บทที่ 12 หนานเหวินหลง
ร่างกายของเขาเริ่มรับรู้ถึงสิ่งที่นางป้อนเข้ามามันค่อย ๆ ไหลผ่านลำคอ ช่วงอกมายังช่องท้อง มันให้ความรู้สึกเย็นสบาย และเริ่มหายใจสะดวกไม่ติดขัด
นางป้อนยารักษาพิษให้เขาเช่นนั้นหรือ? หนานเหวินหลงคิดในใจ พลันความคิดต้องหยุดลงเมื่อมีมือนุ่มนิ่มกำลังฉุดรั้งมือหนาของเขาอยู่ แต่ร่างกายของเขามันก็แทบจะไม่ขยับเขยื้อน นางตัวเท่าใดกันถึงไม่มีแรงฉุดเขาขึ้นมานั่งได้แล้วได้ยินเสียงเล็กเอ่ยขึ้นมาว่า
“ทำไมตัวหนักขนาดนี้คนหรือช้าง” เขาเองก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจว่าอะไรคือช้างมันคือตัวอะไร นางฉุดดึงใหม่อีกรอบครั้งนี้สำเร็จ เมื่อลุกขึ้นนั่งด้านหลังของเขาก็สัมผัสถึงบางอย่างนุ่มนิ่มที่แผ่นหลัง แขนเล็ก ๆ สอดเข้ามาใต้วงแขน
นางกอดเขาเช่นนั้นหรือ? พร้อมกับลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดต้นคอ แล้วออกแรงดึงเขามานั่งพิงยังต้นไม้ หัวใจของเขาเต้นแรงเล็กน้อยสงสัยเป็นเพราะว่าไม่เคยใกล้ชิดสตรีขนาดนี้ เขารู้สึกรำคาญและหงุดหงิดทุกครั้งเวลาที่สตรีส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มมาให้ชวนให้น่าขนลุกยิ่งนัก!
พลันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างนุ่มนิ่มประกบอยู่ที่ริมฝีปากของเขาแล้วผละออกไป ไม่ทันได้คิดก็ได้ยินเสียงใสเล็กเอ่ยว่า
'จูบนี้เป็นค่ารักษาแล้วกันนะ' นางจูบเขาหรือ? เป็นสตรีประเภทไหนกันถึงกล้ามาจูบบุรุษเช่นนี้ อย่าให้เขาลุกไปได้เชียวจะจับมาสั่งสอนเสียให้เข็ด คิดแล้วก็พลันโมโหจนหัวใจเต้นแรง!!...
ครั้นเริ่มปรือตาขึ้นมาได้เล็กน้อยก็เห็นร่างเล็กของสตรีกำลังเดินหันหลังจากไป นางสวมอาภรณ์สีเขียวอ่อน เส้นผมดำเงางามยาวลงมาถึงบั้นเอว พลิ้วไหวปลิวสยายไปตามสายลม เขาเองพยายามจะขยับปากเรียกแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะร่างกายเพิ่งจะเริ่มฟื้นฟูนางก็เดินจากไปไกลจนลับสายตาแล้ว
หลินไป๋หลันเมื่อเดินออกมาจากป่าหมอกอสูรก็มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองทันที "ไปไหนต่อดีนะ อ้อ!!...นึกออกแล้วไปร้านขายอาวุธดีกว่า" นางเอ่ยพึมพำจากนั้นก็เดินไปยังร้านขายอาวุธทันที
"เชิญขอรับคุณหนูน้อยต้องการดูสินค้าอะไรหรือขอรับ" คนงานหน้าร้านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม
"ข้าขอเดินชมก่อนนะเจ้าคะว่ามีของที่ข้าถูกใจหรือไม่" ไป๋หลันเอ่ยกับคนขาย นางไม่ได้คิดที่จะมาซื้อนางเพียงแค่เข้ามาดูเท่านั้นแล้วจะกลับไปใช้พรวิเศษเสกพวกมันออกมา
"ได้ขอรับ เชิญทางนี้เลย" คนงานหน้าร้านพาเดินชมอาวุธมากมายมีทั้งดาบ ทวน แส้ มีดสั้นและอีกหลายอย่างมากมายนางมองสินค้าทุกชิ้นภายในร้านพร้อมกับสอบถามราคา
"ที่นี่มีแหวนมิติขายหรือไม่เจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยถามคนขาย
