เรื่องวุ่นวาย (1/2)
บทที่ 4 เรื่องวุ่นวาย
เวลาได้ผ่านมาระยะหนึ่งแล้วแต่ตินยังไม่หยุดร้องไห้ ลินไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ดีเธอไม่รู้วิธีปลอบเด็ก ช่วงที่อยู่บ้านเด็กกำพร้าก็ไม่ค่อยได้สุงสิงกับใครใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอด การที่เด็กร้องไห้แบบนี้เธอทำอะไรไม่ถูกจริง ๆ
“ติน” ลินเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน
ตินกอดคอของลินแน่นและร้องไห้โดยไม่สนใจอะไร
“ตินครับ” ลินพูดเพราะยิ่งกว่าเดิม
เขาไม่สนใจเธอเช่นเคย
ลินได้แต่บ่นในใจว่า 'ฉันควรทำอะไรเนี่ย ปลอบก็แล้ว กอดก็แล้ว ทำไมเขาไม่หยุดร้องไห้สักทีหรือว่าฉันต้องใช้ไม้แข็ง'
คิดได้ดังนั้นเธอพูดเสียงแข็งทันทีว่า “ติน หยุดร้องไห้ได้แล้ว”
ทันทีที่ลินพูดจบ ตินจากที่กอดคอเธออยู่ก็ปล่อยทันที แผ่นหลังที่เคยเอนพิงเธอก็กลับมาตั้งตรง น้ำตาที่เคยไหลมากมายก็หยุดไหลทันที
“ฮา ๆ” ลินหลุดขำ เธอรู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้การขำคงไม่ใช่เรื่องถูกต้อง แต่เห็นท่าทางของตินเปลี่ยนไปเร็วเช่นนี้เธออดขำไม่ได้จริง ๆ
'คงพยายามกลั้นสุด ๆ เลยสิท่า'
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว ดูสิทั้งตาแดงทั้งหน้าเปื้อนไปหมดแล้ว” ลินเลื่อนมือไปหยิบทิชชูมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของติน
“ผม…ผมไม่ ฮึก ผมไม่ได้อยากร้องไห้” ทั้งพูดทั้งสะอื้นไปพร้อม ๆ กัน
ในเมื่อเขาพูดมาแบบนั้นเธอก็จะไม่ขัดถึงแม้ว่าภาพตรงหน้าจะขัดแย้งกันก็เถอะ “ครับ ๆ แม่รู้ว่าตินไม่ได้อยากร้อง”
จากนั้นตินก็ไม่ได้พูดอะไรต่อส่วนลินก็เช็ดหน้าของตินไปเรื่อย ๆ จนสะอาด “เรียบร้อย ตินกลับมาหล่อเหมือนเดิมแล้ว” เธอพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงแต่ถึงจะพูดอะไรไปตินก็ไม่ตอบสนองเธอเลย
ลินเหนื่อยใจจริง ๆ
“คุณลินครับ เรื่องที่เกิดขึ้นผมต้องรายงาน…” ลินรู้ได้ทันทีว่าเขาหมายถึงคุณศิระสามีในนามของเธอ
“เรื่องนี้เดี๋ยวลินจะคุยกับคุณศิระเองค่ะ คุณลุงไม่ต้องห่วงนะคะ”
“ได้เลยครับ”
“อ้อ ก่อนถึงโรงเรียนอนุบาลเซนต์ลูเซียร์มีโรงพยาบาลใช่ไหมคะ แวะก่อนนะคะตินต้องตรวจร่างกายก่อน”
“ครับ”
เมื่อตินได้ยินว่าตัวเองต้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย จากที่หยุดร้องไห้เขาก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ แผ่นหลังที่เคยตั้งตรงก็ค่อย ๆ งอและเอนศีรษะไปซบหน้าอกของแม่อีกครั้ง ดูเหมือนว่ารอบนี้จะร้องหนักกว่าเดิมด้วย
“เฮ้อ อีกแล้วเหรอ” เธอถอนหายใจด้วยความมึนงงและสับสน
“ติน ร้องไห้ทำไมคะ”
“บอกแม่ได้ไหม แม่จะได้ช่วยตินได้”
“ถ้าตินไม่พูดแม่ก็ช่วยอะไรตินไม่ได้นะ”
ลินพยายามคุยกับเขาด้วยเหตุผล แต่จะเห็นได้ว่าตินไม่สนใจเธอเลยและตอนนี้เธอทนไม่ไหวแล้ว
“ติน” คำเดียวสั้น ๆ ได้ใจความด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น ไม่ต้องพูดอะไรให้ยืดยาว
ตินรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่เริ่มดุของผู้เป็นแม่เขาจึงเริ่มมีสติมากขึ้นและได้บอกสิ่งที่ตัวเองต้องการ
เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอและพูดว่า “ผมไม่อยากไปโรงพยาบาล พะ พวกเราไม่ไปโรงพยาบาลได้ไหม” ตินอ้อนวอนแม่ของเขาด้วยน้ำตา
เห็นดวงตาที่กลมโตคู่นั้นเต็มไปด้วยน้ำตาลินก็อดสงสารไม่ได้แต่เพื่อความแน่ใจว่าเขาปลอดภัยจริง ๆ จึงต้องไปโรงพยาบาล “ทำไมล่ะ”
“ผม ผมไม่อยากอยู่คนเดียว”
ในอดีตเวลาตินไปโรงพยาบาลเขาจะไปกับแม่บ้านและพี่เลี้ยงที่ดูแลเป็นส่วนใหญ่จะมีบางครั้งที่ได้ไปกับพ่อของเขา แต่สำหรับแม่เธอไม่เคยพาเขามาโรงพยาบาลเลยสักครั้ง ดังนั้นเขาจึงคิดว่าถ้าวันนี้ได้ไปโรงพยาบาลก็คงต้องไปกับคุณลุงคนขับรถเท่านั้น นั่นจึงทำให้เขารู้สึกกลัวมาก
“หืม? แม่ก็ไปกับตินด้วยไง ตินไม่ได้ไปคนเดียวนะ”
“จริงเหรอ”
“จริงค่ะ แม่สัญญา” ลินยื่นนิ้วก้อยไปหาติน
ตินลังเลนิดหน่อยแต่เมื่อเห็นแม่ยื่นนิ้วก้อยมาก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น เขาจึงยื่นนิ้วก้อยไปหาเธอ
“เกี่ยวก้อยสัญญาแล้ว” เขาพูดพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความสดใส
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นรอยยิ้มของเขาลินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากและรู้สึกว่าเขาน่ารักเหมือนกัน
“ถ้าแม่โกหกแม่จะกลายเป็นกบ”
เป็นกบงั้นเหรอ ลินไม่เคยคิดอยากจะเป็นกบเลยสักนิด “แม่ไม่โกหกแน่นอนครับ แม่ไม่อยากเป็นกบ”
“ผมก็ไม่อยากเป็นกบ” หลังจากพูดจบตินก็หัวเราะออกมาด้วยความร่าเริงจนลืมไปเลยว่าตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่กับแม่ผู้ซึ่งเป็นคนที่เขาเคยหวาดกลัวมาโดยตลอด
ในที่สุดเขาก็หัวเราะออกมาสักที
เมื่อถึงโรงพยาบาลลินก็พาตินไปตรวจร่างกายผลปรากฏว่าร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ ทุกอย่างเรียบร้อยดีไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแม้ว่าเวลาตรวจตินจะงอแงบ้างตามประสาเด็ก เขาจับมือลินไว้ตลอดเวลาไม่ปล่อยเลยบางครั้งก็มีน้ำตาคลอบ้างแต่เธอก็ปลอบเขาเพื่อไม่ร้องไห้
ตรวจร่างกายเสร็จลินก็รีบไปรับสองแสบทันทีเพราะนี่ก็เลยเวลามามากแล้วแต่ก่อนจะถึงโรงเรียนเซนต์ลูเซียร์ เธอก็เหลือบไปเห็นร้านไอศกรีมโฮมเมดแห่งหนึ่งภายนอกร้านตกแต่งเป็นสไตล์น่ารักที่เต็มไปด้วยสีชมพู ลินเห็นจึงรีบบอกให้คนขับรถแวะที่ร้านทันที
“คุณลุงคะ แวะที่ร้านไอศกรีมก่อนนะคะ”
“ร้านไอศกรีมเหรอครับ” แรก ๆ คนขับรถสงสัยว่าร้านไอศกรีมไหนกันนะแต่เมื่อมองไปทางซ้ายก็เห็นร้านไอศกรีมขนาดเล็กสีชมพูตั้งอยู่
ตอนนี้ตินได้กลับไปนั่งที่นั่งเด็กของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ลินได้หันกลับไปถามตินว่า “ติน อยากไปซื้อไอศกรีมกับแม่ไหม”
“ไปครับ!” เขาตะโกนออกมาเสียงดังดวงตาเป็นประกายพร้อมเผยรอยยิ้มกว้างหลังจากที่เห็นร้านนี้มานานแต่ไม่มีโอกาสได้ซื้อสักที
“ไปกัน” ลินจับมือตินเดินลงจากรถเพื่อไปซื้อไอศกรีมที่เธออยากกินมานานเพราะที่บ้านหลังนั้นไม่มีของหวานเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเปิดประตูเข้ามาสิ่งแรกที่เห็นเลยคือไอศกรีมหลายรสชาตินั่นทำให้ตินตื่นเต้นมาก “ว้าว ไอศกรีมเต็มไปหมดเลย” เขาหันมาพูดกับเธอ
“ตินอยากกินรสชาติไหน”
“ผม…” เขาก้มลงมองพื้นไม่สบตาเธอ
“ผม?”
