เปลี่ยนความคิด (1/2)
บทที่ 6 เปลี่ยนความคิด
ในช่วงกลางดึกลินกำลังดูข้อความและรูปภาพต่าง ๆ ในโทรศัพท์ของเจ้าของร่างเดิมเพื่อทำความคุ้นเคยกับชีวิตใหม่ แต่เธอดันเกิดอาการคอแห้งขึ้นมาจึงได้บ่นกับตัวเอง “มาหิวน้ำอะไรเวลานี้เนี่ย” ลินถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวเพื่อดื่มน้ำ ช่วงเดินไปก็ไม่มีปัญหาอะไรแต่ช่วงขากลับเธอดันเหลือบไปเห็นห้องเก็บของเล่นของเด็ก ๆ มีแสงสว่างออกมาถึงจะไม่มากแต่ก็พอรู้ได้แน่นอนว่าไม่ใช่แสงไฟจากข้างนอกแน่นอน
“โจรเหรอ? ไม่น่าเป็นไปได้นะ” ถึงบ้านหลังนี้จะใหญ่มากแต่ระบบรักษาความปลอดภัยก็มากเช่นกัน เธอไม่คิดว่าจะกล้ามีโจรเข้ามาปล้นเลยแต่เพื่อความปลอดภัยต้องตรวจสอบให้แน่ใจ ถึงอย่างนั้นลินก็ไม่คิดจะเดินไปดูคนเดียวแน่นอน คิดดูสิ ถ้าเดินไปสู้กับโจรคนเดียว นอกจากจะไม่ได้จับโจรแล้วเธอยังโดนโจรจับแทนอีก วิธีแบบนี้ลินไม่ขอทำเด็ดขาด เธอมองดูที่ห้องนั้นสักพักหนึ่งและก่อนที่เธอจะไปเรียกคนอื่น ๆ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงสิ่งของหล่นจากห้องนั้น “ตุ้บ!”
“ติน อยู่เฉย ๆ สิ! เดี๋ยวก็มีคนได้ยินหรอก” จินดุตินเบา ๆ เพราะกลัวมีคนจับได้
“เอ๊ะ เสียงจินนี่ เด็กพวกนี้มาทำอะไรกัน” ลินเริ่มสงสัยและอีกใจหนึ่งก็รู้สึกโล่งอกเธอจึงเดินไปแอบดูพวกเขาผ่านช่องแคบของประตู
“ขอ ขอโทษ” ตินขอโทษด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด เขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ
“ไม่เป็นไรตินไม่ต้องคิดมาก” ชินเลื่อนมือมาลูบหัวตินเบา ๆ เพื่อปลอบใจเขา
“อื้ม!” มีพี่ชายคอยปลอบเขาก็ไม่เศร้าแล้ว
“แล้วจินเรียกพวกเรามานี่มีเรื่องอะไรเหรอ” ชินถามด้วยความสงสัย
ถูกถามถึงสาเหตุที่เรียกพี่น้องของตัวเองมาก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองมีเรื่องจะบอกให้พี่น้องของเขาได้รับรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้ยินมาเมื่อตอนเย็น “คือว่าตอนเย็น…”
“ทำไมเหรอจิน” ชินถามอีกครั้ง
“จินได้ยินแม่บ้านพูดว่าแม่ขอพ่อหย่าแต่จินไม่รู้ว่าหย่าคืออะไร” ในขณะที่พูดจินก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาไม่รู้ว่าหย่าแปลว่าอะไรแต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
“หย่าเหรอ ตินไม่รู้เหมือนกันว่าหย่าคืออะไร ชินรู้ไหม” ตินส่ายหัวไปมาปฏิเสธว่าตัวเองไม่รู้ว่าหย่าคืออะไร เขาไม่คุ้นคำนี้เลยจึงหันไปถามพี่ชายคนโตที่ดูเหมือนฉลาดรอบรู้ที่สุดเพื่อรอคำตอบ
