เรื่องวุ่นวาย (2/2)
เมื่อไปถึงโรงเรียนก็ไม่ค่อยมีนักเรียนและผู้ปกครองแล้วเพราะส่วนใหญ่กลับบ้านกันไปหมด ลินเข้าไปถามคุณครูที่อยู่หน้าโรงเรียนและนำบัตรประชาชนให้เขาดูเพื่อพิสูจน์ว่าเธอเป็นแม่ของสองคนนั้นจริง ๆ แต่ครูคนนั้นก็ยังไม่เชื่อ ลินจึงต้องเรียกคนขับรถลงมาเพื่อพิสูจน์เมื่อครูเห็นคนที่คุ้นเคยเธอก็รีบกล่าวขอโทษลินทันที ลินไม่ถือสาเธอรู้สึกดีกับโรงเรียนนี้ด้วยซ้ำที่รักษาความปลอดภัยของเด็กดีขนาดนี้
เธอถามหาเด็ก ๆ คุณครูตอบว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องกิจกรรม ห้องนั้นเป็นห้องไว้สำหรับเด็กที่ผู้ปกครองมารับช้าเพราะอาจติดธุระด่วนหรือติดงานบ้าง คุณครูที่รับผิดชอบก็จะช่วยดูแลในห้องนั้นด้วยเช่นกัน
เมื่อลินได้ยินเช่นนั้นเธอก็จะเดินไปรับเด็กทั้งสองคนแต่ก็นึกขึ้นว่าตอนที่เธอเดินออกจากรถ เธอเห็นสายตาของตินมองมาที่โรงเรียนแห่งนี้ด้วยความตื่นเต้น ลินจึงหันหลังไปเปิดประตูรถยนต์และถามติน
“ตินอยากไปรับสองคนนั้นกับแม่ไหม”
ได้ยินแบบนั้นเขาก็ตาโตทันที “ผมไปได้เหรอครับ ผม…ผมไม่ได้เรียนที่นี่” เขาเริ่มก้มหน้าอีกแล้ว
“ได้สิ มาเร็ว” เมื่อเห็นเธออนุญาตเขาก็รีบออกจากรถด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวเธอจะเปลี่ยนใจ
ทั้งสองเดินเข้าไปในโรงเรียนสิ่งแรกที่รู้สึกได้คือความหรูหราและแสนจะร่ำรวยของโรงเรียนแห่งนี้ ทั้งโรงเรียนรายล้อมไปด้วยตึกสไตล์ยุโรปและสนามหญ้าขนาดใหญ่ ต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด ถึงจะไม่เห็นด้านในตึกแต่แค่นี้เธอสัมผัสได้ถึงความรวยแล้ว
โรงเรียนแห่งนี้มีตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมัธยมปลายแต่ที่นี่เป็นแค่ตึกของโรงเรียนอนุบาลเท่านั้น ส่วนของประถมและมัธยมจะอยู่ถัดออกไปอีก
“ตินอยากเรียนที่นี่รึเปล่า” เธอถามเขาเพราะเห็นเขามองโรงเรียนนี้ด้วยความตื่นเต้น
“ผมอยากเรียนแต่เรียนไม่ได้” เขาพูดด้วยความเศร้า
“ทำไมล่ะ”
“พ่อ…พ่อบอกว่าผมไม่เหมือนคนอื่น” เขาพูดไปน้ำตาก็คลอเบ้าไป
เธอเห็นลูกชายเริ่มทำสีหน้าเศร้า ๆ จึงได้พูดปลอบใจเขา “อืม พ่อเขาพูดถูกนะเพราะตินพิเศษกว่าคนอื่น ๆ ไง”
“...”
