บทที่ 4
เสี่ยวถิงได้เดินตามทางที่ท่านป้าบอก ในที่สุดนางก็หาบ้านผู้นำฉวนพบเสียที บ้านหลังใหญ่ที่สุดก็เห็นจะเป็นบ้านหลังตรงหน้านางนี้กระมัง ทั้งใหญ่และมีสภาพดีกว่าหลังอื่นมากโข
“ขออภัยเจ้าค่ะ ใช่ท่านผู้นำฉวนหรือไม่เจ้าคะ” หญิงสาวเกาะขอบประตูรั้วชะโงกตะโกนหน้าถาม ระหว่างที่นางละล้าละลังไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ มีชายดูมีอายุผู้หนึ่งเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นพอดี
“ใช่แล้ว เจ้าเป็นใคร มีธุระอะไรกับข้าหรือ” ผู้นำฉวนตอบกลับทันที มั่นใจว่าตนไม่รู้สึกคุ้นหน้าตา หมู่บ้านเล็ก ๆ มีลูกบ้านไม่ถึงร้อยครัวเรือน เขาทุกคนได้ทั้งหมดอยู่แล้ว มั่นใจอย่างไรสตรีตรงหน้ามิใช่คนในหมู่บ้านแน่นอน
“ข้ามาจากทางตอนเหนือเจ้าค่ะ หมู่บ้านแตกเพราะสงครามก็เลยจะมาขออยู่อาศัยด้วยเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็เข้ามาคุยกันก่อน รอข้าอยู่ตรงนี้สักประเดี๋ยว” ผู้นำฉวนเปิดประตูรั้วให้หญิงสาวเข้ามาด้านใน พร้อมกับเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายนั่งพักตรงแคร่ข้างบันไดเรือน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินกลับเข้าเรือนไป และออกมาอีกครั้งพร้อมกับสมุดจดบันทึกและพู่กัน จากนั้นจึงได้เริ่มสอบถามข้อมูลส่วนตัว “เจ้าชื่ออะไร อายุเท่าไร มีญาติพี่น้องหรือไม่ ลี้ภัยมาจากที่ใดหรือนางหนู”
“เอ่อ... ข้าชื่อหลิวเสี่ยวถิงหรือจะเรียกว่าเสี่ยวถิงก็ได้เจ้าค่ะ อายุยี่สิบหนาว หนีภัยสงครามมาจากทางเหนือ นอกนั้นจำไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวถิงเริ่มรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยไม่ได้เตรียมการมาแต่แรก ลืมนึกไปว่าจะต้องมีการสอบถามเกี่ยวกับภูมิหลัง นางก็ได้แต่ภาวนาให้ผู้นำเชื่อคำตนเองด้วยเถิด
“เจ้าถูกทำร้ายมาหรือ”
“ตอนกำลังวิ่งหนี สะดุดล้มหัวฟาดท่อนไม้มาเจ้าค่ะ” หญิงสาวชี้ให้อีกฝ่ายดูร่องรอยตรงหน้าผาก รอยช้ำเป็นทางยาวเห็นได้ชัดเจน ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดี เพราะแผลที่ได้มาจากการทำความสะอาดบ้านเมื่อวาน ในตอนกวาดหยักไย่ไม่ทันระวัง หัวโขกกับเสาบ้านพอดี
“อืม...” ผู้นำฉวนครุ่นคิดอย่างหนัก เดิมทีคนที่จะเข้ามาอยู่อาศัย จะต้องลงบันทึกความเป็นมาของคนนั้นเอาไว้อย่างละเอียด เพื่อป้องกันพวกไม่ดีหนีคดีหรือทำเรื่องชั่วอุปโลกน์ตนเองเพื่อหลบซ่อนตัวหนีทางการ ทว่าสิ่งที่นางพูดมาก็มีส่วนเป็นไปได้ อีกทั้งนางก็เป็นสตรีตัวคนเดียว ดูไม่มีพิษภัยอันใด “ข้าให้เจ้าเป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน แต่จำไว้ด้วยล่ะ หากเมื่อใดข้ารู้ว่าเจ้ามาด้วยเจตนาไม่ดี ข้าสามารถไล่เจ้าออกไปได้ทุกเมื่อ”
“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ รับรองข้าไม่ทำให้เดือดร้อนแน่นอน ผู้นำฉวนข้ามีอีกหนึ่งเรื่องจะรบกวนท่านเจ้าค่ะ”
