บทที่ 5
ยามเฉิน (07.00-08.59 น.) ชายวัยกลางคนจำนวนสามคน ยืนชะเง้อคอมองหาผู้อาศัยอยู่หน้ากระท่อมหลังน้อยท้ายหมู่บ้าน รอมาสักพักก็ไม่มีใครโผล่ออกมาด้านนอกเสียที ทนรอไม่ไหวจึงได้ร้องเรียกคนในบ้าน พลางคิดไปว่าผู้นำฉวนมิได้บอกเวลาที่พวกเขาจะมาหรือไร
“แม่นางเสี่ยวถิงอยู่หรือไม่ ผู้นำฉวนวานให้พวกเรามาช่วยทำรั้วให้เจ้า” เฒ่าจางร้องเรียก ในมือเขามีมีดพร้าอันใหญ่
ไม่นานก็ได้ยินเสียงสตรีดังออกมาจากในบ้าน ทำให้พวกเขาพอจะโล่งใจที่ไม่ต้องมาเสียเที่ยว แทนที่จะได้ออกไปทำงานหาเงิน ก็ต้องเสียเวลามาใหม่วันหลังอีก
“อยู่เจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินเสียงคนเรียก หญิงสาวรีบวิ่งหน้าตั้งออกมาต้อนรับทันที ไม่คิดว่าพวกเขาจะมาเช้าถึงเพียงนี้ นางหรือก็มัวแต่โอ้เอ้เอาแต่นอนเล่นไม่ยอมลุกออกจากที่นอนนุ่มแสนสบาย
“พวกเราสามคนมาทำรั้วให้เจ้า แม่นางอยากให้มีส่วนไหนที่เจ้าอยากทำเพิ่มหรือไม่” ต้าเปาเอ่ยถาม พวกเขาจะได้ช่วยทำให้เสร็จทีเดียว
“ตอนนี้ทำแค่รั้วก็พอเจ้าค่ะ บอกตามตรงข้าไม่มีเงินค่าจ้างทำ ไม่อยากรบกวนพวกท่านมากไปเจ้าค่ะ” ถ้าเมื่อไรนางมีเงินมากพอน่ะหรือ จะสร้างบ้านใหม่ให้ใหญ่กว่าและดีกว่า
“ไม่ต้องเกรงใจพวกเราหรอก พอช่วยได้ก็ช่วยกันไป” ปู้เฉิงหน้าตายิ้มแย้มใจดี แม้ในสามคนนี้เขาจะอายุน้อยสุด แต่ฝีมือด้านการช่างก็มิแพ้ผู้ใดในหมู่บ้าน “พร้อมแล้วพวกเรามาเริ่มงานกันเลยดีกว่า ชักช้ากว่าจะเสร็จมันจะมืดค่ำก่อน”
“เฒ่าจางเจ้าจัดการขุดหลุมฝังหลักรั้วรอพวกข้าอยู่ที่นี้แหละ เราสองคนจะไปตัดไม้มาเอง” ต้าเปากับปู้เฉิงเสนอตัวออกไปตัดไม้เพื่อมาทำรั้ว เพราะต้องเดินไปถึงตีนเขา ถึงจะมีต้นไผ่ต้นใหญ่ให้ตัด เฒ่าจางแก่มากแล้ว จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก
“ได้ ๆ ไม่มีปัญหา นางหนู เจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกข้าเอง” เฒ่าจางหันไปไล่เจ้าของบ้าน ก่อนจะวางอุปกรณ์ที่นำมาด้วยแล้วเตรียมขุดหลุมรอสหายทั้งสอง
“ข้าจะไปเตรียมอาหารกลางวันไว้รอพวกท่านนะเจ้าคะ ข้าจะทำให้สุดฝีมือจนพวกท่านขอเติมอีกหลาย ๆ รอบเชียวละ” หญิงสาวยิ้มแฉ่งให้อย่างเป็นมิตร เรื่องอาหารปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนางเถิด
“นางหนูถ้าอาหารของเจ้าไม่อร่อยอย่างที่พูด พวกข้าจะคิดเงินค่าทำรั้วกับเจ้า” ต้าเปาเย้าแหย่ เดิมทีพวกเขาก็ไม่คิดคาดหวังกับอาหารกลางวันอะไรนั้นหรอก ที่มาช่วยก็เพราะหัวหน้าฉวนไหว้วานมา และที่สำคัญพวกตนรู้สึกเห็นใจ ได้ข่าวว่านางหนีตายมาจดจำสิ่งใดไม่ได้ สตรีตัวคนเดียวไม่มีสามีหรือญาติ ต้องมาใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
