กลับถึงบ้านสักที (2/2)
“ในที่สุดก็ถึงบ้านสักที” ลินพูดด้วยความโล่งอก หลังจากที่ออกจากบ้านวันนี้ทำให้เธอเสียพลังงานไปเยอะมาก การดูแลเด็กทั้งสามคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เดินลงจากรถยนต์มาก็เจอกับพ่อของเด็กทั้งสามคนกำลังยืนรออยู่ที่หน้าประตูบ้าน เด็ก ๆ เห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งไปหาพ่อตัวเองทันที
“พ่อ!”
“พ่อ!” จินและตินตะโกนเรียกชื่อพ่อของเขาพร้อมกันก่อนจะวิ่งไปกอดด้วยความดีใจเพราะปกติมักจะไม่ได้เจอพ่อในเวลานี้
ส่วนชินเขาเดินไปอย่างไม่รีบร้อน “พ่อสวัสดีครับ”
“วันนี้ทั้งสามคนเป็นไงบ้าง เรียนสนุกไหม”
“ไม่สนุก” ตินพูดด้วยเสียงเศร้าสร้อย
“ก็สนุกดีครับ” ลินไม่แน่ใจว่าชินสนุกจริง ๆ หรือตอบตามมารยาทเท่านั้น
“ไม่เห็นสนุกเลยอยู่บ้านดีกว่าตั้งเยอะ! เรียนอะไรก็ไม่รู้ปวดหัว” จินบ่นอีกแล้ว นี่เขาไปจำจากการ์ตูนเรื่องไหนมาเนี่ย
“ขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาพูดพลางยิ้มอ่อน ๆ “งั้นวันนี้คงเหนื่อยแล้วไปเปลี่ยนชุดเถอะ”
“ครับ!” ทั้งสามตอบพ่อพร้อมกันแล้วรีบไปเปลี่ยนชุดแต่ก่อนที่จินจะไปศิระก็ได้ถามเขา
“จิน เดี๋ยวก่อน”
“ครับ?”
“หน้าไปโดนอะไรมา” ซวยแล้ว! เขาลืมเช็ดหน้า
“ผม…เอ่อ...” จินมองมาที่ลินด้วยความโกรธแต่ลินไม่สนใจเธอยังยิ้มให้เขา
เขาตงิดใจแต่แรกแล้วว่าทำไมข้อเสนอของเธอถึงง่ายมากที่แท้เธอจงใจไม่เช็ดหน้าให้เขาเพราะจะให้พ่อมาเห็นสีบนหน้าเขานี่เอง เขาพลาดแล้ว!
“ผมอะไร” คุณศิระเริ่มซักไซ้เขามากขึ้น
“ผม…” เขามองมาที่ลินอีกครั้งเพื่อขอความช่วยเหลือแต่เธอไม่สนใจ ก็นี่ไม่ได้อยู่ในสัญญาที่ตกลงกันไว้นี่นา
“จินก่อเรื่องที่โรงเรียนเหรอ” คุณศิระเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้นเล็กน้อย
“เปล่า ๆ ผมไม่ได้ก่อเรื่องแค่…เอ่อ…” เขาหาข้อแก้ตัวไม่ได้เลย คงต้องยอมรับความจริงแต่ลินที่เห็นแบบนั้นก็เดินไปหาเขาและกระซิบข้างหูเบา ๆ ว่า “จินติดหนี้แม่หนึ่งครั้งนะ” แล้วเดินเข้าไปหาคุณศิระ
“เขาแค่เล่นสีเมจิกกับเพื่อนแล้วไม่ได้ระวังเท่านั้นเอง ใช่ไหมจิน” จินได้ยินแบบนั้นก็ตอบทันที
“ใช่! ผมแค่เล่นสีเมจิกกับเพื่อน!” แต่เล่นกันแบบไม่ธรรมดาหวังว่าพ่อจะเข้าใจ
“จริงเหรอจิน” คุณศิระถามย้ำอีกครั้ง
“จริงครับ ไม่ได้โกหกเลยนะ!” พร้อมกับส่ายหัวไปมาและเบิกตากว้าง ๆ ให้พ่อเชื่อตัวเอง
เฮ้อ ลูกชายของเธอคนนี้โกหกไม่เก่งเลย
“งั้นผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ” พูดจบเขาก็รีบวิ่งไปทันที