“เจ้ามีอะไรหรือ”
“ตอนนี้ข้าอาศัยอยู่บ้านร้างท้ายหมู่บ้าน ไม่ทราบว่าที่ตรงนั้นมีเจ้าของหรือยังเจ้าคะ แล้วถ้าหากข้าจะซื้อ ท่านพอจะบอกราคาได้หรือไม่”
“บ้านร้างหรือ ตรงนั้นไม่มีเจ้าของหรอก กระท่อมตรงนั้นข้าเป็นคนสร้างไว้ให้คนผ่านทางได้พักเหนื่อยเท่านั้น หากเจ้าอยากจะอยู่ก็ทำรั้วบ้านซะ คนผ่านไปมาจะได้รู้ว่ามีคนซื้อไปแล้ว ราคาซื้อขายก็อยู่ที่สองตำลึงสำหรับเนื้อที่สองงาน เจ้าจะซื้อตอนนี้เลยหรือไม่”
“คือว่าข้าไม่มีเงินติดตัวเลยเจ้าค่ะ ถ้าหากข้าจะขอทำงานแล้วผ่อนจ่ายเป็นงวด ๆ ได้หรือไม่เจ้าคะ” ตั้งสองตำลึงเชียวหรือ นางจะไปหาจากที่ไหนได้ทัน หญิงสาวเริ่มคิดหนักเพราะไม่รู้แหล่งหารายได้ด้วยซ้ำ ครั้นจะไม่ซื้อที่ แต่การมีที่พักอาศัยของตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
“ไอ้ได้มันก็ได้ แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าจะหาเงินสองตำลึงมาจ่ายได้ ข้าน่ะเข้าใจเจ้า ยามนี้ทำอะไรก็ลำบาก เช่นนี้ก็แล้วกัน เจ้าก็พักอาศัยที่ตรงนั้นไปก่อน พรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปช่วยทำรั้วให้ ไม่มีค่าจ้างก็จะทำแค่ไม้กั้นธรรมดาแบบลวก ๆ ให้ แต่อย่าเพิ่งดีใจไปละ ข้ามีข้อแม้ ในระหว่างที่เจ้ายังหาเงินมาซื้อที่ไม่ได้ ถ้ามีคนมาขอซื้อก่อนข้าก็ต้องให้คนนั้นไป เพราะที่มันเป็นของทางการไม่ใช่ของข้า ข้าไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธใคร เจ้าต้องเข้าใจข้าด้วยละ” ถึงแม้จะเห็นใจอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่ตัวเขาก็ทำอะไรมากไม่ได้เช่นกัน
“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ ผู้นำฉานพอจะแนะนำงานให้ข้าได้หรือไม่ หรืองานอะไรก็ได้ที่พอจะทำเงินได้เจ้าค่ะ” ถ้ามีที่ให้ขายของได้ก็จะยิ่งดี
“ที่ค่ายทหารประกาศรับซื้อเนื้อสัตว์ หรือพวกพืชทางการเกษตร ของป่า หรือแม้แต่ของใช้ทั่วไปจากชาวบ้าน ราคาก็ขึ้นอยู่กับประโยชน์ที่ใช้ได้ เจ้าก็ลองเอาไปขายดูสิ ถ้าสนใจเอามาฝากข้าไปได้ ข้าน่ะเอาผักไปขายทุกห้าวันอยู่แล้ว” ท่านแม่ทัพห่วงใยปากท้องชาวบ้าน จึงได้ประกาศรับซื้อสินค้าเพื่อลดความอดยาก ส่วนกองทัพก็ได้ประโยชน์ไม่ต้องซื้อผ่านพ่อค้าคนกลาง ที่จ้องแต่จะกดราคาจากชาวนาชาวสวน ไปขายให้กองทัพในราคาที่แพงขึ้น
“ขอบคุณเจ้าค่ะ คงต้องขอรบกวนท่านลุงเป็นธุระให้แล้ว” เสี่ยวถิงดีใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดนางก็พอมีทางออก เพียงแค่มีที่ให้ขายส่วนของที่จะนำมาขายนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
“ไม่เป็นไร ถือเสียว่ายามลำบากก็ช่วย ๆ กัน เจ้าก็เรียกข้าว่าท่านลุงฉวนเถิดคนกันเอง”
“เจ้าค่ะท่านลุง จริงสิ รบกวนท่านบอกคนที่มาช่วยทำรั้ว ไม่ต้องเตรียมอาหารเที่ยงมา ข้ามีให้หนึ่งมื้อนะเจ้าคะ” หญิงสาวยิ้มเขิน อายเหลือเกินที่ตนเองไม่มีสิ่งของมีค่าสำหรับเป็นค่าแรงให้พวกเลย
