บทที่ 5 เดินทางเข้าป่า
# ยามหม่า(05.00-06.59) ไป๋หลันตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก แล้วเดินไปยังห้องครัวเห็นมารดากำลังทำอาหารอยู่จึงเอ่ยอาสาช่วยงานครัว เพราะนางรู้สึกว่าร่างกายของนางนั้นนอนพักผ่อนมานานมากแล้วเลยอยากยืดเส้นยืดสายบ้างจึงเอ่ยถามมารดา "ท่านแม่ให้ลูกช่วยนะเจ้าคะ"
"อ้าว! หลันเอ๋อร์ตื่นแล้วหรือลูก ถ้าเจ้าอยากช่วยเช่นนั้นก็ล้างผักพวกนี้ให้แม่ก็แล้วกัน" อู๋เหยาเอ่ย พร้อมกับส่งตะกร้าที่มีผักสดให้บุตรสาวช่วยล้าง
"วันนี้ท่านแม่จะทำอะไรทานหรือเจ้าคะ" หลินไป๋หลันเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
"เช้านี้แม่จะทำข้าวต้มและมีเครื่องเคียงสามอย่างจ้ะ" อู๋เหยาเอ่ยตอบบุตรสาวพร้อมกับเร่งมือทำอาหารเช้าโชคดีที่วันนี้มีลูกมือมาช่วย
ไป๋หลันช่วยมารดาทำกับข้าวในครัวอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยจึงช่วยกันยกไปที่ห้องโถงด้านหน้าเห็นบิดาและพี่ชายนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้วเช่นกัน
"วันนี้ตื่นมาช่วยแม่เจ้าทำอาหารหรือหลันเอ๋อร์" เฉินหยวนเอ่ยถามบุตรสาวของตน
"เจ้าค่ะ ท่านพ่อทานเยอะๆนะเจ้าคะจะได้แข็งแรงไวๆ" นางเอ่ยตอบบิดาพร้อมกับตักอาหารใส่ถ้วยข้าวของท่านอย่างเอาอกเอาใจ
"ได้ๆพ่อจะทานให้เยอะๆเลย" เฉินหยวนเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดีใจ
"วันนี้พี่ใหญ่จะออกไปไหนหรือป่าวเจ้าคะ" นางเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
"พี่ว่าจะเข้าป่าหาสมุนไพรเจ้าถามพี่ทำไมหรือหลันเอ๋อร์" เฉินหยางเอ่ยตอบและถามกลับไป
"ข้าขอไปด้วยนะเจ้าคะ" นางเอ่ยตอบทันทีด้วยความดีใจ เพราะอยากจะออกไปเปิดหูเปิดตาด้านนอก
"ไม่ได้!!" ทั้งสามเอ่ยขึ้นพร้อมกัน นางเพิ่งจะหายป่วยไข้ร่างกายยังไม่แข็งแรงจะให้ไปเดินตากเเดด ตากลมด้านนอกได้อย่างไรกัน
ไป๋หลันได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าเศร้าก้มหน้าบีบน้ำตาแล้วเงยหน้ามองพี่ชายกระพริบตาถี่ๆแล้วเอ่ยว่า "พี่ใหญ่ให้ข้าไปด้วยนะเจ้าคะ ข้าจะไม่ดื้อไม่ซน ข้าอยากไปเปิดหูเปิดตาบ้าง" นางงัดออกมาทุกกระบวนท่าสำหรับสาวยุคสองพันสิบเก้าที่เคยดูทั้งละคร ซีรี่ย์ดราม่า โรแมนติกและแอคชั่น หวังพี่ชายของนางใจอ่อน
หลินเฉินหยางมองหน้าน้องสาวพลันเห็นน้ำใสๆคลออยู่เต็มดวงตาก็ทำให้ใจอ่อนหยวบลงทันทีแล้วเอ่ย "ท่านพ่อ ท่านแม่ให้หลันเอ๋อร์ไปกับข้าก็ได้ วันนี้ข้าจะเข้าไปแค่ป่าชั้นนอกไม่ค่อยมีสัตว์อสูร ไม่น่าจะมีอันตรายขอรับ " ตนอยากจะพาน้องสาวออกไปด้านนอกจึงคิดว่าจะเข้าป่าเพียงแค่ชั้นนอกเท่านั้นจะได้สมุนไพรหรือไม่นั้นตนก็ไม่สนใจ