“ถ้าไม่อร่อยถูกปากขอผ่อนจ่ายได้หรือไม่เจ้าคะ” หญิงสาวหน้าซีดตัวลีบเมื่อท่านลุงทั้งสามบอกว่าจะคิดเงินค่าแรง หากอาหารที่นางทำไม่อร่อยถูกปาก
“ต้าเปาแค่ล้อเจ้าเล่นอย่าไปใส่ใจเจ้านั้นเลย เจ้าสองคนไปได้แล้ว” เฒ่าจางไล่บรรดาสหาย ให้ไปทำงานเสียที เอาแต่พูดคุยกันตรงนี้เมื่อไรงานจะเสร็จ
ต้าเปาและปู้เฉิงต่างก็แยกย้ายกันไปเพื่อตัดไม้ไผ่มาทำรั้ว ต้นไผ่เป็นไม้ที่ค่อนข้างจะหาง่าย แต่ละปีพวกมันแตกหน่อออกมามากมายจนกินไม่หวาดไม่ไหว แม้จะตัดเอามาทำสิ่งปลูกสร้างก็ยังมีอีกมาก ไม่ต้องห่วงว่ามันจะหมดไป
ทางด้านเสี่ยวถิงหลังจากแยกตัวออกมา นางเข้าครัวเพื่อเตรียมหาอาหารไว้สำหรับท่านลุงทั้งสามทันที เรื่องอาหารนางค่อนข้างจะคิดหนักไม่น้อย ไม่ใช่เพราะกลัวพวกเขาจะกินไม่ได้ แต่ปัญหามันอยู่ที่วัตถุดิบต่างหาก มันจะไม่แปลกไปหน่อยหรือ ในเมื่อนางไม่มีเงินค่าจ้างสักตำลึง แต่มีอาหารชั้นดีให้กินมากเท่าที่ต้องการ
หลิวเสี่ยวถิงค่อนข้างคิดหนักสำหรับเรื่องนี้ ร่างบางยืนคิดอยู่นานในที่สุดก็ตัดสินใจได้ นางจะทำอาหารที่มีลูกชิ้นปลาเป็นส่วนประกอบหลัก หากท่านลุงถามนางก็เพียงแค่ตอบไปว่าเป็นลูกชิ้นทำจากปลา ซึ่งปลาหาได้ง่ายทั่วไปไม่ราคาแพงเท่ากับเนื้อสัตว์ใหญ่
หญิงสาวจัดเตรียมอาหารทั้งหมดวางไว้บนโต๊ะ โดยมีข้าวที่อัดแน่นจนเต็มหม้อ แม้จะเป็นข้าวชั้นเลวทั้งแข็งและไม่เต็มเม็ดก็ตาม ขอเพียงแค่ยังมีข้าวให้กินอิ่มชีวิตนี้ก็ถือว่าดีมากพอแล้ว ชาวบ้านธรรมดาไม่ได้มีรายได้อะไรมากมาย จะมีปัญญาซื้อข้าวดี ๆ ทั้งหอมและนุ่มได้อย่างไร
ในตอนนี้มีข้าวมีพร้อมแล้ว จะเหลือก็แต่กับข้าว เสี่ยวถิงเลือกเป็นผัดยอดผักแม้วน้ำมันหอย และผัดกะเพราใส่ลูกชิ้นปลา อย่างสุดท้ายคือแกงจืดเต้าหู้ถั่วเหลือง อาหารทั้งสองอย่างนางใส่ไว้เต็มหม้อเช่นกัน เผื่อพวกท่านลุงต้องการห่อกลับไปกินที่บ้านด้วย นางจะยินดีมาก เพราะที่ทำไว้เยอะนางก็อยากให้พวกเขาเอากลับไปแบ่งคนที่บ้านกินด้วยเช่นกัน
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม (2 ชั่วโมง) ต้าเปากับปู้เฉิงก็พากันขนไม้ไผ่มากองไว้ครบตามจำนวนที่ต้องการ ส่วนเฒ่าจางก็ได้ขุดหลุมไว้รอบบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน วันนี้อากาศช่างร้อนนักทำเอาพวกเขาเหงื่อไหลไคลย้อยเปียกปอนไปหมด ทว่าก็ยังดีที่มีลมเย็นพัดผ่านมาบ้าง พอช่วยให้คลายร้อนได้ แต่ที่ช่วยได้มากก็เห็นจะเป็นน้ำเย็นฉ่ำในโอ่งดินเผา แม้รสชาติจะเป็นน้ำดื่มธรรมดา ทว่ามันกลับมีสีแดงกลิ่นหอมหวาน พอได้ดื่มมันช่างชื่นใจดีแท้ เสี่ยวถิงเรียกว่าน้ำอุทัยทิพย์ เพียงหยดผสมลงน้ำดื่ม สรรพคุณช่วยให้รู้สึกสดชื่น แก้กระหาย แก้ร้อนใน บำรุงเลือด บำรุงหัวใจ ไม่คิดว่าจะมีประโยชน์มากถึงเพียงนี้