“อีกอย่างอยู่ในที่ที่เหมาะกับเราก็สบายใจกว่าที่คิดนะ” แต่โรงเรียนที่ตินอยู่ดันมีครูคนแบบนั้นซะได้
“ผมไม่เข้าใจ” แม่พูดอะไรของแม่เนี่ย เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด
“ไม่เป็นไร โตขึ้นตินก็จะเข้าใจเอง” เธอตอบเขาด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองเดินคุยกันมาเรื่อย ๆ ก็มาถึงห้องกิจกรรมที่เด็กสองคนนั้นอยู่ ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปเธอก็เห็นคุณครูกำลังตักเตือนจินและเด็กชายคนหนึ่งอยู่และขอให้พวกเขาขอโทษกันและกันแต่จินไม่ยอมทำตาม
“เฮ้อ อะไรอีกล่ะเนี่ย” ลินบ่นกับตัวเองด้วยความท้อแท้
มีคนบอกว่าช่วงเด็กอายุ 4 ขวบเป็นช่วงที่ดื้อที่สุดในวัยเด็กเพราะเขาเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองและร่างกายทักษะการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น เรียนรู้วิธีควบคุมร่างกายและการทรงตัวได้ทำให้ไม่อยู่นิ่งตลอดเวลา แรก ๆ ลินก็ไม่เชื่อเท่าไหร่แต่เพื่อเห็นจินเท่านั้นแหละเธอเริ่มเชื่อบ้างแล้ว
ส่วนตินเห็นแบบนี้ก็รีบวิ่งไปหาพี่ชายของตัวเองเพื่อปกป้องทันที “อย่าทำอะไรพี่ชายผมนะ!”
ลินก็ไม่รอช้าเธอรีบเดินไปหาคุณครูทันทีแต่คราวนี้เธอจะไม่เป็นเหมือนครั้งที่แล้ว
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณครู”
“คุณคือ…”
“ฉันเป็นแม่ของจินและชินค่ะ ส่วนนั่นตินเป็นแฝดอีกคนค่ะ”
“อ๋อ คุณลินใช่ไหมคะ ดิฉันคุณครูเฟิร์นค่ะ เชิญคุณลินนั่งก่อนนะคะเดี๋ยวฉันอธิบายเหตุการณ์ให้ฟังค่ะ”
“ค่ะ”
เมื่อลินนั่งลงบนโซฟา คุณครูก็ได้อธิบายว่าจินได้แกล้งเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ตัวเล็กกว่าด้วยการขีดเขียนสีเมจิกลงบนใบหน้าของเขา ในตอนแรกเด็กชายคนนั้นก็เดินหนีแต่ตินก็ยังตามไปแกล้งอีก เด็กชายก็ตอบโต้โดยการใช้สีเมจิกเขียนหน้าของจินกลับ ทั้งสองก็เลยทะเลาะกัน
เมื่อลินได้ฟังเหตุการณ์เธอก็รีบขอโทษคุณครูทันที “ฉันขอโทษนะคะที่จินก่อเรื่องแบบนี้ แล้วเด็กผู้ชายอีกคนอยู่ที่ไหนเหรอคะ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เด็กทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติค่ะ ส่วนเรย์เด็กชายที่ทะเลาะกับจินอยู่ทางนี้ค่ะ” คุณครูพาลินไปที่อีกด้านหนึ่งของห้อง ลินเห็นจินและเด็กคนหนึ่งนั่งใกล้ ๆ กันแต่ท่าทางของทั้งสองดูไม่ถูกกันอย่างมาก
ลินมองไปที่ลูกชายของเธอถึงแม้ว่าหน้าตาของเขาจะเต็มไปด้วยสีเมจิกแต่ท่าทางของเขาทำราวกับว่าตัวเองไม่ผิดอะไรทั้งนั้น ลักษณะที่เขาแสดงออกมาน่าหมั่นไส้จริง ๆ
เธอหันไปมองเด็กชายอีกคนก็เห็นว่าหน้าตาของเขาก็เต็มไปด้วยสีเมจิกเช่นกัน ลินจึงหยิบทิชชูเปียกสำหรับเช็ดหน้าออกมาเพื่อเช็ดใบหน้าของเขาแต่เด็กคนนั้นก็ถอยหนี
“ไม่ต้องกลัว น้าไม่ทำอะไรหรอก หนูชื่ออะไรเหรอครับ” เธอยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้มาร้ายเขาก็ยอมให้เธอเช็ดหน้าแต่โดยดี
“ชื่อเรย์ครับ”
“ชื่อเพราะดีนะ”
“ขอบคุณครับ” เขารู้สึกเขินนิดหน่อยแต่ก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณเธอ
“น้าชื่อลินนะ เรื่องที่เกิดขึ้นจินเป็นคนเริ่มก่อนสินะ” ลินเหลือบมองไปยังลูกชายของเธอ
“น้าขอโทษนะที่ดูแลเขาไม่ดีจนทำให้ต้องมาแกล้งเรย์”
“ผมก็ผิดเหมือนกันที่…” เรย์ยังพูดไม่จบก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา
“แม่จะไปขอโทษเขาทำไม!” จินตะโกนออกมาด้วยความโกรธที่เธอไปขอโทษเด็กคนนั้นและอีกอย่างหนึ่งคือเธอไปเช็ดหน้าให้เด็กนั่นก่อนแต่กลับไม่เช็ดหน้าให้เขา!
