ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้สักอย่าง (2/2)
เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนของเด็ก ๆ แล้วลินจำเป็นต้องนั่งอยู่บนรถหรูคันหนึ่งที่กำลังมุ่งหน้าไปรับเด็ก ๆ ที่โรงเรียนอนุบาล
“ครั้งนี้ฉันแพ้แบบยับเยินเลย” เธอบ่นกับตัวเอง
นี่เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่ทะเลาะกับใครแล้วแพ้แบบนี้ ทันทีที่เห็นเขาเธอก็รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่แพร่ออกมาจากตัวเขาได้ในทันทีความน่าเกรงขามที่ไม่ใช่ใคร ๆ ก็มีได้ เขาเหมือนคนที่ผ่านโลกมามากทั้งที่อายุก็ไม่ต่างกันมากนัก
ร่างกายที่ลินได้เข้ามาอยู่ตอนนี้อายุยี่สิบแปดปีเหมือนกับเธอส่วนสามีในนามของเธอก็มีอายุห่างกันสามปี นั่นแปลว่าตอนนี้เขาอายุสามสิบเอ็ดปีเท่านั้นแต่ลักษณะท่าทางและบุคลิกภายนอกกลับทำให้คนรู้สึกกลัวได้ พ่อของเหล่าพระเอกนี่เขาอันตรายจริง ๆ
“ถึงครั้งนี้ฉันจะแพ้แต่ครั้งหน้าฉันไม่ยอมแน่” เธอพึมพำกับตัวเองพร้อมกับหาวิธีหย่าเพื่อที่จะได้ออกจากบ้านหลังนี้เร็ว ๆ แต่เพราะกำลังคิดถึงแผนการต่าง ๆ มากจนเกินไป เธอเลยไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้คนขับรถกำลังมองมาที่เธอด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป
“คุณลินเป็นอะไรรึเปล่านะ” เขาพึมพำกับตัวเองเพราะภาพที่คนขับรถเห็นคือตอนนี้ลินกำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดคล้ายกับว่าโกรธใครมาพร้อมกับทำปากขมุบขมิบไปมา
นี่เป็นภาพที่แปลกมากเพราะก่อนหน้านี้ เวลาปกติเธอจะทำหน้าตาไร้อารมณ์อยู่เสมอเหมือนกับตุ๊กตาที่ถูกควบคุมไปมาแต่ครั้งนี้เธอกลับทำหน้าตาโกรธใครสักคน ถ้าเขาเดาไม่ผิดคงเป็นเจ้านายของเขาเองแต่ถึงเธอจะทำหน้าตาโกรธเขาก็รู้สึกดีกว่าหน้าที่ไร้อารมณ์เพราะอย่างน้อยก็รู้ว่าตอนนี้เธอรู้สึกอะไร
เมื่อนั่งไปได้สักพักรถก็หยุดลงและคนขับรถก็ได้หันมาพูดกับเธอว่า
“ถึงแล้วครับคุณลิน”
“เอ่อ อืม” เธอมัวแต่คิดวิธีที่จะออกจากบ้านหลังนี้จนลืมไปว่ามาถึงโรงเรียนแล้ว
“โรงเรียนอนุบาลบ้านต้นรัก นี่คงเป็นโรงเรียนของตินสินะ”
เธอมองไปที่ป้ายหน้าโรงเรียนแห่งนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่ดูอบอุ่น มองจากภายนอกโรงเรียนนี้มีต้นไม้เต็มไปหมดคงร่มรื่นน่าดู เธอมองดูไปเรื่อย ๆ ก็เหลือบไปเห็นว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กพัฒนาการช้าหรือสมาธิสั้น