ชายทั้งสามร่วมแรงร่วมใจกันสร้างรั้วบ้านให้หลินเสี่ยวถิง ใช้เวลาครึ่งวันกว่าจะแล้วเสร็จ ถึงเวลาพักทั้งสามคนนั่งล้อมวงอยู่บนแคร่ ที่เพิ่งทำเสร็จเพื่อไว้ให้เสี่ยวถิงได้นั่งเล่นหน้าบ้าน ทุกคนมีข้าวห่อใบตองติดตัวมาด้วยคนละห่อ เมื่อเปิดออกระหว่างรอเสี่ยวถิงเข้าไปเอากับข้าวในบ้าน ทุกห่อมีเพียงข้าวเปล่าโดยมีแค่เกลือเพียงหยิบมือเอาไว้คลุกกับข้าวกินเท่านั้น
“อาหารมาแล้วเจ้าค่ะท่านลุง” หลังจากอยู่ด้วยกันมากว่าครึ่งวัน นางและท่านลุงทั้งสามก็เริ่มพูดคุยกันได้อย่างสนิทใจ เสี่ยวถิงได้รู้เกี่ยวกับหมู่บ้านและโลกต่างมิตินี้หลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่นางไม่ชอบมากที่สุด และเป็นสิ่งที่เหมือนเป็นปมในใจมาเนิดนาน บุรุษในยุคนี้มีภรรยาหลายคนมิใช่เรื่องผิด ภรรยาจะต้องเชื่อฟังผู้เป็นสามี ลูกสาวจะต้องเชื่อฟังครอบครัว ให้ทำอะไรก็ไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็น นั่นถือว่าเป็นตรรกะห่วย ๆ เหมือนไอ้เชษ อดีตแฟนเก่าของนางไม่มีผิด หญิงสาวได้ปฏิญาณกับตนเอง ถ้าได้สามีนิสัยเหมือนไอ้เชษ ขออยู่คนเดียวเสียยังดีกว่า
ร่างบางวางหม้อแกงจืดลงบนแคร่เป็นอย่างสุดท้าย ก่อนจะตักอาหารอีกสองอย่างส่งให้ท่านลุงคนละถ้วยอย่างพูน ๆ บุรุษทั้งสามเมื่อได้เห็นกับข้าวต่างก็พากันกลืนน้ำลายตาม เมื่อได้ลองลิ้มรสก็พบว่ามันอร่อยถูกปากเหลือเกิน ไม่จืดชืดเหมือนอาหารอย่างภรรยาที่บ้านทำ นั่นก็เพราะเครื่องปรุงจะมีเพียงแค่เกลือเป็นหลัก อาหารแต่ละอย่างจึงมีรสเค็มของเกลือและความหวานที่ได้จากผักเท่านั้น
“อร่อยใช่หรือไม่เจ้าคะ” หญิงสาวนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พอใจที่ท่านลุงทั้งสามชอบอาหารของนาง
“ให้พวกเรากินเยอะเช่นนี้จะดีหรือ แล้วเจ้าเล่าได้เก็บเอาไว้กินบ้างหรือไม่” เฒ่าจางกลัวว่าเสี่ยวถิงจะยกอาหารทั้งหมดที่นางมีให้พวกเขา แล้วนางจะเหลืออะไรไว้กินบ้าง หากเป็นเช่นนั้นของเหล่านี้เขาก็คงจะกินไม่ลง
“มีสิเจ้าคะ ข้าตั้งใจทำให้พวกท่านกินโดยเฉพาะ ส่วนของข้าแบ่งไว้กินเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ถ้าหากอาหารเหลือพวกท่านกินไม่หมด ก็แบ่งกลับบ้านไปได้เลยนะเจ้าคะ”
“ว่าแต่เจ้าไม่มีเงินจริงหรือ ดูจากอาหารและข้าวที่เจ้าทำให้พวกข้ากินก็ใช้เงินไม่น้อยนะนางหนู” เฒ่าเฉินอดที่จะถามออกไปเสียไม่ได้