“อืม ชินรู้” ชินพยักหน้าตอบน้องชายด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนใจ
สาเหตุที่รู้เพราะเคยได้ยินเพื่อนร่วมห้องของเขาพูดว่าพ่อแม่จะไม่อยู่ด้วยกันแล้วและเพื่อนร่วมห้องคนนั้นยังได้พูดถึงสถานการณ์ในครอบครัวอีกด้วย ชินที่แอบฟังก็รู้สึกได้ทันทีว่าสิ่งที่เพื่อนคนนั้นพูดช่างคล้ายกับครอบครัวของเขาเหลือเกิน เพียงแต่ครอบครัวของเขาพ่อแม่ยังไม่หย่ากันก็เท่านั้นแต่ในตอนนี้ครอบครัวของเขาคงจะเป็นเหมือนกับเพื่อนร่วมห้องคนนั้นแล้ว
“แล้วแปลว่าอะไรเหรอ” จินสงสัยจริง ๆ แต่เห็นชินไม่ตอบจินก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นจึงได้เร่งถามพี่ชายอีกครั้ง “เร็ว ๆ สิชิน หย่าแปลว่าอะไร”
“มันแปลว่าพ่อกับแม่จะไม่อยู่ด้วยกัน แล้วพวกเราก็ต้องเลือกว่าจะอยู่กับใคร” ชินไม่อยากบอกคำนี้กับน้อง ๆ เลย เขารู้ดีว่าเมื่อพูดออกไปแล้วจะทำให้น้องของเขารู้เสียใจและหวาดกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่เขาไม่มีทางเลือกหากว่าสิ่งนั้นเป็นการตัดสินใจของพ่อแม่เขาก็คงต้องยอมรับ
“ไม่จริง! ชินโกหก” จินตะโกนออกมาด้วยความโมโห
“ไม่ ไม่เอา ไม่ให้หย่า” ตินพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นจะ…” จินไม่อยากจะพูดคำนี้ออกมาเลย “จะทิ้งพวกเราไปใช่ไหม” เขากำหมัดแน่นพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลรินออกมา
“ชินไม่รู้” ชินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่สายตากลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวด
“ละ แล้วพวกเราต้องอยู่กับพ่อใช่ไหม” ตินรู้ดีแม่ของพวกเขาคงไม่เลี้ยงดูพวกเขาแน่นอน
“น่าจะใช่ ส่วนแม่ก็คงจะออกจากบ้านไป” ชินอธิบายให้น้องชายฟัง
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แม่เรา! แม่ต้องไม่ทิ้งลูกตัวเองสิ!” แต่ผู้หญิงคนนั้นกำลังทิ้งพวกเขาไป พวกเขาเป็นลูกของเธอนะ ถึงเธอจะไม่รักแต่ก็ไม่ควรทิ้งไปแบบนี้ จินเสียใจมากจริง ๆ
“เธอไม่…ฮึก” ไม่รักพวกเขาด้วยซ้ำ เธอไม่เคยมองมาที่พวกเขาด้วยความรักเลยสักนิด
จินอยากจะพูดคำนี้ออกมาแต่ความรู้สึกที่ได้เก็บไว้ก็พังทลายออกมาซะก่อน เขารู้ดีว่าแม่ไม่ได้รักพวกเขาแต่ไม่เคยคิดว่าเธอจะทิ้งพวกเขาไป เธอจะไปจริง ๆ งั้นเหรอ ไม่สงสารพวกเขาเลยงั้นเหรอ
“จิน จินไม่ร้องนะ” ตินเดินเข้าไปปลอบจินทั้งที่ตอนนี้ตัวเองก็ร้องไห้เหมือนกัน
“แม่ไม่ทิ้งพวกเราไปหรอก วันนี้มารับแถมยังซื้อไอศกรีมให้พวกเราด้วยนะ” ตินพยายามแย้งพี่ชาย เขาจำได้ดีว่าไอศกรีมวันนี้อร่อยแค่ไหน
“เธออาจจะแกล้งใจดีก่อนจะทิ้งพวกเราก็ได้นี่!”