"มีขอรับ เชิญทางนี้" คนขายพาเดินไปที่ตู้เก็บแหวนมิติแล้วเอ่ย "แหวนมิติมีหลายราคาขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ในการจัดเก็บขอรับ" คนขายเอ่ยพร้อมกับหยิบแหวนมิติออกมาให้เลือกดูแนะนำวงนั้นวงนี้ไปเรื่อย
เมื่อเลือกชมสินค้าเสร็จเรียบร้อยไป๋หลันก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เศร้าใบหน้าตาสลดลง "ข้าคงต้องกลับไปขออนุญาตท่านพ่อ ทานแม่ก่อนนะเจ้าคะ ถ้าเกิดพวกท่านรู้ว่าข้ามาซื้ออาวุธข้าจะโดนทำโทษเอาได้ "
คนขายเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยนั้นก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้ จึงเอ่ยออกไป "ไม่เป็นไรขอรับคุณหนูน้อย กลับไปขออนุญาตท่านพ่อ ท่านแม่ก่อนก็ได้ถ้าท่านอนุญาตก็ค่อยกลับมาซื้อนะขอรับ" คนขายเอ่ยบอกอย่างใจดีเพราะสงสารเด็กน้อย
"ขอบคุณมากเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าลานะเจ้าคะ" ไป๋หลันเดินออกมาจากร้านด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
#ป่าหมอกอสูรชั้นกลาง
ร่างสูงใหญ่สวมอาภรณ์สีดำนั่งเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่ ตอนนี้ร่างกายของเขาถูกขับพิษออกมาหมดแล้ว และรอให้ร่างกายฟื้นฟูให้เต็มที่ก็สามารถใช้พลังปราณได้เหมือนเดิม นับว่าเขายังโชคดีไม่น้อยที่มาเจอสตรีผู้นั้น
นางเป็นใครมาจากไหนกันถึงได้มาอยู่ในป่าที่อันตรายและรายล้อมไปด้วยสัตว์อสูรเช่นนี้ แล้วนางยังมีโอสถที่สามารถขับพิษของงูนิลตาเพชรได้อีก แต่นางก็ถือว่ามีพลังปราณที่กล้าแกร่งพอตัวสังเกตจากเกราะป้องกันนั้นมันอยู่ในระดับห้าจักพรรดิขั้นสูงเลยทีเดียว
โอสถที่นางป้อนมานั้นมันมีกลิ่นหอมชื่นใจมันเป็นโอสถชนิดใดกัน? นางเป็นหมอแล้วเก็บค่ารักษาโดยการจูบเช่นนั้นหรือ? หนานเหวินหลงนั่งคิดอยู่ในใจพลางมุมปากยกยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
"ท่านประมุข!!...ท่านเป็นอะไรหรือไม่ขอรับ" องครักษ์เงานามว่าตงชินเอ่ยถามผู้เป็นนาย
"ข้าไม่เป็นอะไร" หนานเหวินหลงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ได้โปรดลงโทษข้าน้อยด้วยเถิดขอรับที่บกพร่องต่อหน้าที่" ตงชินเอ่ย ตนเองเป็นองครักษ์เงาของท่านประมุขหนานเหวินหลง จู่ ๆ ท่านประมุขก็ใช้วิชาตัวเบาขั้นสูงที่รวดเร็วดีดตัวออกมาจากตำหนัก มุ่งหน้ามาทางป่าหมอกอสูร ตนเองก็ใช้วิชาเบาติดตามมา
แต่ด้วยความเร็วที่เหนือชั้นเลยทำให้คลาดกัน ตนออกตามหาไปทั่วป่าพบร่องรอยการต่อสู้เห็นซากของสัตว์อสูรนอนสิ้นลมหายใจแต่ก็ไม่พบคนที่ตามหาจึงออกตามหาต่ออีกจนมาพบท่านประมุขนั่งพิงหลังอยู่ใต้ต้นไม้คล้ายคนได้รับบาดเจ็บ
"ไม่ใช่ความผิดของเจ้า" หนานเหวินหลงเอ่ย
"เช่นนั้นท่านประมุขจะไปที่ใดต่อหรือไม่ขอรับ"
"กลับพรรคจันทรา” หนานเหวินหลงเอ่ยบอกคนของตนเอง
"ขอรับ"