"ก็ได้ ๆ…แต่เจ้าต้องดูแลน้องดี ๆนะห้ามให้เกิดอันตรายเด็ดขาด" หลินเฉินหยวนเอ่ยกำชับบุตรชาย ตนเห็นบุตรสาวมีน้ำตาคลอที่ดวงตาก็นึกสงสารนางคงอยากออกไปเดินเล่นบ้างก็เท่านั้น
"ขอรับท่านพ่อข้าจะดูแลนางเป็นอย่างดีท่านมิต้องเป็นห่วง" หลินเฉินหยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อให้บิดาคลายความกังวล
"ขอบคุณท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าค่ะ" หลินไป๋หลันเอ่ยพร้อมกับทำหน้าดีใจยิ้มจนแก้มแทบปริ
เฉินหยางหันมามองน้องสาวเห็นแววตาระยิบระยับเจ้าเล่ห์ เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อนตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมาก็ดูสดใสร่าเริง ช่างพูดช่างคุย ผิดกับเมื่อก่อนที่มักจะเก็บตัวเงียบไม่ชอบออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านแต่เป็นเช่นนี้ก็ดีไม่น้อย จึงหันไปส่งยิ้มให้น้องสาวพลางเอ่ย "กินอิ่มแล้วเจ้ารีบไปเตรียมตัวเถิดประเดี๋ยวจะสาย"
"เจ้าค่ะพี่ใหญ่" หลินไป๋หลันเอ่ยรับคำ พร้อมกับช่วยมารดาเก็บโต๊ะอาหารเสร็จแล้วจึงรีบเดินไปเตรียมตัวทันที
แสงแดดอ่อน ๆอากาศค่อนข้างเย็นสบายสองข้างทางมีต้นไม้เล็ก ใหญ่มองดูสดชื่น วันนี้ไป๋หลันใส่เสื้อผ้าสีเขียวอ่อนที่เป็นสีโปรดของนาง แต่ชุดสมัยโบราณมันลุ่มล่ามแขนเสื้อที่กว้างจนทำอะไรไม่ถนัด นางจึงเอาชุดเก่าที่ไม่ใส่แล้วมาตัดเป็นริ้วคล้ายเชือกเอามามัดชายแขนเสื้อเอาไว้แล้วผูกโบว์สวยงาม
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงชายป่าเฉินหยางจึงเอ่ยกับน้องสาวของตนด้วยความเป็นห่วง "หลันเอ๋อร์เจ้าเดินใกล้ๆพี่เอาไว้นะประเดี๋ยวจะหลงทาง”
"เจ้าค่ะพี่ใหญ่.." ไป๋หลันเอ่ยรับคำอย่างว่าง่ายแล้วเดินเข้าไปกอดแขนพี่ชายของนางทันที
"หึ หึเจ้านี่นะ..." เฉินหยางหัวเราะชอบใจ พลางเอื้อมมือไปกอดคอน้องสาวเอาไว้ เขาเองก็ชอบให้น้องสาวคลอเคลียอยู่ใกล้ๆเช่นนี้ เพราะนางน่ารักสดใสและนานมากแล้วที่นางไม่ค่อยพูดจาหยอกล้อกับตนเช่นนี้
"เจ้าพกถุงหอมด้วยหรือ? กลิ่นหอมยิ่งนัก" หลินเฉินหยางเอ่ยถามน้องสาวด้วยความสงสัย แต่เมื่อมองข้างเอวของนางก็ไม่พบว่ามีถุงหอมห้อยอยู่
ไป๋หลันเองก็ได้กลิ่นตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาแล้วแต่คิดว่าเป็นกลิ่นดอกไม้ที่มารดาปลูกเอาไว้ แต่ตอนนี้นางอยู่ในป่าก็ยังได้กลิ่นหอมอยู่ จึงลองยกแขนของตนเองขึ้นมาสูดดม จึงได้รู้ว่ากลิ่นมันมาจากตัวของนางนั่นเอง
"เปล่านี่เจ้าคะ สงสัยว่าข้าจะโตเป็นสาวแล้วกระมังจึงมีกลิ่นกายหอม" ไป๋หลันเอ่ยเย้าพี่ชาย
เฉินหยางเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยื่นมือไปดีดหน้าผากน้องสาวเบาๆแล้วเอ่ยว่า "เจ้าช่างแก่แดดเสียจริงเชียว "