“มิน่าล่ะเขาถึงอยู่คนละโรงเรียน” ร่างกายที่อ่อนแอทำให้พัฒนาการบางอย่างช้าไป สามีในนามของเธอจึงส่งลูกมาเรียนโรงเรียนนี้แทน
เมื่อรอนาน ๆ เข้ายังไม่เห็นตินเดินออกมาสักทีทั้งที่โรงเรียนแทบจะไม่มีคนแล้วเธอจึงหันไปถามคนขับรถว่า “ติน เขาออกมาช้าตลอดเลยเหรอคะ”
“ไม่เสมอไปนะครับ ห้องของคุณตินมีคุณครูดูแลสองคนคือครูต้นกับครูแอน วันไหนที่เรียนกับครูต้นก็จะออกจากห้องช้าตลอดเลยครับ แต่ไม่ใช่แค่คุณตินนะครับเด็กทุกคนออกมาช้าหมดเลย”
“อย่างนั้นเหรอคะ แล้วเขาออกมาช้ามากไหมคะ”
“ประมาณครึ่งชั่วโมงครับ ปกติผมจะไปรับคุณชินและคุณจินก่อนแล้วค่อยมารับคุณตินครับ”
“โอเคค่ะ” ลินรู้สึกแปลก ๆ ต่อให้เด็กจะชอบครูมากขนาดไหนก็คงไม่ออกมาช้าขนาดนั้น ลูกในนามของเธอคงไม่ได้ถูกคุณครูรังแกหรอกใช่ไหม
“แล้วตินเรียนอยู่ตึกไหนนะคะ”
“ตึก B15 ครับ”
“งั้นเดี๋ยวลินไปหาตินก่อนนะคะ” พูดจบลินก็เปิดประตูออกไปจากรถทันที
ถึงหน้าประตูโรงเรียนลินบอกว่าเธอเป็นแม่ของติน คุณครูและยามก็ให้เธอเข้าไปในโรงเรียนได้ทันทีโดยไม่ถามหรือตรวจสอบอะไรเลยสักนิด ลินงุนงงเล็กน้อยว่าทำไมโรงเรียนนี้ถึงได้ปล่อยให้เธอเข้ามาอย่างง่ายดาย อาจเป็นเพราะอำนาจของสามีเธอหรือความเลินเล่อของคุณครูและยาม ซึ่งเธอหวังว่าจะเป็นข้อแรกเพราะถ้าเป็นข้อที่สองนั่นแปลว่าโรงเรียนนี้ไม่มีคุณภาพแล้ว
สิ่งแรกที่ลินเห็นเมื่อเดินเข้าไปในโรงเรียนก็คือต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์แต่นั่นไม่ดูรกเลยสักนิด ทุกอย่างดูดีเป็นระเบียบเรียบร้อย มองไปรอบ ๆ ก็จะเห็นสนามหญ้าที่ไม่ใหญ่มากและอาคารสไตล์ไทยผสมยุโรปที่มีเพียงสองชั้นเท่านั้น
“ตึก B ชั้น 1 ห้อง 5” เธอมองไปรอบ ๆ ก็เห็นตึก B ลินเดินเข้าไปทันทีเมื่อไปถึงห้องที่ 5 เธอมองเข้าไปในห้องเห็นเด็กๆ นั่งเต็มไปหมด แต่กลับมีสองคนที่ยืนอยู่หน้าห้องนั่นก็คือครูต้นและติน
"ติน เธอรู้ไหมว่าวันนี้เธอทำอะไรผิด"
"ผม ผมไม่รู้" เขาตอบไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พร้อมกับก้มหน้ามองพื้น
"ดี ดีมาก ถ้าเธอไม่รู้ครูจะบอกให้เธอรู้เอง" ครูจ้องไปที่ตินก่อนจะป่าวประกาศต่อหน้านักเรียนคนอื่น ๆ "วันนี้เด็กชายตินได้เถียงครูในขณะที่ครูกำลังสอน นั่นเป็นเรื่องที่เด็กดีควรทำไหม"
"ไม่ดี" มีเด็กนักเรียนในห้องตอบคุณครูต้นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นและนั่นทำให้คุณครูยิ่งโมโหขึ้นไปอีก
"ตอบดัง ๆ!!!"
"ไม่ดี!!!"