ลินที่เห็นจินวิ่งหางจุกตูดไปแบบนั้นก็รู้สึกขบขันขึ้นมา “ฮ่า ๆ เมื่อกี้เขาตลกจริง ๆ คุณว่าไหม”
“แกล้งเขาจนพอใจรึยัง” ศิระถามเธอ เขารู้ก่อนแล้วว่าจินก่อเรื่องมาแน่แต่เห็นเธอแกล้งจินแบบนี้เขาก็เลยต้องตามน้ำไป
“คุณก็แกล้งเขาด้วยไม่ใช่รึไง ดูหน้าเขาเมื่อกี้สิ” ลินยังคงหัวเราะต่อไป
“ก็จริง หึ” เขายิ้มมุมปาก
ลินที่เห็นเขายิ้มมุมปากเธอก็หุบยิ้มทันที คุณศิระยิ้มเหรอ เขายิ้ม! วันนี้เขาผิดปกติรึเปล่าเนี่ย “คุณไม่สบายเหรอ”
ประธานบริษัทผู้ทำหน้าตาเคร่งเครียดอยู่เสมอเมื่อรู้ว่าตัวเองแปลกไปก็ปรับสีหน้าให้เหมือนเดิมทันที “เปล่า ผมสบายดีไม่ได้เป็นอะไร”
“อ๋อ ค่ะ” แต่เธอว่าเขาไม่น่าจะสบายดีนะ
“ทำไมคุณกลับมาช้าจังเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า” เขารีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“มีค่ะ ฉันกำลังจะบอกคุณพอดี แต่ตรงนี้คงไม่สะดวกเราขึ้นไปคุยกันที่ห้องไหม”
“อืม ไปกันเถอะ” ตกลงกันเรียบร้อยทั้งสองก็เดินไปที่ห้องทำงานของเขาเพื่อคุยเรื่องที่เกิดขึ้น
ลินได้เข้ามาที่ห้องทำงานของเขาและเธอได้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับตินให้เขาฟังและจากที่เขาฟังเธอเล่าก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของเธอ “อืม คุณไม่ต้องห่วงเดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“หมายถึงคุณจัดการคนเดียว?”
“ใช่ คุณมีอะไรเหรอ”
“ที่ฉันมาคุยกับคุณเพราะฉันไม่ได้อยากให้คุณจัดการคนเดียวสักหน่อย”
“คุณก็อยากรู้ด้วยเหรอ” เขาไม่คิดว่าเธอจะสนใจเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
“อยากสิ ไม่งั้นฉันจะมาคุยกับคุณงั้นเหรอคะคุณศิระ” เธอก็เป็นห่วงเด็ก ๆ เหมือนกันนะเขาถามอะไรแปลก ๆ
“ก็ปกติคุณไม่ได้สนใจเด็ก ๆ นี่ครับคุณไลลาลิน”
เธออยากจะเถียงเขาไปมากว่านั่นไม่ใช่ฉันย่ะ! คนที่ไม่สนใจพวกเขาคือเจ้าของร่างเดิมต่างหาก อย่ามาว่าเธอแบบนี้นะแต่ถึงจะอยากพูดยังไงเธอก็ไม่สามารถพูดได้อยู่ดี
“ช่างเถอะ ที่ฉันอยากให้คุณทำคือไล่ครูคนนั้นออกซะเขาไม่สมควรเป็นครูด้วยซ้ำ ไม่ควรให้เด็กต้องมาเจอกับครูแบบนี้ แล้วก็ให้ตินลาออกจากโรงเรียนนั้นด้วย” เธอไม่อยากเถียงกับเขาแล้วจึงรีบพูดสิ่งที่ต้องการ
“ผมจะจัดการให้ว่าแต่ตินเขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“ถ้าคุณหมายถึงร่างกายเขาปกติดีไม่มีอะไรเสียหายแต่ความมั่นใจของเขานี่สิ คงต้องใช้เวลาค่อย ๆ สร้างขึ้นมาใหม่”