“ไม่มีจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าเอาไปซื้อของกินหมดเลยเจ้าค่ะ ส่วนอาหารที่พวกท่านกินก็มีแค่ผักที่หาได้ทั่วไปไม่ได้ใช้เงินเลยสักอีแปะ” ความจริงแล้วนางไม่ได้ใช้เงินซื้ออาหารพวกนี้เลยต่างหาก มิหนำซ้ำยังสามารถเอาออกมามากเท่าไรก็ได้ตามแต่ใจต้องการ
“อ๋อ เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่ว่าน้ำแกงนี้เจ้าเก็บไว้กินเถอะ ข้าเห็นมีเต้าหู้ด้วยพวกเรารับไม่ได้หรอก” ต้าเปาดันหม้อน้ำแกงคืนให้ แค่ได้ข้าวกับผัดผักกลับบ้านไปก็ถือว่าคุ้มแล้ว บุตรชายเขาคงจะชอบใจที่ได้กินของอร่อย และมีข้าวขาวกินได้อย่างเต็มที่ตั้งหนึ่งมื้อโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครต้องอด
“อะไรกัน ข้าให้แล้วให้เลยเจ้าค่ะ เต้าหู้ที่ท่านเห็นข้าก็ทำจากถั่วเหลือง เทียบกับรั้วที่พวกท่านทำให้โดยไม่คิดค่าแรงก็ถือว่าข้าเอาเปรียบพวกท่านด้วยซ้ำไป ถือว่าเป็นน้ำใจจากข้านะเจ้าคะท่านลุง รอข้าสักประเดี๋ยว ข้าจะเอาไปห่อให้พวกท่านเอากลับไปกินที่บ้าน” หญิงสาวไม่รอฟังคำทัดทานใด ๆ ทำเป็นหูทวนลมหอบเอาหม้อข้าวและหม้ออาหารใส่ถาด ยกกลับเข้าเรือนไปอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวถิงจัดการนำของทุกอย่างใส่ถ้วยกระเบื้องปิดผาอย่างดี จัดเรียงในตะกร้าไม้สานแล้วปิดฝาตะกร้าอีกชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าไปในอาหาร นอกจากจะมีข้าวและกับข้าวสามอย่างแล้ว หญิงสาวได้ใส่ขนมแป้งทอดไส้เผือกให้คนละห้าชิ้น เพื่อเป็นของหวานไว้สำหรับกินตบท้าย
“ไว้ข้าจะเอาตะกร้ามาคืนเจ้าวันหลัง ขอบใจเจ้าอีกครั้ง” ชายทั้งสามกล่าวขอบคุณในน้ำใจ ที่เสี่ยวถิงได้มอบอาหารให้พวกเขาเสียมากมาย
“ข้าต่างหากที่ขอบคุณพวกท่าน” หากให้นางทำเองก็คงไม่ได้รั้วไม้ที่เรียงกันสวยงามและแข็งแรงเช่นนี้ เผลอ ๆ อาจะจะเป็นแค่รั้วไม้ที่วางระเกะระกะขวางหูขวางตาแทน
“พวกเรากลับแล้ว มีอะไรให้ช่วยอีกก็ขอให้บอก ไม่ต้องเกรงใจละ พวกเราไม่คิดเงิน” เฒ่าจางกล่าวลา เพราะเห็นว่าตนและพวกอยู่นานเกินไปแล้ว
“เดินทางกลับดี ๆ นะเจ้าคะ”
ทั้งสามคนหิ้วตะกร้าคนละใบ ปากก็ยิ้มไม่หุบ ถึงแม้จะไม่ได้เงินสำหรับค่าแรงของวันนี้ แต่พวกเขาก็ได้ของกินกลับไปให้กับภรรยาและลูก ๆ ที่รออยู่ที่บ้าน เมื่อกลับถึงบ้านของตัวเอง นายช่างฝีมือทั้งสามคนต่างก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ตั้งแต่นี้ต่อไปก็อยากจะช่วยเหลือเสี่ยวถิงทุกเรื่องที่สามารถทำได้ นอกจากอาหารจะถูกปากจนภรรยาขอสูตร ขนมที่ให้มายังอร่อยถูกใจลูก ๆ อีกด้วย ปกติภรรยาจะบ่นไม่หยุดเวลาพวกตนช่วยคนอื่นไม่คิดค่าแรง ทำให้แทบไม่ได้มีรายได้เข้าบ้าน แต่คราวนี้พวกนางกลับไม่ต่อว่าสักคำ และยังกล่าวชมว่าพวกตนทำถูกแล้วที่รับของมา