บทที่ 6
กระท่อมหลังน้อยที่เคยสร้างไว้เพื่อให้คนผ่านทางได้พักอาศัย เมื่อมีรั้วรอบขอบชิดก็ดูเป็นบ้านเรือนมากขึ้น อีกทั้งเสี่ยวถิงได้ตกแต่งรอบบ้านให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ด้วยการหาไม้ดอกและไม่ประดับมาตกแต่งให้สวยงาม จัดสวนหย่อมทางเดินด้วยไม้นานาชนิด ทั้งไม้ดอกและไม้ผล
หญิงสาวนำต้นกุหลาบ ต้นมะม่วง และต้นชมพู่ ปลูกไว้ริมรั้ว เพราะบริเวณบ้านไม่มีไม้ยืนต้นไว้คอยเป็นร่มเงาเอาเสียเลย จะดีหน่อยก็ตรงที่ลำธารห่างออกไปเพียงแค่หนึ่งหลี่ (500 เมตร) ถึงแม้จะใกล้ลำธารแต่นางก็ไม่อยากจะเสียเวลาต้องไปตักน้ำให้เหนื่อย จึงวางโอ่งดินมังกรออกมาตั้งตามจุดต่าง ๆ ทั่วทุกมุมเพื่อสะดวกในการใช้สอย พร้อมกับปิดฝาให้มิดชิดป้องกันยุงลงไปไข่ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายพาหะนำโรคไข้เลือดออกได้
สองสามวันมานี้นางเอาแต่จัดระเบียบกระท่อมให้เป็นบ้าน มิได้สนใจโลกภายนอกแต่อย่างใด โดยเฉพาะคิดวิธีหาเงินเพิ่มในอนาคต ซึ่งก็คงจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากการทำการค้า สิ่งที่นางถนัดมากที่สุดก็เห็นจะเป็นการทำอาหาร เปิดร้านเล็ก ๆ ในตัวเมืองก็คงจะดีไม่น้อย หมู่บ้านอันเล่ออยู่ห่างตัวเมืองไม่มาก หากเดินทางด้วยเกวียนหรือรถม้าใช้เวลาเพียงแค่สองเค่อ (30 นาที) หรือถ้าหากเดินทางด้วยเท้าก็ใช้เวลาสามเค่อ (45 นาที) เท่านั้น นับว่าเป็นการเดินทางไม่ไกลสักเท่าไหร่
วันนี้เสี่ยวถิงจะต้องนำถุงเท้าไปฝากท่านลุงฉวนไปขายที่ค่ายทหาร หญิงสาวได้แต่โอดครวญไม่คิดว่าจะหนักถึงเพียงนี้ มิเช่นนั้นคงให้ท่านลุงมารับที่บ้านเสียก็ดี
“เฮ้อ เสร็จเสียที ทีนี้ก็เอาไปฝากท่านลุงฉวนได้” ร่างบางแบกกระบุงที่บรรจุถุงเท้าไว้จนเต็มหลัง สองมือก็เต็มไปด้วยถุงถ้าที่บรรจุถุงเท้าไว้จนเต็มเช่นกัน
นางก็หวังว่าของพวกนี้จะทำเงินให้ไม่มากก็น้อย เสียดายก็ตรงที่มีของวิเศษทั้งทีจะเสกเงินออกมาใช้ไม่ได้ โลกเดิมก็เหนื่อยทำงานงก ๆ มากพอแล้ว โลกใหม่นางยังต้องมาทำงานหนักเช่นเดิมอีกหรือนี่ ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
“เหอะ! เกือบจะรวยอยู่แล้วเชียว ท่านเทพนะท่านเทพ” อย่างน้อยไม่ได้บัตรมีตติ้งของพี่จ๋า แต่ก็ถูกรางวัลตั้งหนึ่งล้านเชียวนะ จะได้ใช้เงินล้านอยู่แล้วเชียวดันถูกดึงให้มาอยู่ที่นี่แทน ระหว่างเดินไปบ้านผู้นำฉวน หญิงสาวเอาแต่บ่นกระปอดกระแปดไปตลอดทาง รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่หน้าบ้านท่านลุงฉวนเสียแล้ว