“ผม...อ่านไม่ออก”
“อ๋อ” เขาคงรู้สึกอายที่อ่านไม่ออก
“ตินพึ่งจะสี่ขวบเองนี่ อ่านไม่ออกก็ไม่แปลกอะไรเลย” เธอปลอบใจเขา
เขาอึ้งและมองเธอด้วยความตกใจ “แต่...แต่ชินกับจินอ่านออกหมดแล้ว” พูดจบก็ก้มหน้าหลบสายตาของลินพร้อมกับทำหน้าเศร้าเพราะเขารู้ดีว่าตัวเองไม่เหมือนกับพี่ชายทั้งสองคน
เห็นเขาเป็นแบบนี้เธอจึงตัดสินใจอุ้มเขาขึ้นมาและบอกกับเขาไปว่า “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ตอนนี้ตินยังไม่ได้เรียนเลย ถ้าตินเรียนแล้วแม่มั่นใจแน่นอนว่าตินจะอ่านออกแน่นอน”
ลินผ่านช่วงวัยเด็กไปนานแล้วและคนรอบตัวของเธอส่วนมากพึ่งจะมีเด็กทารก เธอจึงไม่รู้ว่าโลกการศึกษาของเด็กพัฒนาไปไกลขนาดไหน การที่เด็กสี่ขวบอ่านหนังสือไม่ออกสำหรับเธอไม่แปลกเลย
“จริงเหรอ ถ้า…ถ้าเรียนแล้วผมยังอ่านไม่ได้ล่ะครับ” นอกจากจะขี้แยแล้วเขายังไม่มั่นใจในตัวเองด้วยสินะ
“ก็ฝึกไปเรื่อย ๆ ไง ถ้าเหนื่อยก็พักแล้วค่อยมาฝึกใหม่ เดี๋ยวก็อ่านได้เอง” เธอให้คำแนะนำเขา
“ครับ!” เมื่อได้กำลังใจเขาก็พูดพร้อมกับเผยยิ้มออกมา
“งั้นเดี๋ยวแม่อ่านเมนูให้เอง ตินอยากกินอะไรก็บอกแม่ โอเคไหม”
“โอเค!”
ลินก็อ่านเมนูให้เขาฟังเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็เลือกไอศกรีมรสส้มสตรอว์เบอร์รีส่วนเธอชอบรสชาติหวานละมุนจึงเลือกคุกกี้แอนด์ครีม
“ชินกับจินชอบรสชาติไหน ตินรู้ไหม” เธอถามเขา
“...” ตินไม่สนใจคำพูดเธอเลยสักนิดเดียว เขาสนใจแค่ไอศกรีมตรงหน้าเท่านั้น
“ตินครับ”
“…” ก็ยังไม่สนใจ
“ติน”
“อุ้ย” เขาตกใจเธอ
“แม่ถามว่าชินกับจินชอบรสชาติอะไรตินรู้ไหม” เด็กหนอเด็ก
ลินเห็นท่าทางของเขาก็รู้สึกขบขัน มือเล็กที่กำลังลูบคางของตัวเอง คิ้วที่กำลังขมวดและดวงตาที่หรี่ลง เขาทำราวกับว่าตัวเองเป็นนักสืบตัวน้อยอย่างนั้นแหละ
“อ๋อ จินไม่ชอบหวานส่วนชิน...เขาชอบ…ชอบ...ชอบหวาน!” เขาพยายามนึกอย่างหนักถึงสิ่งที่พี่ ๆ ของเขาชอบหรือไม่ชอบในที่สุดก็นึกออก เขาภูมิใจมาก!
“โอเค ตินว่าชินกับจินจะชอบรสไหน”
“ผมว่าชินชอบรสนี้” เขาชี้ไปยังถังที่มีไอศกรีมสีขาวและสีดำผสมอยู่
“คุกกี้แอนด์ครีมเหรอ”
“ใช่ครับ”
“แล้วจินล่ะครับ”
“รสชาตินี้” เขาชี้ไปยังถังที่มีไอศกรีมสีม่วงแดง
“รสเชอร์เบตเหรอ”
“ครับ!”
ลินซื้อไอศกรีมตามที่ตินบอกทั้งสองรสชาติไปฝากลูกอีกสองคนของเธอ ในที่สุดทั้งสองคนก็ซื้อไอศกรีมเสร็จและได้มุ่งหน้าไปที่โรงเรียนเซนต์ลูเซียร์ทันที