“ได้ ไว้ข้าจะบอกพวกนั้นให้แล้วกันนะ พรุ่งนี้จะให้พวกเขาไปทำรั้วให้แต่เช้า” เฒ่าฉวนรู้สึกเอ็นดูเสี่ยวถิงไม่น้อย นึกถึงบุตรสาวตนที่ตบแต่งออกไปอยู่กับสามีที่ต่างเมืองเหลือเกิน นางก็คงจะรุ่นราวคราวเดียวกับบุตรสาวเขากระมัง
“ขอบคุณท่านลุงอีกครั้งนะเจ้าคะ ข้ารบกวนเวลาท่านนานแล้วขอตัวลาเจ้าค่ะ” หลังจากพูดคุยธุระของวันนี้เสร็จแล้ว หญิงสาวก็ขอตัวลากลับทันที นางอยากจะรีบกลับ เพื่อคิดหาสินค้าที่เหมาะจะเอาไปขายเต็มทนแล้ว
เสี่ยวถิงเดินกลับทางเดิมเพื่อหวังว่าจะได้พบสามคนยายหลานอีกครั้ง นางอยากจะให้ขนมกับเด็ก ๆ เอาไว้กินเมื่อยามหิว ทว่ากลับพบแต่ความว่างเปล่า ในเมื่อพวกเขาไปแล้ว อีกทั้งนางก็ไม่รู้จักที่อยู่ จึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางก็พยายามจดจำถนนหนทางให้ขึ้นใจ เมื่อมาอีกครั้งนางจะได้ไม่หลงอีกเป็นครั้งที่สอง
เมื่อกลับถึงบ้านหลังน้อย หญิงสาวมองไปรอบบ้านอย่างหมายมาด นางอุตส่าห์ตกแต่งภายในเสียน่าอยู่ จะต้องเอาที่ดินผื่นนี้มาเป็นของนางให้จงได้
ร่างบางกางสมุดภาพลงบนโต๊ะญี่ปุ่นตรงมุมข้างหน้าต่าง ก่อนที่ตัวนางจะนั่งลงบนเบาะรองนั่งที่สามารถปรับพนักพิงหลังได้ตามระดับที่ต้องการ มุมนี้นางจัดเอาไว้สำหรับนั่งทำงาน ข้างกันนั้นมีโต๊ะเล็กพร้อมชุดกาน้ำชาเล็กน่ารักและขวดโหลใส่ขนม เอาไว้กินเล่นยามพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย
เสี่ยวถิงเปิดสมุดภาพทีละหน้า พิจารณาอย่างตั้งใจ แค็ตตาล็อกเกี่ยวกับของใช้งานฝีมือ นางกำลังเปิดหาของที่พอจะเอามาขายได้ โดยที่ไม่ทำให้ผู้อื่นสงสัยถึงความเป็นมาและวิธีการทำ อีกทั้งยังเป็นของที่ต้องใช้งานได้จริงและเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน หญิงสาวกวาดตามองภาพของใช้ แต่ไม่ว่าจะหาอย่างไรก็ไม่ตรงใจนางสักชิ้น ระหว่างนั้นดันเหลือบไปเห็นถุงเท้าตนเอง ปลิวตกจากราวตากผ้าด้านนอกเข้าพอดี
“ข้ารู้แล้วจะเอาอะไรไปขาย”
เสี่ยวถิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ถ้านางเอาถุงเท้าไปขายก็น่าจะดีไม่น้อย เพราะเป็นของที่พวกเขาต้องใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว คิดได้ดังนั้นนางจึงนำถุงเท้าออกมาจากของวิเศษจำนวนห้าสิบคู่ และมีหลายขนาดแตกต่างกันไป เพื่อให้เหมาะสำหรับขนาดเท้าของแต่ละคน หากผลตอบรับออกมาดี ครั้งหน้านางจะเพิ่มจากเดิมห้าสิบคู่เป็นหนึ่งร้อยคู่
ร่างบางจัดการเก็บถุงเท้าทั้งหมดลงในกระเป๋าผ้า อีกห้าวันนางจะนำมันไปฝากท่านลุงฉวนนำไปขาย ระหว่างรอวันน้ำถุงเท้าไปฝากท่านลุง นางจะปลูกผักสวนครัวตรงพื้นที่ว่างหลังบ้านเพื่อที่ว่าผลผลิตที่ได้สามารถสร้างรายได้อีกทางไม่มากก็น้อย หลังจากเก็บเงินซื้อได้สำเร็จ ต่อไปในอนาคตนางจะหาเงินให้มากพอ สำหรับการทำร้านอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่นางถนัดมากที่สุด