“อืม เขาคงต้องใช้เวลา แล้วเขาได้พูดอะไรอีกไหม”
"ไม่นะคะ เขาไม่ได้พูดอะไรเลย"
“นั่นสินะ อีกอย่างยิ่งเป็นคุณแล้วเขาคงกลัวจนไม่กล้าตอบหรอก” เขาพูดกับตัวเองแต่ก็เสียงดังพอจะให้ลินได้ยินเสียงนั้น
“นี่คุณจะกวนประสาทฉันงั้นเหรอ” ผู้ชายบ้านนี้ปากร้ายกันจริง ๆ
“เปล่าสักหน่อย ผมแค่พูดความจริง”
“ความจริงเรื่องอะไรมิทราบคะ”
“ก็เรื่องที่เขากลัวคุณไง ปกติแค่เห็นคุณเขาก็แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว” ไม่มีเด็กคนไหนกลัวแม่ของเขาได้เท่าตินแล้ว
ที่คุณศิระพูดแบบนี้แปลว่าเขารู้เรื่องต่าง ๆ ในครอบครัวนี้ดีแต่ก็ยังไม่ยอมหย่าเธอสงสัยจริง ๆ “คุณก็รู้เรื่องในครอบครัวดีนี่ เหตุผลที่ไม่ยอมหย่าเป็นเพราะลูก ๆ จริงเหรอคะ”
“ลิน…” เขาเตือนเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชาเพื่อให้เธอไม่ข้ามเส้นที่เขากำหนดไว้
เมื่อลินเห็นว่าเธอได้ข้ามเส้นไปคุยเรื่องที่ไม่ควรคุยทำให้อารมณ์ของสามีเธอเปลี่ยนไป เธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วฉันไปก่อนนะคะ”
เขาเห็นว่าเธอเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วก็ปรับน้ำเสียงมาเป็นปกติ “เดี๋ยวสิ ช่วงนี้คุณดูแปลกไปนะคุณภรรยา”
“เอ๊ะ ฉัน ฉันเปล่าสักหน่อย”
“แต่ผมรู้สึก…”
“ฉันไปละ” ลินรีบเดินออกไปทันที เธอเริ่มคิดแล้วว่าเวลาอยู่กับเขาเธอเริ่มเหมือนจินเข้าไปทุกที
เขามองแผ่นหลังภรรยาตัวเองที่กำลังออกไปจากห้องนี้ด้วยแววตาสงสัย “เธอแปลกไปจริง ๆ น่าสนใจดีนี่”
ทันทีที่ลินออกมาจากห้องนั้นได้สำเร็จเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “เฮ้อ เกือบไปแล้วฉัน ดีนะที่ออกมาได้ก่อน”
จากที่อ่านในนิยายเธอรู้ว่าพ่อของเหล่าพระเอกฉลาดหลักแหลมแค่ไหนแต่นี่มันเกินไปจริง ๆ เธอพึ่งทะลุเข้ามาในนิยายเล่มนี้เพียงไม่กี่วันก็เกือบจะถูกจับได้แล้วงั้นเหรอ ต่อไปคงต้องแสดงให้เนียนกว่านี้
อีกอย่างจากที่เธอถามเขาเมื่อกี้ว่าสาเหตุของการไม่หย่าใช่เรื่องลูกจริงงั้นเหรอ ดูเหมือนเขาจะโกรธขึ้นมาทันที เธอฟันธงด้วยความรู้ทั้งหมดที่เคยอ่านในนิยายสันนิษฐานได้เลยว่าสามีของเธอ เขาต้องมีปมวัยเด็กเกี่ยวกับครอบครัวแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตอบสนองเธอด้วยอารมณ์แบบนั้น ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ เธอสงสัยว่าบนโลกนี้คนเราจะเติบโตอย่างมีคุณภาพโดยปราศจากปมในวัยเด็กไม่ได้เลยงั้นเหรอ แค่เติบโตมาด้วยความรักอย่างเดียวมันคงเป็นเรื่องยากจริง ๆ