เสียงตะโกนของเด็กนักเรียนในห้องทำให้ตินที่กำลังยืนก้มหน้าอยู่หน้าห้องเรียนรู้สึกกลัวและอับอายเป็นอย่างมากบวกกับร่างกายที่เล็กกว่าเด็กทั่วไปยิ่งทำให้เขาน่าสงสารยิ่งขึ้นไปอีก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาใครเลยด้วยซ้ำทำได้แค่กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาเท่านั้น ทั้งที่ความเป็นจริงเขาแทบอยากจะร้องไห้แต่เพราะรู้ว่าถ้ายิ่งร้องสถานการณ์จะยิ่งแย่ เขาจึงทำได้เพียงแค่อดกลั้น
"เธอรู้รึยังว่า..."
"นี่คุณคิดว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่" ลินเดินเข้าไปหาติน เธอโน้มตัวไปอุ้มเขาขึ้นมากอดไว้แน่นพร้อมกับลูบศีรษะและกระซิบบอกเขาเบา ๆ "ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว"
"ผม ผมไม่ใช่เด็กไม่ดี" ตินพยายามอธิบายให้แม่ของเขาฟังเพราะกลัวเธอจะเข้าใจเขาผิด
ทันทีที่ตินเห็นลินเขาก็กอดเธอแน่นและร้องไห้ปลดปล่อยความกลัวที่อดกลั้นไว้ออกมา เด็กชายร้องไห้จนตัวสั่นและหน้าแดงไปหมดเธอเห็นดังนั้นจึงรีบปลอบเขาอีกครั้ง "ครับ แม่รู้ว่าตินไม่ใช่เด็กไม่ดี เดี๋ยวแม่จัดการเองตินไม่ต้องกลัว" เธอมองเขาด้วยความอ่อนโยน ตินสบตาเขาเธอไม่ได้พูดอะไรแต่พยักหน้าแทนพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย
"คุณเป็นใคร ที่นี่เราไม่ให้คนนอกเข้ามานะ" ครูต้นเห็นผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามาขัดก็ตกใจเพราะด้วยลักษณะท่าทางและการแต่งตัวของเธอดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
"ฉันเป็นแม่ของเขาเองและฉันต้องการคำอธิบายสำหรับพฤติกรรมของคุณที่ทำกับลูกฉันแบบนี้" เหตุการณ์ที่เห็นทำให้เธอโมโหจนแทบอยากจะบ้า
"ฟังผมก่อนนะ ผมไม่ได้จะทำร้ายเขานะ วันนี้เขาเป็นเด็กไม่ดีผมเลยต้องสั่งสอนเขา" เขารีบแก้ต่างให้ตัวเองด้วยความลนลาน "ใช่ไหมครับติน ครูไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ ถ้าคุณไม่เชื่อลองถามตินก็ได้ครับ"
"ผะ ผม" ตินที่กำลังร้องไห้อยู่ ๆ ก็โดนโยนคำถามมาให้ เขาตกใจจนพูดไม่ออกได้แต่ซุกหน้าร้องไห้ในอ้อมแขนของแม่
เมื่อเห็นว่าตินไม่พูดอะไรครูต้นก็ยิ้มเบา ๆ "เห็นไหมล่ะครับว่าเขาอธิบายไม่ได้ วันนี้ผมกำลังเล่าเรื่องไดโนเสาร์ อยู่ ๆ ตินเขาก็เถียงว่า-"
ครูกำลังท้าทายลินและเธอจะไม่ยอมเด็ดขาด “นี่ ฉันไม่สนหรอกนะว่าตินจะเถียงคุณเรื่องอะไรแต่ถ้าคุณอยากจะสั่งสอนเขาก็ควรบอกเขาดี ๆ สิไม่ใช่แบบนี้!”
