาถึงบ้านได้ นางจัดเตรียมอาหารไว้ให้เด็กน้อยทันทีตามที่รับปาก มีทั้งแบบพร้อมทานและของแห้ง หญิงสาวจัดผลไม้ใส่กระเป๋าผ้าแบบสะพายหลังมีแอปเปิล พุทธา องุ่น ของแห้งเป็นปลาสลิดตากแห้งนับสิบตัว เผื่อเอาไว้ให้ท่านป้าย่างให้เด็ก ๆ ทานกับข้าว
ส่วนในปิ่นโตไม้ไผ่สานเสี่ยวถิงใช้แบบหนึ่งเถามีทั้งหมดสามชั้น ชั้นแรกเป็นข้าวสวยหอมมะลิเม็ดขาวจั๊วะส่งกลิ่นหอม ชั้นสองเป็นปลานึ่งตัวใหญ่พร้อมกับผัดคะน้าน้ำมันหอยต้นอวบกรุบกรอบน่าทานใส่รวมกัน ปิ่นโตชั้นที่สามเป็นของหวานขนมแป้งทอดใส่ถั่ว ขนมเปี๊ยะกุหลาบแสนอร่อย เด็ก ๆ ต้องได้กินขนมบ้าง ถึงจะได้มีความทรงจำดี ๆ สมกับช่วงวัยเด็ก ตัวแค่นี้ต้องมาทำงานก็น่าสงสารมากพอแล้ว
“พี่เสี่ยวถิงข้าอาคุณนะขอรับ ข้าเอาฟืนมาส่งขอรับ” เด็กน้อยร้องเรียกอยู่หน้าบ้านไม่กล้าเข้าไปโดยพละการณ์ ทว่าเขาเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีใครออกมา พานทำให้ใจแป้วไม่น้อย กลัวว่าตนจะมาช้าไปพี่สาวไม่อยู่บ้าน หรือไม่ก็ไม่ต้องการฟืนพวกนี้แล้ว
เด็กน้อยวางมัดฟืนลงข้างกาย ก่อนจะยืนเกาะขอบประตูรั้วชะเง้อคอมองหาคนในบ้าน รออยู่นานพี่สาวก็ไม่ออกมาเสียที เขาจึงตัดสินใจเรียกอีกครั้ง หากยังเงียบอยู่เขาก็คงต้องวางฟืนไว้ที่นี่ แล้วรีบกลับไปเก็บผัก ไม่เช่นนั้นเย็นนี้ไม่พ้นต้องกินข้าวต้มเกลือ
“พี่เสี่ยวถิงข้าอาคุณนะขอรับ”
“มาแล้ว ๆ ขอโทษนะอาคุณ พอดีพี่สาวเข้าห้องน้ำอยู่น่ะ นี่ค่าแรงเจ้า” หญิงสาวถือของออกมาเต็มสองมือ พอมองเห็นร่างเล็กของอาคุณแล้วก็รู้สึกผิดไม่น้อย นางใส่ของเยอะไปหน่อย ลืมนึกไปว่าเขายังเด็กแรงก็น้อย จะถือไปหมดได้อย่างไร
“มันมากเกินไปขอรับ ข้าขอแค่ของในปิ่นโตก็พอ” กระเป๋าหน้าตาประหลาดนั้นดูแล้วน่าจะอัดแน่นไปด้วยของกินไม่น้อย ฟืนแค่สองมัดเล็ก ๆ หากนำไปขายก็ได้แค่หนึ่งอีแปะ ซื้อข้าวสักชามก็ยังไม่ได้ สิ่งที่พี่สาวให้มามันมากเกินกว่าจะเป็นค่าจ้างเสียอีก
“รับไปเถอะไม่ต้องเกรงใจ เช่นนี้ดีหรือไม่ พรุ่งนี้เจ้าก็เอาฟืนมาให้พี่สาวอีกสองมัดก็แล้วกัน” หญิงสาวจัดกระเป๋าให้เด็กน้อยสะพายหลัง ก่อนจะยื่นปิ่นโตอาหารให้อาคุณรับไป
“ไม่ดีขอรับ ถ้าจะให้คุ้มค่าอาหาร ข้าจะเก็บฟืนมาให้พี่สาวจนครบหนึ่งเดือนขอรับ”
“เจ้านี่ช่างดื้อดึงเสียจริง ตามใจก็แล้วกัน” หญิงสาวยอมแพ้ไม่อยากโต้เถียงอีก จึงปล่อยให้เด็กน้อยทำตามใจ อย่างน้อยในหนึ่งเดือนนี้ได้เจอเขาทุกวันนางก็สามารถให้ของกินเขาได้ทุกวันเช่นกัน
“ข้าขอตัวนะขอรับพี่สาว อยู่คนเดียวดูแลตัวเองดี ๆ นะขอรับ” เด็กน้อยโค้งคำนับ คำพูดคำจาไม่ต่างอะไรกับผู้ใหญ่
เด็กน้อยเดินกลับบ้านอย่างทุลักทุเลเดินตุปัดตุเป๋จะล้มเสียให้ได้ ปิ่นโตว่าหนักแล้ว ของในกระเป๋ายิ่งหนักกว่า ไม่รู้พี่สาวใส่อะไรไว้บ้าถึงได้หนักเพียงนี้ เขาชักอยากให้ถึงบ้านเร็ว ๆ เสียแล้วสิ เสี่ยวกุ้ยกับท่านยายจะดีใจหรือไม่นะ ที่ตนสามารถหาของกินมาได้มากมายมาได้