จากนั้นทั้งสองใช้วิชาตัวเบาเดินทางออกจากป่าหมอกอสูรกลับพรรคจันทราทันที พรรคจันทราตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้นหนาน อยู่ห่างจากเมืองหลวงประมาณหนึ่งร้อยลี้ ที่ตั้งพรรคเป็นที่ราบสูงเชิงเขา บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้ามาได้ ถ้าไม่ได้รับอนุญาต พรรคจันทราเป็นพรรคที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่ง ประมุขพรรคมีนามว่า 'หนานเหวินหลง'อายุสิบเก้าปีเท่านั้น
#บ้านหลังน้อยเชิงเขา
ยามเซินไป๋หลันเดินทางกลับมาถึงบ้านก็พบว่าบ้านยังคงเงียบเหมือนเดิม สงสัยยังคงฝึกฝนพลังปราณกันอยู่นางจึงเดินไปที่โต๊ะอาหารมองดูอาหารที่เตรียมเอาไว้เมื่อเห็นว่าอาหารถูกกินไปแล้วแสดงว่าทั้งสามคนออกมากินแล้วเข้าไปฝึกกันต่อ
ไป๋หลันกำลังคิดเมนูอาหารมื้อเย็นเมื่อคิดได้แล้วว่าวันนี้นางจะทำอาหารเหนือที่รสชาติไม่เผ็ดมากเพราะคนยุคโบราณกินเผ็ดไม่เก่ง จากนั้นก็นึกถึงอาหารเมื่อภพก่อนชั่วครู่อาหารเหนือออกปรากฏออกมา แกงอ่อมหมู แคบหมูผัดพริกขิง น้ำพริกอ่องพร้อมผัก ไก่ทอด และปิดท้ายด้วยขนมบัวลอยมะพร้าวอ่อน
เมื่อเตรียมอาหารเสร็จเรียบร้อยจึงเดินเข้าห้องอาบน้ำ นางแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าในโลกก่อนของนางเป็นชุดเดรสแขนสั้นกระโปรงสีขาวยาวเลยเข่ามานิดหน่อย เหตุที่นางต้องแต่งกายเช่นนี้เพราะยังไม่คุ้นชินกับแขนเสื้อพะรุงพะรังในยุคนี้ แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาด้านนอกพบว่าทุกคนออกมารอพร้อมหน้าแล้ว
"หลันเอ๋อร์ เจ้าแต่งตัวอะไรทำไมมันถึงโป๊เปลือยขนาดนี้" อู๋เหยาเอ่ยถามบุตรสาว ชุดที่นางใส่มันโชว์ท่อนแขนขึ้นไปเกือบถึงต้นแขนและกระโปรงสั้นขึ้นมาเปลือยท่อนขานั่นอีก!
"โธ่...ท่านแม่ โลกในฝันพวกเขาสวมใส่กันเช่นนี้ชุดที่ลูกสวมถือว่าเรียบร้อยแล้วนะเจ้าคะ ลูกแต่งกายแบบนี้เฉพาะตอนอยู่ในบ้านเท่านั้นถ้าออกนอกบ้านลูกจะแต่งกายแบบปกติเจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ย นางเลือกเอาชุดที่เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้มาสวมใส่แล้วถ้าใส่กางเกงขาสั้นเสื้อเอวลอยเห็นสะดือมารดาคงได้หัวใจวายเป็นแน่!
"ข้าว่าหลันเอ๋อร์ใส่แบบนี้น่ารักดีออกท่านแม่" เฉินหยางเอ่ยบอกมารดาของตน
"เอาล่ะ ๆ ตามใจลูกเถิดน้องหญิง พวกเรากินข้าวกันเถิด" เฉินหยวนเอ่ยขึ้น เขาคิดว่านางใส่อะไรก็ดูน่ารักไปเสียหมด
"เจ้าค่ะท่านพี่"
"หลันเอ๋อร์วันนี้อาหารช่างดูสวยงามน่ากินยิ่งนัก" เฉินหยางเอ่ยบอกน้องสาวเมื่อมองเห็นอาหารตรงหน้า
"มันคืออาหารทางภาคเหนือของโลกในฝันเจ้าค่ะ และยังมีอาหารภาคกลาง อีสาน ใต้ ด้วยนะเจ้าคะ วันหน้าข้าจะเอามาให้ลิ้มลองกันเจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยตอบพี่ชาย
"ช่างเป็นบุญของพวกเรายิ่งนัก ต้องขอบคุณท่านปู่เทพของเจ้าจริงๆที่เมตตา" เฉินหยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี
เมื่อพูดคุยกันจบทุกคนก็กินอาหารกัน ไป๋หลันยิ้มจนตาหยีมองภาพตรงหน้าด้วยความอิ่มเอม นางดีใจที่ได้เห็นทุกคนมีความสุข แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม