บทที่ 10 เอาคืนเล็กๆ น้อย ๆ
บทที่ 10 เอาคืนเล็กๆ น้อย ๆ
“ไม่เป็นไรครับ หากอาหงเหยาอยากจะตอบแทนนาย...เอ่อเฟยเทียน ก็ค่อยทำอาหารเลี้ยงพวกเราตอนอาเทียนออกจากโรงพยาบาลแล้วดีกว่า แค่อาหารก็พอแล้ว”
ฉีหงฝูกล่าวด้วยรอยยิ้ม อย่าคิดว่าเป็นคนมีเงินแล้วจะกินดี เพราะความสามารถในการทำอาหารของทั้งสามคนนั้นพอกินได้เท่านั้น วันไหนอยากกินอาหารดีๆ ต้องเข้ามาซื้อในร้านอาหารของรัฐเท่านั้น
“หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป อาฝากเด็กๆ ทั้งสองคนด้วยนะ แม้ว่าจะตัดขาดกับบ้านใหญ่แล้ว ยิ่งพี่เทียนต้องนอนโรงพยาบาลอาไม่ไว้ใจคนพวกนั้น”
แม้จะรู้ว่าลูกทั้งสองคนคงจะเข้าไปนอนในมิติ แต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้ ยังไงก็หัวอกคนเป็นแม่ไม่มีวันที่จะไม่ห่วงลูกๆ
“ครับ” ฉีหงฝูรับคำ
หลันลู่อิงและหลันอี้ข่ายพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยลาแม่ เพราะพ่อหลับไปแล้วด้วยฤทธิ์ยา แต่ก่อนจะไปเธอแอบเข้ามาหาแม่และเอายาในมิติออกมา พร้อมกับบอกว่าท่านตากระซิบบอก
หงเหยาจึงพยักหน้ารับด้วยความดีใจ เพราะหากท่านตาเทพคนนั้นบอกย่อมต้องเป็นของดีและสามีเธอต้องหาย จากนั้นหลันลู่อิงจึงเดินตามพี่ชายและฉีหงฝูเดินมาขึ้นเกวียนที่จอดรออยู่เพื่อกลับเข้าหมู่บ้าน
เมื่อมาถึงบ้านหลังใหม่ สองพี่น้องจึงช่วยกันทำความสะอาดโดยมีสามหนุ่มกลุ่มของหยางเฟยเทียนมาช่วย จากนั้นทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับบ้านตัวเองที่อยู่ข้างๆ กัน
“พี่ใหญ่ บนเขามีต้นหมามุ่ยไหม” หลันลู่อิงเอ่ยถามพี่ชายขณะนั่งกินซาลาเปา
“มีสิ แต่เสี่ยวอิงจะเอาไปทำอะไร หมามุ่ยคันมากเลยนะ”
หลันอี้ข่ายถามอย่างแปลกใจ หวังว่าน้องสาวจอมแสบคงไม่คิดอะไรพิเรนทร์อีกนะ
“หนูจะแก้แค้นใครบางคน กล้าดียังไงมองหน้าแม่แบบนั้น”
ร่างนี้เป็นเพียงเด็ก ไม่ใช่คนมีอำนาจหรือมาเฟียสาวเช่นยุคก่อนจึงไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่จะไม่แก้แค้นเลยคงเป็นไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเธอคงนอนไม่หลับแน่คืนนี้
หลันอี้ข่ายมองน้องสาวตาเป็นประกาย เขาไม่พอใจหัวหน้าคอมมูนมานานแล้ว เพราะหลายครั้งที่มองแม่เขาด้วยสายตาหยาบโลน ครั้งนี้เขาจึงเห็นด้วยกับการเอาคืนของน้องสาว
“พี่เอาด้วย เรากินซาลาเปาแล้วรีบขึ้นเขาเถอะเดี๋ยวมืดแล้วจะมองทางไม่เห็น ไปตอนนี้ชาวบ้านต่อให้เห็นก็จะคิดว่าเราไปหาอาหาร”
หลันลู่อิงยิ้มแป้นเมื่อพี่ชายเห็นด้วย จากนั้นสองพี่น้องจึงรีบกินอาหารและรีบขึ้นเขาเพื่อไปหาสิ่งที่ต้องการ โดยหลันอี้ข่ายเป็นคนสะพายตะกร้าไว้ด้านหลัง ทันทีที่เดินออกมากลับเจอหยางเฟยเทียนนั่งดื่มและสูบบุหรี่อยู่หน้าบ้าน