“เงียบ” ลินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบและใบหน้าที่เย็นชาจนทำให้จินที่กำลังตะโกนออกมาเงียบได้ทันที
น้ำเสียงและท่าทางที่แม่ของเขาแสดงออกมาทำให้จินตกใจ เขาไม่เคยเห็นเธอในอารมณ์แบบนี้มาก่อน ในอดีตไม่ว่าเขาจะดื้อขนาดไหนเธอก็จะทำหน้าเฉยเมยและเดินหนีเท่านั้นแต่ครั้งนี้กลับบอกให้เขาเงียบ
ลินกลับมาเช็ดใบหน้าของเรย์ต่อเมื่อสะอาดแล้วเธอก็กำลังเลื่อนลงไปเช็ดที่คอ แต่สายตาเหลือบไปเห็นป้ายชื่อของเขาซะก่อน
“รชตะ เรืองกิตติ์” รชตะที่หมายความว่าเงิน ชื่อเพราะดีนะเนี่ย
“เดี๋ยวนะ ชื่อจริง รชตะ เรืองกิตติ์ ชื่อเล่น เรย์งั้นเหรอ” คุ้น ๆ นะ
จู่ ๆ ลินก็นึกขึ้นได้ “นี่เป็นตัวเอกของเรื่องพิสรัลเล่มสองที่จินเป็นพระเอกนี่” ลินมองหน้าเด็กชายตรงหน้าด้วยความตกใจ
เธอรู้ว่าจินจะแกล้งตัวเอกในวัยเด็กแต่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นตัวเอกเร็วขนาดนี้ เด็กชายที่อยู่ตรงหน้าเธอเขามีผมสีทองตาสีแดงเหมือนอัญมณี ผิวของเขาขาวราวกับสำลี ปากนิดจมูกหน่อย พอได้มองใกล้ ๆ เขาดูดีมาก
“คุณน้าครับ?”
“เอ่อ…”
“คุณน้าเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไรค่ะ” เธอตอบเขาจากนั้นก็ขอให้คุณครูเฟิร์นมาช่วยเรย์เช็ดคอส่วนเธอขอตั้งสติก่อน
“คุณครูเฟิร์นคะ รบกวนช่วยเช็ดรอยเปื้อนที่คอของเรย์ให้หน่อยได้ไหมคะ”
ครูเฟิร์นได้ยินแบบนั้นก็รีบเข้ามาช่วยทันที “ได้เลยค่ะ”
ลินเดินมาที่ฟากหนึ่งของห้องเพื่อตั้งสติเพราะไม่คิดว่าจะเจอตัวเอกเร็วขนาดนี้และวันนี้มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน ดังนั้นขอเธอตั้งสติก่อน
ใช้เวลาไม่นานลินก็กลับมาเป็นปกติ เธอเดินไปหาจินเพื่อคุยเรื่องที่เกิดขึ้น “จินรู้ไหมว่าวันนี้ทำอะไรผิด” เธอถามเขา
“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย!”
“แล้วการที่เอาสีเมจิกไปเขียนหน้าคนอื่นมันถูกเหรอ” เธอถามเขาด้วยความใจเย็น
“แล้วแม่มายุ่งอะไรด้วย มันไม่เกี่ยวกับแม่ซะหน่อย” เขาเดินหนีเธอ
“หืม? แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อล่ะจะยังไม่เกี่ยวกับแม่อยู่ไหม” ลินใจเย็น ๆ นะอย่าใจร้อนกับเด็ก เธอพยายามบอกตัวเอง
ได้ยินแบบนี้ก็ทำให้ขาที่กำลังก้าวหนีแม่ของเขาต้องหยุดชะงักลง “แม่จะฟ้องพ่อเหรอ คนขี้ฟ้อง!”
