บทที่ 13 โดนจับได้ว่าแอบหนีเที่ยว
เมื่อทั้งหมดกินอาหารเย็นกันเสร็จเรียบร้อยต่างก็แยกย้ายกันเข้าห้องเพื่อไปฝึกพลังปราณ ไป๋หลันเมื่อเห็นพี่กำลัง จะเดินเข้าห้องจึงรีบเอ่ยถาม “พี่ใหญ่คืนนี้ไปห้องข้าอีกหรือไม่”
"พี่ก็อยากไปดูละครต่อให้จบเหมือนกันแต่พี่เกรงใจกลัวว่าเจ้าจะนอนดึก"
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะพี่ใหญ่ ข้าอดนอนเป็นประจำตอนอยู่เวรดึก" ไป๋หลันกล่าวออกไปอย่างลืมตัวเพราะภพเก่าตอนฝึกงานอยูที่โรงพยายาบาลนางอดนอนอยู่เป็นประจำ
"เจ้าไปทำอะไรมาหรือ? ถึงอยู่เวรดึก" เฉินหยางสงสัยก็นางอยู่บ้านตลอดไม่ใช่หรือ
"ข้าก็พูดเรื่อยเปื่อยไม่ต้องสนใจหรอกเจ้าค่ะ เราเข้าห้องกันดีกว่า" ไป๋หลันเอ่ยพลางกอดแขนพี่ชายแล้วลากไปเข้าห้องทันที เมื่อเข้ามาในห้องนางก็เปิดละครเรื่องเดิมเพราะมันมีหลายตอนดูสิบวันก็ยังไม่จบ นางเสกขนมกับน้ำส้มแท้ออกมาให้พี่ชายได้ลิ้มลองเพราะไม่อยากให้เขาดื่มแต่น้ำอัดลมมันไม่ดีต่อร่างกายเท่าใดนัก
"พี่ใหญ่นั่งดูคนเดียวไปก่อนนะประเดี๋ยวข้ามา แป๊บ...นึง" ไป๋หลันกล่าวออกไปด้วยภาษาบ้านเกิด(โลกเก่า)
เฉินหยางขมวดคิ้ว น้องสาวเขาช่วงนี้พูดจาแปลกประหลาดฟังไม่ค่อยเข้าใจเลยถามออกไปว่า "แป๊บ...นึงคืออะไรหรือ?"
ไป๋หลันได้ยินพี่ชายถามด้วยน้ำเสียงยาน ๆ เช่นนั้นก็หัวเราะชอบใจแล้วเอ่ยตอบไปว่า "แป๊บ~นึง ก็หมายถึงรอสักครู่หนึ่งเจ้าค่ะ มันเป็นการประหยัดคำพูด สั้น ๆ ง่าย ๆ ไม่ต้องพูดเยอะเจ็บคอ"
"อ๋อ...พี่เข้าใจแล้ว" เฉินหยางพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วก็หันหน้าไปดูละครที่ชื่นชอบต่อทันที
ไป๋หลันเดินไปที่เตียงนอนเตียงของนางยังไม่ได้เปลี่ยนเพราะห้องนอนมันคับแคบเกินไป จากนั้นใช้เวทย์วิเศษเสกแหวนมิติที่มีพื้นที่จัดเก็บหลายไร่ออกมาจำนวนสี่วง แล้วนึกถึงอาวุธต่าง ๆ ที่นางเคยเห็นจากร้านขายอาวุธออกมาทั้งหมด แล้วจัดเก็บใส่ไว้ในแหวน ทีละวง ๆ จนครบทั้งสี่วงมันเป็นของนางหนึ่งวงเพราะคนจะได้ไม่สงสัยเวลาหยิบของออกมาจากมิติ
นางใส่เงินไว้ในแหวนของบิดาและมารดา คนละหนึ่งหมื่นเหรียญทอง ส่วนของพี่ชายไม่ได้ให้เพราะเขายังมีเงินจากการขายสมุนไพรอยู่ ตอนนี้นางยังมีเงินไม่มากและต้องนำไปจ่ายค่าบ้านพรุ่งนี้อีก เมื่อทำธุระเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปนั่งข้างๆพี่ชายทันที
นางมองพี่ชายที่นั่งดูละครอย่างใช้ความคิดจากนั้นก็เอ่ยขึ้น “พี่ใหญ่ต่อไปนี้ท่านนอนกับข้าที่ห้องนี้เถิดเพราะด้านนอกอากาศหนาว”
"..." เงียบไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจากคนที่นั่งอยู่ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจึงหันหน้าไปมองพี่ชายที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาดูละครอยู่
"ตั้งใจเกิน..." ไป๋หลันพลางล้มตัวลงนอนเอาหัวไปหนุนตักพี่ชายแล้วหลับไปอย่างมีความสุข เพราะวันนี้นางเพลียมาทั้งวันแล้ว