หลันลู่อิงมองอย่างไม่ชอบใจ แบบนี้สมัยเธอแบดบอยสุดๆ แต่ในเมื่อไม่ใช่เรื่องของเธอ จึงไม่พูดอะไร แต่ทำไมต้องมาทำเป็นตัวอย่างไม่ดีให้พี่ชายเธอเห็นด้วย ยิ่งพี่ใหญ่มองอาเฟยเทียนเป็นตัวอย่าง
เมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของยายตัวเล็กหยางเฟยเทียนรีบทิ้งบุหรี่ในมือ ก่อนจะหันมาถามสองพี่น้องว่าจะไปไหนกัน
“จะไปไหนกันเหรอ นี่มันเย็นแล้ว”
“ผมกับน้องเล็กจะไปเก็บพืชผักบางอย่างเพื่อมาทำอาหารครับพี่เฟยเทียน” หลันอี้ข่ายไม่อยากบอกความจริงเพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่กลายเป็นหลันลู่อิงพูดขึ้นมาแทน
“หนูกับพี่ใหญ่จะขึ้นไปเก็บหมามุ่ย อาเฟยเทียนจะไปด้วยไหม แต่ขอร้องนะอย่าสูบบุหรี่ให้พี่ใหญ่หนูเห็นอีก แบบอย่างไม่ดีเลยนะคะ”
“อืม ต่อไปไม่ทำแล้ว ว่าแต่จะเอาหมามุ่ยไปทำอะไร ให้หงฝูไปหาให้ดีกว่าไหม” เขาพยักหน้ายอมรับคำขออย่างง่ายดายและกล่าวอีกว่าให้คนของเขาไปหาให้ดีกว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ แค้นนี้หนูและพี่ใหญ่ต้องชำระเอง ไม่อย่างนั้นไม่หายแค้น อีกทั้งเรื่องที่อาเฟยเทียนช่วยเหลือครอบครัวเราก็มาเกินพอแล้ว แค่นี้ก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไง”
หลันลู่อิงรีบปฏิเสธ ก่อนจะกระตุกแขนเสื้อพี่ชายให้รีบเดิน หยางเฟยเทียนไม่พูดอะไรทำเพียงเดินตามหลันอี้ข่ายและยายตัวเล็กไปเงียบๆ
บ้านพักทั้งสองหลังอยู่ห่างไกลผู้คนไม่น้อยหากต้องขึ้นเขาจะต้องเดินผ่านคอมมูนและบ้านของชาวบ้านหลายหลัง ทั้งสามคนมีความรู้สึกว่าจะเกิดความโกลาหลบางอย่างขึ้น จึงทำได้เพียงมองหน้ากัน แต่หลันลู่อิงคิดว่าคงเกิดมาจากบ้านใหญ่
“ฉันว่าแล้ว บ้านรองหลันต้องเป็นตัวนำโชค ไม่เช่นนั้นหลังจากแยกบ้านและตัดขาดกับบ้านใหญ่ บ้านใหญ่จะเกิดเรื่องทั้งบ้านเหรอ ดูแต่ละคนสิวิ่งเข้าห้องน้ำกันยิ่งกว่าวิ่งแย่งเงินกันเสียอีก”
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเดินพูดคุยกันระหว่างกลับบ้านหลังจากที่หมดเวลางาน
“พวกหล่อนคิดมาก อย่าลืมสิเมื่อก่อนหงเหยาเป็นคนทำอาหารเอง แต่พอวันนี้สะใภ้ใหญ่บ้านหลันทำกลับท้องเสียกันทั้งบ้าน มันไม่ได้เกี่ยวกันหรอกนะว่าบ้านรองจะโชคดี ฉันว่าแย่กว่านะสิ ย้ายบ้านตัดขาดแต่กลับไม่ได้อะไรเลย”
ชาวบ้านอีกคนพูดอย่างเห็นใจบ้านรองหลัน เมื่อแยกบ้านกลับไม่ได้อะไรมาสักอย่าง แล้วต่อไปทั้งสี่ชีวิตจะทำยังไง
“ฉันว่าโชคดีกว่านะ ต่อให้แยกบ้านแล้วไม่ได้อะไร แต่บ้านที่ผู้นำให้ไปอยู่ก่อนระหว่างรอจัดสรรที่ดิน ฉันว่าที่นั่นสุขสบายกว่าพวกเราอีก ยังมีเจ้าหนุ่มเฟยเทียนคอยช่วยเหลือ”
“ฉันว่าบ้านรองไม่ลำบากหรอก ไม่คิดว่าคนที่ไม่สุงสิงกับใครอย่างเฟยเทียนและสหายจะมาสนิทสนมกับบ้านรองหลัน จนให้ยืมเงินเป็นร้อยหยวน หากบ้านรองหลันมีลูกสาวอายุถึงวัยแต่งงานฉันคิดว่าเจ้าหนุ่มเฟยเทียนนั้นคงจะชอบลูกสาวของบ้านรองหลันแน่นอน”
“แต่ก็ไม่แน่นะ อาจจะชอบลู่อิงก็ได้ คงจะเลี้ยงให้เธอโตจนถึงวัยแต่งงานค่อยทวงบุญคุณหรือเปล่า”
ชาวบ้านต่างก็พูดคุยและออกความคิดเห็นจนลืมมองว่าด้านหลังมีคนที่พวกเธอนินทาเดินตามมา หลันลู่อิงเงยหน้ามองคนตัวโต เห็นเพียงแววตาเฉยชาจึงคิดว่าเขาคงไม่สนใจคำพูดของพวกชาวบ้าน แต่ใครจะรู้ว่าหยางเฟยเทียนพยายามกลั้นหัวเราะเต็มกำลังเพื่อไม่ให้ยายตัวเล็กเห็นท่าทางผิดปกติของตน
หลันอี้ข่ายเองก็มองและรับฟังแบบผ่านๆ คิดว่าชาวบ้านพวกนี้เป็นเอามาก คิดได้ยังไงว่าพี่เฟยเทียนจะมาชอบลูกสาวของครอบครัวเขา หากเสี่ยวอิงโตกว่านี้ค่อยน่าคิดหน่อย ตอนนี้อายุเพียงสิบสองยังเป็นเด็กสาวตัวน้อยอยู่เลย
“ตัวเล็ก เป็นผลงานของเราหรือเปล่า”
หยางเฟยเทียนก้มลงมากระซิบถาม ตอนนี้เขาเชื่อเต็มสิบส่วนเลยว่าตอนที่หลันลู่อิงหายไปเธอคงไปทำบางอย่าง แต่ไม่คิดว่าจะเล่นงานด้วยการใส่ยาถ่ายในอาหาร หลันลู่อิงไม่ตอบเพียงยักคิ้วให้ด้วยความภาคภูมิใจ
แต่แล้วอยู่ๆ หลันซูซินที่ไม่ได้กินอาหารร่วมกับทุกคนวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นเพื่อขอความช่วยเหลือเฟยเทียน
“พี่เฟยเทียนหยุดก่อน”
เธอรีบวิ่งเข้ามาและเตรียมจะจับแขนของชายหนุ่ม แต่หยางเฟยเทียนเบี่ยงตัวหนีเล็กน้อยทำให้หลันซูซินเกือบล้มหน้าคะมำ ไม่เช่นนั้นคงได้อับอายชาวบ้านเป็นแน่
“มีอะไรเหรออาเล็กพวกเราจะขึ้นไปหาของป่ากัน เล่นวิ่งมาแบบนี้อีกทั้งยังแกล้งสะดุด หรือว่าต้องการให้อาเฟยเทียนจะรับร่างอาเล็กแล้วให้รับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับอาเล็ก”
หลันลู่อิงกอดอกมองและถามด้วยรอยยิ้ม หากไม่ทำแบบที่เธอพูดคงจะมาบอกเรื่องบ้านใหญ่หลัน ไม่อย่างนั้นคงมาใส่ร้ายอะไรกับอาเฟยเทียนเกี่ยวกับเธอและพี่ใหญ่แน่
“นังเด็กบ้า! ฉันไม่ทำอะไรต่ำๆ แบบที่แกเข้าใจหรอกนะ ฉันจะมาขอความช่วยเหลือพี่เฟยเทียนเพราะตอนนี้ทั้งบ้านท้องเสียกันหมด”
หลันซูซินหันมาตวาดหลันลู่อิง ก่อนจะบอกถึงจุดประสงค์ที่เธอมา
“ผมไม่ใช่สาธารณสุขหรืออนามัย เมื่อมีคนป่วยแล้วต้องมาบอกผม ไปเถอะเสี่ยวอิง อาข่าย”
หยางเฟยเทียนตอบกลับอย่างเย็นชา ก่อนจะหันมาชวนสองพี่น้องรีบขึ้นเขาโดยแสดงสีหน้าว่าเขาไม่อยากอยู่ตรงนี้จริงๆ ทำให้หลันลู่อิงหลุดหัวเราะออกมา