"โอ้ย!!...ข้าเจ็บนะเจ้าคะพี่ใหญ่" ไป๋หลันยกมือลูบหน้าผากตนเองปอยๆ จริง ๆ แล้วนางไม่ได้เจ็บเพียงแค่กลั่นแกล้งพี่ชายเล่นเท่านั้น
"เจ็บมากหรือไม่หลันเอ๋อร์พี่จะเป่าให้นะ" เฉินหยางเอ่ยจบก็ก้มลงเป่าหน้าผากน้องสาวเบา ๆ หวังให้นางคลายความเจ็บปวด
'ตายอย่างสงบ ศพเป็นสีชมพูโดนดาเมจพี่ชายไปเต็ม ๆ
ในป่าชั้นนอกมีสมุนไพรไม่มากเพราะชาวบ้านมักจะเข้ามาหากันบ่อย ๆ ไป๋หลันและพี่ชายจึงต้องเดินลึกเข้ามาเกือบถึงป่าชั้นกลาง เมื่อเดินมาได้สักพักก็เจอกับว่านแสงเดือนที่เป็นสมุนไพรระดับกลางใช้เพิ่มลมปราณ
ไป๋หลันเดินสำรวจรอบ ๆ ก็เจอกับกระต่ายตัวหนึ่งมันได้รับบาดเจ็บอยู่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ ตามตัวและขาของมันมีเลือดไหลซึมออกมาไม่หยุดนางจึงเดินเข้าไปดู
"เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?" หลินไปหลันเอ่ยถามออกไป
"เจ้ามนุษย์หน้าโง่ก็เห็นอยู่ยังจะมาถามทำอย่างกับว่าพูดกับข้ารู้เรื่อง" เจ้ากระต่ายเอ่ยพูดกับตัวเองเพราะคิดว่ามนุษย์ตรงหน้าฟังตนเองไม่รู้เรื่อง
"เจ้านะสิโง่ ถ้าไม่โง่คงไม่เจ็บขนาดนี้หรอก" หลินไป๋หลันเอ่ยสวนออกไปทันทีเพราะโดนด่าว่าตนเองหน้าโง่ เจ้ากระต่ายปากเสียมันหารู้ไม่ว่านางได้พรจากท่านเทพให้ฟังภาษาสัตว์ได้
"เจ้าฟังข้ารู้เรื่องด้วยหรือ?" เจ้ากระต่ายรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่มนุษย์พูดคุยกับมันได้
"ก็ใช่น่ะสิ แล้วเจ้าไปโดนอะไรมาถึงได้สะบักสะบอมขนาดนี้" ไป๋หลันเอ่ยถามเมื่อมองไปยังเจ้ากระต่ายที่มีเลือดเปรอะเปื้อนเต็มตัว
"ข้าโดนเจ้าหมาป่าทมิฬไล่ล่าหวังจะกินเนื้อข้า โชคดีหนีรอดมาได้แต่ก็ได้รับบาดเจ็บหนัก" เจ้ากระต่ายเอ่ยตอบ
"เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้า แต่เจ้าต้องพาข้าไปหาสมุนไพร เจ้าอยู่ในป่าน่าจะพอรู้ว่ามีสมุนไพรดีๆอยู่ตรงไหนบ้างใช่หรือไม่" ไป๋หลันเอ่ย นางแค่พูดดักหน้าเอาไว้เท่านั้นเจ้ากระต่ายจะรู้หรือไม่นั้นนางก็จะช่วยเหลือมันอยู่ดี
"ได้!! ข้าตกลงข้าจะพาเจ้าไป มีสมุนไพรหายากอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก" เจ้ากระต่ายเอ่ย ถือว่าเป็นโชคดีของมันที่มาเจอมนุษย์ผู้นี้ ถ้าเจอมนุษย์ทั่วไปมันคงกลายเป็นอาหารเพิ่มลมปราณไปแล้ว
ไป๋หลันหยิบโอสถเพิ่มพลังปราณออกมาหนึ่งเม็ด น้ำทิพย์หนึ่งขวดออกมาจากมิติ นางป้อนยาเจ้ากระต่ายและให้ดื่มน้ำทิพย์ครึ่งขวดส่วนอีกครึ่งหนึ่งใช้ราดไปที่แผลของมัน พลันอาการเจ็บและบาดแผลของมันก็หายสนิททันที
เจ้ากระต่ายเมื่อบาดแผลหายดีแล้วจึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย "ขอบใจมากนะมนุษย์น้อย เจ้าเดินตามข้ามา ข้าจะพาไปเอาของดี"
ไป๋หลันเมื่อได้ยินดังนั้นก็เรียกพี่ชายของนางที่กำลังก้มเก็บสมุนไพรอยู่ด้านหลังต้นไม้ทันที