“ชิน…” ตินไม่รู้จะพูดอะไรดีเขาจึงหันไปหาชินเพื่อขอความช่วยเหลือแต่สิ่งที่ชินพูดออกมาทำให้เขายิ่งใจสลายขึ้นไปอีก
“ที่จินพูดก็ถูกนะปกติแม่ไม่มารับพวกเราด้วยซ้ำ แม่อาจจะทำดีให้พวกเราก่อนจากไปก็ได้” เขาไม่อยากให้ความหวังน้องจึงตัดสินใจพูดตรง ๆ ออกไป
ทันทีที่ได้ยินชินพูดตินก็ใจสลาย ร้องไห้ออกมาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ดูแลอะไรพวกเขาแต่เขาก็ไม่อยากให้เธอจากไปไหน “ไม่ ไม่เอา ตินไม่ให้แม่ไป”
ชินที่เห็นแบบนั้นก็เดินไปหาทั้งสองคนและดึงพวกเขามากอด คนหนึ่งอยู่ข้างขวาคนหนึ่งอยู่ข้างซ้ายทั้งสองคนนั้นร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ส่วนชินถึงแม้จะไม่ร้องไห้แต่น้ำตาก็คลอเบ้าเพราะในใจของเขาตอนนี้กำลังแตกสลาย แต่เขาร้องไห้ไม่ได้เขายังต้องดูแลน้อง ๆ
จู่ ๆ จินก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “แล้วพ่อจะแต่งงานใหม่ไหม พวกเราจะโดนพ่อทิ้งรึเปล่า” เขากลัว ไม่อยากโดนทิ้งอีกแล้ว
“พ่อจะแต่งงานใหม่เหรอ แล้วจะมีแม่เลี้ยงใจร้ายด้วยเหรอ” ตินไม่อยากมีแม่เลี้ยงใจร้ายนะ ขอแม่คนเดิมกลับมายังดีกว่า
“พวกเราอาจจะมีแม่เลี้ยงใจร้าย เธออาจให้เราอดอาหาร ล้างจาน ไม่มีของเล่นใหม่ด้วยนะ ไม่ยอม ๆ ๆ ไม่ให้หย่าเด็ดขาด” จินตะโกนออกมาด้วยความโกรธ เขายังมีของเล่นที่ต้องซื้ออีกมากถ้าหากมีแม่เลี้ยงใจร้ายจริง ๆ เขาคงไม่มีของเล่นอีกแล้ว
“ต้อง ต้องอดอาหารด้วยเหรอ” ตินมองไปที่จินด้วยความหวาดกลัว ถ้าอดอาหารพวกเขาก็ไม่โตสิ เมื่อรู้แบบนั้นแล้วตินก็ยิ่งร้องไห้ออกมา
“พอแล้ว ไม่ต้องร้องนะ เดี๋ยวชินไปคุยกับพ่อก่อน พ่อคงไม่แต่งงานใหม่เร็ว ๆ นี่หรอก”
เขารู้ดีว่าพ่อคงไม่แต่งงานใหม่เร็ว ๆ นี้แน่นอนแต่หากนานไปพ่อมีคนรักใหม่พวกเขาอาจโดนเธอทำร้ายหรือในทางเลวร้ายที่สุด พ่ออาจจะมีลูกกับเธอและลืมไปว่ายังมีพวกเขาอยู่ก็ได้ แต่สิ่งนั้นยังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้เขาต้องพยายามปลอบน้อง ๆ สุดความสามารถด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่ไม่เป็นผลเลยสักนิด น้องทั้งสองคนของเขายังคงร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวและเสียใจจนไม่ได้สนใจคำปลอบโยนของพี่ชายตัวเองเลยสักนิด