“ผม…”
"แน่นอน คุณไม่ได้ใช้ความรุนแรงแต่การที่คุณประจานเขาหน้าห้องต่อหน้าเด็กนักเรียนคนอื่นแบบนี้เป็นการทำร้ายลูกฉันเหมือนกัน คุณกำลังทำร้ายจิตใจเด็กทำให้ความมั่นใจของเด็กคนนั้นหายไป แล้วคุณรู้อะไรไหม ผ่านไปไม่นานคุณก็จะลืมเหตุการณ์นี้ไปแต่ลูกฉันต้องมาจมปลักกับคำพูดโหดร้ายของคุณ ในอนาคตเขาอาจจะให้อภัยคุณแต่ฉันไม่"
เธอเดินเข้าไปใกล้เขาและจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นแล้วพูดขู่อีกฝ่าย "รอรับผลการกระทำของคุณได้เลย รับรองเลยว่าคุณจะลืมไม่ลง" พูดเสร็จลินก็ยิ้มให้เขาเบา ๆ เหมือนที่เขาทำให้เธอเมื่อไม่กี่นาทีก่อน จากนั้นก็เดินออกจากห้องทันทีแต่กลับโดนครูต้นขวางทางซะก่อน
"ใจเย็น ๆ นะครับ ฟังผมอธิบายก่อน" เขาอ้อนวอนเธอแต่ลินไม่สนใจ
"รบกวนคุณครูต้นหลีกทางด้วยนะคะ ฉันมีธุระต้องไปทำต่อ"
"ผมไม่ได้ตั้งใจนะ เด็กคนนี้เขา..."
ลินไม่สนใจครูต้น เธอเดินผ่านเขาไปทันที ใจจริงเธออยากจะถามตินว่าเขาเถียงครูว่าอะไรแต่เมื่อหันไปมองตินเธอเห็นเขาเอาแต่กอดคอเธอแน่นและซุกหน้าเข้าที่ต้นคอของเธอพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น เห็นได้ชัดว่าถ้าถามเขาตอนนี้ก็ไม่ได้เรื่องอะไรขึ้นมา เธอจึงตัดสินใจพาเขาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายดีกว่าแต่จู่ ๆ เด็กที่ร้องไห้ในอ้อมแขนของเธอก็พูดขึ้นมา
“เทอโรซอร์”
“ตินพูดว่าอะไรนะ”
“เทอโรซอร์ไม่ใช่สไปโนซอรัส” ตินเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมาและจ้องหน้าแม่ของเขาแล้วอธิบายต่อ
“คุณครูพูดว่าสไปโนซอรัสบินได้ แต่ แต่ไม่ใช่ เป็นเทอโรซอรัสต่างหาก” พูดเสร็จเขาก็กลับไปร้องไห้และซบลงบนไหล่ของเธอต่อ
เหตุผลที่ตินกล้าพูดสิ่งนี้ออกมาเพราะรู้ว่าตอนนี้แม่อยู่ข้างเขา ในตอนแรกเขาค่อนข้างกลัวว่าเธอจะไม่ฟังเหตุผลและเข้าข้างครู แต่ตอนนี้เธอปกป้องเขา
ลินรู้แล้วว่าตินเถียงครูเรื่องอะไร ไม่สิ นี่ไม่ควรเรียกว่าเถียงด้วยซ้ำ เธอจึงหันหลังกลับไปมองครูต้นด้วยสายตาเวทนาและพูด “คุณคงจะรู้สึกขายหน้ามากสินะที่โดนเด็กแย้งแบบนั้น” พูดเสร็จเธอก็เดินไปที่รถทันทีปล่อยครูต้นที่กำลังอับอายไว้ข้างหลัง
ลินเดินเข้าไปในรถนั่งลงที่ของเธอ ในตอนแรกเธอจะบอกให้ตินไปที่นั่งเด็กของเขา แต่ตอนนี้ตินดูเหมือนจะยังกลัวไม่หาย เขากอดคอเธอแน่นและร้องไห้มานานแล้ว เธอไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่ปล่อยให้เขานั่งตักของเธอและกอดเขาพร้อมกับลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเขาแทน