บทที่ 11 หยามเกียรติ
บทที่ 11 หยามเกียรติ
“ทำไม ทีกับบ้านรองหลันพี่ยังช่วยด้วยการให้ยืมเงินตั้งหนึ่งร้อยหยวน แต่ทำไมกับฉัน ฉันมาขอความช่วยเหลือแท้ๆ พี่กลับเมินเฉย พี่ไม่กลัวชาวบ้านกล่าวว่าพี่ไร้น้ำใจเหรอ”
หลันซูซินรู้สึกเสียหน้า เธอไม่ใช่คนขี้เหร่ และเท่าที่ดูพี่เฟยเทียนน่าจะยังไม่มีคนรัก ทำไมหญิงสาวหน้าตาดีเช่นเธอมาขอความช่วยเหลือเขาจึงกลับปฏิเสธ
“ข้อแรก คุณและคนอื่นไม่มีความสำคัญและไม่มีคุณค่าพอที่ผมจะช่วยเหลือ ข้อสองใครจะมองว่าผมแล้งน้ำใจผมไม่สนใจ เพราะผมไม่ได้ขอข้าวใครกิน ไปเถอะอาข่าย เสี่ยวอิงเดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน อาหงเหยาฝากให้ฉันดูแลทั้งสองคน ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะเท่ากับผิดคำพูดกับอาหงเหยา”
หยางเฟยเทียนไม่สนใจถือวิสาสะจูงมือหลันลู่อิงและหลันอี้ข่ายไปจากตรงนี้
แต่ไม่รู้เพราะว่าหลันซูซินสวยอย่างเดียวแต่ไม่มีสมองหรือเปล่า คำพูดที่พูดออกมานั้นกลายเป็นคำพูดที่ฆ่าตัวเอง
“ที่พี่ไม่สนใจผู้หญิงคนไหน เพราะว่าสนใจตัวพี่สะใภ้ฉันหรือเปล่า หากคิดจะมีสามีเด็กทำไมจะไม่ได้”
ไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มของหยางเฟยเทียนตกใจ ชาวบ้านที่ได้ยินยังตกตะลึงไปตามๆ กัน หยางเฟยเทียนหันกลับมาด้วยสีหน้าและท่าทางเย็นชา เพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ตัวตนและเบื้องหลังที่แท้จริง จึงทำตัวเป็นชาวบ้านธรรมดา
โดยการเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านนี้ในฐานะยุวปัญญาชนชาย คนที่รู้ฐานะที่แท้จริงของเขามีเพียงผู้นำหมู่บ้าน รองหัวหน้าคอมมูนและเจ้าหน้าที่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่วันนี้หญิงสาวตรงหน้ากลับล้ำเส้นของเขาจนเกินไป เขาเตรียมที่จะเล่นงานกลับ แต่ได้ยินเสียงของยายตัวเล็กเสียก่อน
“พี่ใหญ่ย่อตัว”
หลันอี้ข่ายแม้ไม่รู้ว่าทำไมน้องสาวได้สั่งแบบนี้ แต่กลับย่อตัวตามที่เสี่ยวอิงบอก หลันลู่อิงสะบัดมือให้หลุดจากหยางเฟยเทียน ก่อนจะกระโดดเหยียบที่เข่าพี่ชายและถีบตัวเองขึ้น ก่อนจะใช้ขาฟาดเข้าไปที่ลำคอของหลันซูซิน จนอาสาวกระเด็นและล้มลงไปกอง
พลั๊ก! “โอ๊ย! แกกล้าทำร้ายฉันเหรอนังเด็กชั่ว”
หลันลู่อิงไม่พอใจที่ร่างกายนี้ยังเด็ก ไม่เช่นนั้นอาเล็กของร่างนี้คงจะสลบไปแล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นผลงานชั้นเยี่ยมกับร่างกายเล็กๆ นี้
“หนูชั่วหรือไม่ไม่ต้องให้อาเล็กมาบอกหรอก แต่การที่อาเล็กใส่ร้ายแม่ ซึ่งเป็นพี่สะใภ้ของอาเล็กเองนี่คือคนดีๆ เขาทำกันใช่ไหม หนูว่าอาเล็กเก็บปากไว้กินข้าวหรือรอให้แตกหน้าหนาวดีกว่านะ
อาเฟยเทียนอยู่ของเขาดีๆ เขาไม่สนใจอาเล็กมันก็สิทธิ์ของเขาไหม หนังสือตัดขาดเพิ่งจะมีวันนี้อายังกล้าฝ่าฝืนมายุ่งวุ่นวายกับบ้านรองอีก ไม่กลัวต้องเสียเงินสองร้อยหยวนตามในสัญญาเหรอ และที่สำคัญถ้าหนูเป็นอาเฟยเทียนแล้วต้องสนใจผู้หญิงอย่างอา หนูยอมช่วยตัวเองดีกว่า”