มื้อเช้าที่โต๊ะอาหารวันนี้เป็นข้าวต้มหมูร้อน ๆ ให้ทุกคนได้กินและมีขนมปังกับนมข้นหวานวางไว้บนโต๊ะ หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วไป๋หลันก็เอ่ยขึ้นทันที "ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ ข้ามีของมามอบให้พวกท่านเจ้าค่ะ"
"อะไรหรือ?หลันเอ๋อร์" เฉินหยวนเอ่ยถามบุตรสาวอย่างสงสัย
ไป๋หลันหยิบแหวนมิติออกมาสามวงวางไว้ตรงหน้าแล้วเอ่ย "มันคือแหวนมิติเจ้าค่ะ ลูกใส่อาวุธไว้หลายชนิดและเงินอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนของพี่ใหญ่อาวุธมีพร้อมขาดแต่เงินเจ้าค่ะ พี่ใหญ่น่าจะยังมีเงินเหลืออยู่ เอาไว้วันหน้าข้าค่อยให้ท่านนะเจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยบอกพี่ชาย
"ไม่เป็นไรหรอกหลันเอ๋อร์ พี่ยังมีเงินอยู่เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก" เฉินหยางเอ่ยบอกน้องสาว ทั้งสามรับแหวนมาแล้วส่งจิตเข้าไปสำรวจดูเมื่อเห็นอาวุธมากมายก็ต้องตกใจ
"หลันเอ๋อร์เจ้าไปเอาของพวกนี้มาจากที่ใดกันหรือ?" เฉินหยางเอ่ยถามน้องสาว เขาสงสัยเพราะของพวกนี้ไม่น่าจะมาจากโลกในฝันมันช่างดูคุ้นตาเขายิ่งนัก
ไป๋หลันได้ยินพี่ชายถาม ก็ตอบออกไปอย่างไม่ได้ทันคิด “ก็เมื่อวานข้าออกไปที่ร้านขายอา...อุ๊บ!!..." นางรีบเอามืออุดปากตัวเองเอาไว้แน่นแล้วกลอกตามองทั้งสามคน
"นี่เจ้า!!...แอบหนีไปข้างนอกคนเดียวหรือ? หึ่ยย... " เฉินหยางกล่าวออกมาอย่างเข่นเขี้ยวเขากลัวว่านางจะได้รับอันตรายนางยังเด็กนักจึงไม่ไว้ใจให้ไปไหนมาไหนผู้เดียว
"แฮะ แฮะ ขอโทษเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่" ไป๋หลันหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเอ่ยขอโทษอย่างสำนึกผิด
"เอาล่ะ ๆ คราวหน้าจะไปไหนก็บอกกล่าวกันก่อนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง" เฉินหยวนเอ่ยตัดบท
“เจ้าค่ะท่านพ่อ”
"ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากับหลันเอ๋อร์จะออกไปพบท่านพ่อค้าเพื่อติดต่อซื้อบ้านนะขอรับ" เฉินหยางเอ่ยบอกบิดามารดา
"ได้ ๆ พวกเจ้ารีบไปเถิด ประเดี๋ยวจะสาย" เฉินหยวนเอ่ย
"ขอรับ/เจ้าค่ะ" ทั้งสองเอ่ยพร้อมกัน
#พรรคจันทรา ยามเฉิน
ภายในห้องนอนของตำหนักจันทรา ร่างสูงสง่ายืนเอามือไพร่หลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง หนานเหวินหลงยืนคิดถึงเรื่องบางเรื่องที่ยังคงค้างคาใจ เขาให้ตงชินองครักษ์เงาไปสืบดูที่เมืองหนานเหอ ว่ามีหมอที่เป็นสตรีวัยไม่เกินสิบหกปีหรือไม่ ตงชินกลับมารายงานว่าที่เมืองหนานเหอไม่มีสตรีที่เป็นหมอเลย
นางเป็นใครกันหนานเหวินหลงรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้าสตรีผู้นั้น อย่างน้อยเขาก็อยากตอบแทนที่นางได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ส่วนที่นางล่วงเกินเขานั้นก็อีกเรื่องหนึ่งไม่เคยมีผู้ใดกล้าหาญมาทำแบบนี้กับเขาได้
ริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่นมันยังคงติดตรึงอยู่ที่ริมฝีปากของตน คิดแล้วก็ให้โมโหยิ่งนักจนหัวใจเต้นแรง!!...