“อ้าว เจ้ามาแล้วหรือ ข้าว่าถ้าเจ้ายังไม่มาจะไปหาที่บ้านอยู่แล้วเชียว” เฒ่าฉวนกำลังเตรียมของที่จะนำไปขายยกขึ้นเกวียนกล่าวทักขึ้น เขาเห็นว่าสายมากแล้ว เสี่ยวถิงยังไม่มาก็ว่าจะแวะไปดูที่กระท่อมสักหน่อย เผื่อว่านางอาจจะติดปัญหาอะไรต้องให้ช่วยเหลือ
“ขออภัยเจ้าค่ะท่านลุง พอดีว่าของที่ข้าจะฝากไปขายหนักไปสักหน่อย ข้าก็เลยหยุดพักมาตลอดทางเจ้าค่ะ” ความจริงแล้วนางอยากจะยัดใส่กระเป๋าลากเสียด้วยซ้ำ จะได้ช่วยทุ่นแรง ทว่าการจะเอาของแบบนั้นออกมาใช้ก็คงจะดูแปลกในสายตาผู้พบเห็น
“แล้วนั่นเจ้าเอาอะไรไปขายหรือ” นางเหลียนภรรยาเฒ่าฉวนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น อดทึ่งไม่ได้ สตรีตัวเล็ก ๆ แบกของตั้งมากมายมาได้อย่างไร เป็นนางคงกลับไปขนมาสักสองสามรอบ
“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านป้าเหลียน เป็นถุงเท้าเจ้าค่ะ” เสี่ยวถิงกล่าวทักทาย ท่านป้าเหลียนใจดีอบอุ่นเหมือนกับยายที่จากไปในโลกเดิม จึงไม่แปลกที่หญิงสาวจะรู้สึกถูกชะตากับอีกฝ่าย
“โอ้ เจ้าทำถุงเท้าเป็นด้วยหรือเก่งจริง ข้าขอดูได้หรือไม่” เรื่องถุงเท้าชาวบ้านธรรมดาก็ทำเป็นมิได้ดูพิเศษอันใด แต่ในสายตาของนางเหลียน สตรีเพียงคนเดียวสามารถทำถุงเท้าได้มากมายหลายสิบคู่ถึงเพียงนี้ นางก็คงจะเก่งมีฝีมือไม่น้อย
“พอทำได้เจ้าค่ะ ท่านป้าชมเกินไปแล้ว ข้ามิได้เก่งอะไรมากมาย นี่ก็อดนอนทุกวันเลยเจ้าค่ะ” ร่างบางโกหกคำโต หากนางไม่พูดไปเช่นนั้นมีหวังท่านลุงท่านป้าได้ถามมากกว่านี้เป็นแน่
นางเหลียนถึงกับส่ายหน้า อดนอนทุกวันอะไรกันหน้าตาถึงได้สดใสราวกับคนไม่ต้องทำงาน ไม่มีเรื่องให้ทุกข์ร้อนใจ แต่นางก็เลือกที่จะปล่อยผ่าน ไม่อยากเซ้าซี้เรื่องส่วนตัวของคนอื่นมากนัก
หลิวเสี่ยวถิงหยิบถุงเท้าออกมาให้ท่านป้าเหลียนสองคู่ ก่อนจะยกส่วนที่เหลือขึ้นไปวางไว้บนเกวียนให้เสร็จสรรพ หมดธุระเรื่องฝากท่านลุงนำของไปขายที่ค่ายทหารแล้ว นางก็กะว่าจะกลับไปปลูกผักสวนครัวเพิ่ม เผื่อว่าจะได้นำผลผลิตมาขายเพิ่มรายได้อีกทาง
นางเหลียนพลิกดูถุงเท้าอย่างพิจารณา รู้สึกทึ่งฝีเข็มที่ละเอียดและยาวเป็นเส้นตรงเท่ากันราวกับจับวาง ไม่มีส่วนไหนเลยที่จะแตกแถวออกไป นี่เป็นฝีมือของคนคนเดียวทำทั้งหมดจริงหรือ