“ถ้ายังพูดแบบนี้อีกแม่จะฟ้องพ่อจริง ๆ แน่” เธอกวนประสาทเขา
จินได้แต่มองเธอด้วยความโกรธ “เอาอย่างนี้ไหมจิน ถ้าจินไปขอโทษเรย์แม่จะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อ ตกลงไหม”
“แม่พูดจริงเหรอ” เมื่อเห็นว่าข้อเสนอที่เธอยื่นให้น่าสนใจเขาก็เริ่มอยากคุยขึ้นมาทันที
“ใช่ แต่ต้องไปขอโทษเรย์เดี๋ยวนี้เลย”
“ได้ ผมจะไปขอโทษเขา” แค่ขอโทษเรื่องเล็กน้อยอยู่แล้วแลกกับการที่แม่ไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อ
จินเดินตรงไปเรย์และกล่าวขอโทษเขา “ขอโทษ” เขาพูดแบบขอไปทีไม่มีความจริงใจเลยสักนิด
“ความจริงใจ” ลินพูด
“ขอโทษนะ” เขาพูดชัดขึ้นแต่ในใจคิดว่าแม่เรื่องมากจริง ๆ
“หางเสียง”
“ขอโทษนะครับ”
“เรื่อง”
“ขอโทษนะครับเรื่องที่เอาสีเมจิกไปเขียนหน้านาย” เขาถอยให้สุด ๆ แล้ว
เรย์เห็นแบบนั้นก็รู้สึกขำแต่เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายถอยให้สุด ๆ แล้วเขาจึงตอบไปว่า “เราก็ขอโทษเหมือนกันที่แกล้งนาย”
เมื่อขอโทษกันเสร็จทั้งสองก็แยกย้ายกันไปคนละทาง ลินเห็นว่าสีเมจิกเลอะเสื้อผ้าของเรย์ด้วยเธอจึงอยากจะรับผิดชอบเพราะจากในเนื้อเรื่องที่อ่านแม่ของเรย์ได้เสียชีวิตและพ่อของเขาก็ได้แต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนหนึ่ง พ่อของเขาไม่ค่อยสนใจเขาส่วนผู้หญิงคนนั้นไม่ชอบเรย์เป็นอย่างมากถ้าหากรู้ว่าเรย์มีเรื่องทะเลาะในโรงเรียนเธอคงมีสาเหตุลงโทษเขาแน่
“คุณครูคะ ตอนนี้ทางโรงเรียนมีชุดสำรองขายไหมคะ ฉันอยากจะซื้อชุดนั้นให้เรย์ค่ะ”
“ตอนนี้ทางโรงเรียนยังมีชุดสำรองเหลืออยู่ค่ะแต่คุณลินแน่ใจนะคะว่าต้องการซื้อให้เรย์”
คุณครูได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมากเพราะเธอก็พอรู้เรื่องครอบครัวเรย์มาบ้าง แต่ชุดโรงเรียนนี้มีราคาแพงมากถึงคุณครูจะรู้ว่าครอบครัวของลินรวยมากแต่เธอก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี
“ใช่ค่ะ ตอนนี้เลยค่ะ”
เรย์เดินมาหาลินและได้ยินเรื่องที่เธอพูดเขาก็แย้งขึ้นมาทันที “น้าลินครับ ผมขอบคุณมากแต่ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับ”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องนี้จินเป็นคนก่อและน้าก็เป็นแม่ของเขา ดังนั้นน้าต้องรับผิดชอบ”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ทั้งนั้น เรื่องนี้น้าผิดจริง ๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมขอบคุณมากนะครับ” เรย์รู้ดีกว่าถ้าแม่เลี้ยงของเขาเห็นว่าเสื้อผ้าของเขามีรอยเปื้อนเธอคงหาเรื่องเขาแน่
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอยิ้มให้เขาโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีคนหนึ่งกำลังมองอยู่ด้วยความอิจฉา
จินกำลังมองมาที่แม่ของเขาและเรย์ด้วยความอิจฉา เธอไม่เคยมองมาที่พวกเขาด้วยแววตาแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ ยัยผู้หญิงใจร้าย!
เมื่อเรื่องที่ทะเลาะกันได้จบลง ลินและเด็ก ๆ ก็พร้อมที่จะกลับบ้านสักที วันนี้เหนื่อยมากจริง ๆ แต่ก่อนที่จะเปิดประตูออกไปลินกลับนึกขึ้นว่า
“ชินไปไหนเนี่ย!”