"เรียนท่านประมุข" พ่อบ้านเจาเอ่ยเรียกผู้เป็นนาย
"เข้ามา"
"เรียนท่านประมุข มีสาร์นจากหอหมื่นโอสถ ความว่าจะมีงานประมูลสินค้าประจำปีจึงเรียนเชิญท่านประมุขเข้าร่วมงานขอรับ" พ่อบ้านเจาเอ่ยรายงาน
"งานเริ่มวันไหนหรือ?" หนานเหวินหลงเอ่ยถามพ่อบ้าน
"อีกเจ็ดวันข้างหน้าขอรับ"
"อืม...แจ้งกลับไปว่าข้าจะไปร่วมงาน"
"ขอรับท่านประมุข" พ่อบ้านเจากล่าวจบก็เดินออกไปด้วยสีหน้ากังวล ตนสังเกตตั้งแต่ท่านประมุขกลับมาจากป่าหมอกอสูรก็มีอาการเหม่อลอยอยู่บ่อยครั้งจนรู้สึกเป็นห่วงยิ่งนัก
#ตลาดเมืองหนานเหอ
สองพี่น้องเดินทางมายังบ้านของท่านพ่อค้าที่อยู่ท้ายตลาดเมื่อมาถึงก็เจอกับเจ้าของบ้านที่รออยู่ก่อนหน้าแล้ว ทั้งคู่จึงเอ่ยทำความเรารพผู้อาวุโสกว่าด้วยท่าทางนอบน้อม "คาราวะท่านพ่อค้าขอรับ/เจ้าค่ะ"
"คุณหนูชายคุณหนูทั้งสองเชิญตามสบาย พวกเจ้าเรียกข้าว่าเถ้าแก่ฟงเถิด" ชายสูงวัยเอ่ย
"ขอรับ/เจ้าค่ะ"
"พวกเจ้าทั้งสองตกลงจะซื้อบ้านหลังนี้หรือ?" เถ้าแก่ฟงเอ่ยถาม
"ขอรับ เราตกลงจะซื้อบ้านหลังนี้เถ้าแก่จะขายในราคาเท่าไรขอรับ" เฉินหยางเอ่ยถามอีกครั้ง
"ตามที่ข้าแจ้งไว้กับคนดูแลบ้านในราคาห้าหมื่นเหรียญทองพร้อมทั้งของใช้ในบ้าน แต่ถ้าเจ้าไม่ต้องการข้าจะขนออกไปและลดราคาให้เหลือสี่หมื่นห้าพันเหรียญทองแล้วกัน" เถ้าแก่ฟงเอ่ย
"เช่นนั้นเถ้าแก่ขนย้ายของออกไปเถิดเจ้าค่ะ พวกเรามีของใช้มากมายแล้ว" ไป๋หลันเอ่ยบอกเถ้าแก่ฟง
"ได้ ๆ ประเดี๋ยวข้าจะให้คนของข้าขนย้ายออกไป" เถ้าแก่ฟงเอ่ย
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยก็ทำสัญญาซื้อขายกันทันทีไป๋หลันได้โฉนดมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้นางเหลือเงินไม่มากนักจึงต้องหาเงินเพิ่ม โชคดีที่บ้านหลังนี้ไม่ต้องซ่อมแซมเพราะเถ้าแก่ฟงดูแลรักษาเป็นอย่างดี เถ้าแก่จะย้ายของออกไปและทำความสะอาดให้อีกสองวันก็ย้ายเข้ามาอยู่ได้
"พี่ใหญ่เราแวะร้านหอหมื่นโอสถก่อนนะเข้าคะ ข้าจะนำโอสถไปขาย" ไป๋หลันเอ่ยบอกพี่ชาย
"ได้สิ"