หลันอี้ข่ายหายจากอาการตกใจแล้วยังต้องมาหน้าแดงเพราะคำพูดของน้องสาว จึงส่งเสียงดออกไป “เสี่ยวอิง น้องเป็นผู้หญิงนะพูดแบบนั้นได้ยังไง”
หลันลู่อิงยิ้มแป้นเมื่อพี่ชายไม่ได้ดูที่เธอทำร้ายคนบ้านใหญ่หลัน จึงได้หันมาขอโทษพี่ใหญ่เสียงอ่อย “ขอโทษค่ะพี่ใหญ่ อาเฟยเทียน”
“ไม่เป็นไร คงจะจริงอย่างที่เสี่ยวอิงบอก การที่ฉันไม่มองใครหรือไม่สนใจหญิงสาวคนไหน เพราะยังไม่เจอคนที่ใช่เท่านั้นซึ่งต่างกับตอนนี้ แต่หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่คนบ้านใหญ่หลัน หรือว่าอาหงเหยา เพราะอาหงเหยาและอาเทียนหยู่คือผู้ใหญ่ที่ฉันเคารพ
คงมีแต่คนไม่มีสมองและโง่มากๆ จึงคิดได้แบบนั้น วันนี้อาหงเหยาต้องเฝ้าสามีที่โรงพยาบาลและบอกให้ฉันดูแลเสี่ยวอิงและอาข่าย การที่ฉันไปไหนมาไหนกับสองคนนี้คิดว่าไม่ใช่เรื่องผิด ส่วนเรื่องที่ลูกสาวบ้านหลันหยามเกียรติฉันและอาหงเหยาคงยอมไม่ได้เช่นกัน”
นี่คงเป็นคำพูดประโยคยาวๆ สำหรับหยางเฟยเทียน ก่อนจะรบกวนให้ชาวบ้านไปเรียกเจ้าหน้าที่และผู้นำหมู่บ้านมาที่นี่ หากไม่ทำขั้นเด็ดขาดคงจะไม่หลาบจำ แม้ว่าจะมาวุ่นวายกับเขา เขายังเฉยได้ แต่การเอาหมวกเขียวมาสวมบนหัวอาหงเหยา ใครมันจะยอม! เพราะอะไรถึงโกรธเขารู้ดีที่สุด
ไม่นานชาวบ้านคนนั้นจึงตามผู้นำหมู่บ้านและเจ้าหน้าที่มา หยางเฟยเทียนจึงเป็นคนเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง คราวนี้เป็นผู้นำหมู่บ้านและเจ้าหน้าที่ที่ตามมาได้แต่ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก คิดว่าบ้านใหญ่หลันถ้าไม่ยอมเสียเงินสองร้อยหยวนก็คงต้องยอมให้หลันซูซินโดนจับ
ยิ่งตอนนี้บ้านใหญ่หลันแทบจะไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นเพราะท้องเสียกันทั้งบ้าน แบบนี้บ้านใหญ่หลันจะทำยังไง
“ในเมื่อลูกสาวบ้านหลันกล้าเข้ามาวุ่ยวายกับบ้านรองหลันโดยการใส่ร้ายและหมิ่นเกียรติของหงเหยาภรรยาของหลันเทียนหยู่ และยังหมิ่นเกียรติของยุวปัญญาชนเฟยเทียน
เรื่องบ้านรองหลันยังไงบ้านใหญ่ต้องชดใช้เงินสองร้อยหยวนอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของเฟยเทียนการใส่ร้ายถ้าเจ้าทุกข์ยินยอมไม่เอาผิดก็คงไม่เป็นไร”
ผู้นำหมู่บ้านคิดว่าแค่เงินสองร้อยหยวนสำหรับบ้านใหญ่ก็อ่วมแล้วหากเฟยเทียนยังเอาผิดอีกคงกระอักเลือดทั้งบ้านแน่
หลันซูซินตัวสั่น ไม่คิดว่าปากตนจะพาจนแบบนี้ จึงมองหยางเฟยเทียนด้วยสายตาอ้อนวอน แต่หยางเฟยเทียนที่ไม่เคยแยแสใครมีเหรอจะยอม
“แม้ว่าผมจะเป็นแค่ยุวปัญญาชนถูกส่งเข้ามาทำงานในคอมมูน แต่พื้นฐานของผมพอจะมีอยู่บ้าง การที่โดนคนหยามเกียรติและหมิ่นเกียรติทุกคนคิดว่าผมจะต้องยินยอมง่ายๆ ไหม ถ้าจะให้ผมยินยอม และบ้านใหญ่หลันเป็นอะไรกับผมเหรอผมจึงต้องยอม”