“เย็บได้ดีฝีเข็มละเอียดนัก ไม่คิดว่าเจ้าจะมีฝีมือการเย็บปักดีถึงเพียงนี้” นางเหลียนกล่าวชมหญิงสาวตรงหน้า ใครได้ไปเป็นภรรยาก็คงจะโชคดี นางทั้งงดงามและมีความสามารถในตัวไม่แพ้ใคร เมื่อชื่นชมผลงานจนหนำใจแล้วจึงได้ยื่นถุงเท้าคืน
“ท่านป้าไม่ต้องคืนเจ้าค่ะ ข้าให้พวกท่านคนละคู่” หญิงสาวส่ายหน้าไม่ยอมรับคืน นางตั้งใจจะให้คนทั้งคู่มากกว่านี้ แต่ก็กลัวพวกท่านจะไม่ยอมรับ เอาไว้ให้ความเป็นอยู่นางดีขึ้นมากกว่านี้ ค่อยหาสิ่งตอบแทนน้ำใจ
“ได้อย่างไรของซื้อของขาย ข้ารับไม่ได้หรอก” มือเหี่ยวย่นยื่นถุงเท้าคืนไม่ยอมรับ เห็นใจที่อีกฝ่ายไม่มีเงินทองติดตัว อยากจะให้เอาไปขายได้เงินเสียมากกว่ามาให้ตนและสามีเปล่า ๆ
“นั่นน่ะสิ เจ้าเก็บไว้ขายเถิด ว่าแต่เสี่ยวถิงเอ่ย เจ้าไปเอาผ้ามากมายมาจากที่ใด ถึงทำถุงเท้ามากมายได้เล่า” ผู้นำฉวนที่จัดเตรียมของเรียบร้อยแล้ว กลับมานั่งข้างภรรยา พร้อมกับถามสิ่งที่เขาสงสัย
“ข้าพูดตามตรง เอาผ้าผืนเดียวที่เป็นสมบัติติดตัวมาทำถุงเท้าเจ้าค่ะท่านลุงท่านป้า” ใบหน้างามก้มลงมองพื้น พร้อมกับลอบผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก หวังว่าท่านทั้งสองจะเชื่อในสิ่งที่นางพูด หากตนเองมีเงินทำทุนเสียตั้งแต่แรกก็คงไม่พูดโกหกน้ำไหลไฟดับอยู่ทุกวันนี้หอก
“เฮ้อ เรื่องเลวร้ายมันก็ผ่านไปแล้ว เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย ลุงกับป้าไม่ถามเจ้าแล้ว เอาละได้เวลาต้องออกเดินทางข้าไปละนะ เสี่ยวถิงเจ้ารอข้าอยู่ที่บ้านแล้วกัน ประเดี๋ยวขากลับข้าจะเอาเงินไปให้จะได้ไม่เสียเวลากลับไปกลับมา” เฒ่าฉวนไม่อยากจะถามอะไรไปมากกว่านี้ ด้วยไม่อยากจะให้เสี่ยวถิงต้องนึกถึงความหลังอันเลวร้ายที่ผ่านมา
“เจ้าค่ะท่านลุง”
เฒ่าฉวนขึ้นประจำที่คนขับ ได้บังคับเกวียนม้าให้ออกตัวเดินทางทันที เมื่อหมดธุระแล้วหลิวเสี่ยวถิงจึงขอตัวลากลับบ้านไปนางเช่นกัน ยังมีงานอีกหลายอย่างที่ทำค้างเอาไว้ แต่เมื่อเดินมาถึงครึ่งทางหญิงสาวได้บังเอิญเหลือบไปเห็นเด็กชายผู้หนึ่งที่แสนจะคุ้นตา เขากำลังก้ม ๆ เงย ๆ เก็บอะไรบางอย่างอยู่คนเดียวตรงชายป่า ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เสี่ยวถิงจึงไม่รอช้าเดินตรงเข้าไปหาเด็กคนนั้นทันที