หยางเฟยเทียนบอกเสียงเรียบ ไม่คิดแม้แต่จะปรายตามองไปทางคนก่อเรื่องที่พยายามส่งสายตาให้กับเขา
“อาเฟยเทียน ยังไงอาเล็กก็ต้องจ่ายค่าเสียหายให้บ้านรองอยู่แล้ว อาเรียกเงินแค่ร้อยหยวนก็พอ เมื่อครู่นี้หนูได้ยินว่าบ้านใหญ่หลันท้องเสียทั้งหมด หากอาเล็กต้องไปรับโทษใครจะดูแลปู่กับย่า”
หลันลู่อิงกระตุกแขนเสื้อของชายหนุ่ม และเงยหน้าพูดด้วยท่าทางน่าสงสาร ชาวบ้านและทุกคนกลับมองว่าบ้านใหญ่ยิ่งรังเกียจ ดูสิขนาดบ้านรองโดนขนาดนี้ยังช่วยพูดให้อีก
“ดูสิ ลู่อิงอายุแค่นี้รู้จักขอความเมตตาให้กับบ้านใหญ่ ทั้งๆ ที่สองบ้านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแล้ว ถ้าเป็นฉันยอมเสียเงินหนึ่งร้อยหยวน หากไม่มีฉันยอมกู้หนี้ยืมสินดีกว่า เรื่องนี้หากรู้ไปถึงทหารแดงไม่วายลูกสาวบ้านหลันโดนจับตัวไปประจานและไปทำงานในเหมืองเพื่อปรับทัศนคติแน่”
ชาวบ้านพูดเสียงไม่เบา ทำให้หลันซูซินกลัวหนักยิ่งกว่าเดิม แต่ถ้าต้องเสียเงินสามร้อยหยวนเธอจะเอามาจากไหน หากเอาเงินที่บ้านพ่อกับแม่ตีเธอตายแน่ และที่สำคัญบ้านใหญ่หลันแทบจะไม่มีเงินเหลือเลยหากต้องจ่ายเงินก้อนนี้ไป แต่ถ้าเธอไม่ยอมเธอจะต้องถูกส่งไปที่ธุระกันดาร ยิ่งพวกทหารแดงด้วยเธอไม่อยากจะคิดว่าจะมีชีวิตรอดกลับมาไหม
“เสี่ยวอิงกำลังขอร้องให้บ้านใหญ่อยู่ใช่หรือเปล่า แล้วศักดิ์ศรีฉันล่ะที่โดนผู้หญิงคนนี้หยามเกียรติ”
หยางเฟยเทียนยังคงสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใจนั้นกลั้นขำสุดกำลัง นี่คือขอร้องให้ตายเร็วหรือเปล่า แค่สองร้อยหยวนก็แทบกระอักเลือดแล้ว รวมของเขาอีกหนึ่งร้อยหยวน สามร้อยหยวนชาวบ้านธรรมดาทั่วไปใช้ได้แทบทั้งชีวิต นี่ไม่รู้ว่าบ้านใหญ่หลันเก็บเงินก้อนนี้มากี่สิบปี
“ใช่ค่ะ หนูขอร้อง ให้หนูทำเพื่อความกตัญญูแทนพ่อสักครั้งก่อนจะไม่มีโอกาสอีก ในเมื่อตอนนี้ทั้งสองบ้านไม่ยุ่งเกี่ยวกันตัดขาดกันสิ้นเชิง ในส่วนสองร้อยหยวนต่อให้ไม่อยากได้ แต่มันมีอยู่ในหนังสือสัญญา ไม่อย่างนั้นจะผิดต่อข้อกฎหมาย ไม่จ่ายคนที่เดือดร้อนคือปู่นะคะ”
หลันลู่อิงน้ำตาคลอเบ้ายิ่งทำให้ได้ใจจากชาวบ้านโดยไม่มีใครคิดถี่ถ้วนให้ดีว่าถ้าไม่จ่ายสองร้อยหยวนคนที่เดือดร้อนคือพ่อเฒ่าหลัน
หยางเฟยเทียนถือวิสาสะใช้นิ้วมือกรีดน้ำตาของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน ไม่รู้ว่าทำไมเขารู้สึกไม่ชอบน้ำตาของเธอเลย เธอเหมาะกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะรวมถึงสายตาเจ้าเล่ห์มากกว่า
“เอาล่ะหยุดร้องได้แล้ว ฉันยอมแล้ว ร้อยหยวนฉันจะไม่แจ้งความหรือแจ้งทหารแดง แต่เงินทั้งหมดฉันต้องได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ไม่เช่นนั้นฉันจะให้สหายทั้งสองคนเดินทางไปแจ้งในอำเภอและแจ้งทหารแดง”