ตอนที่ 4 สวยสะกด
เช้าวันต่อมา...
08:00 นาฬิกา
นทีเดินมาจากบ้านของเขา มาบ้านที่อยู่ข้างหน้า แต่ยังไม่ถึงก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังมาแต่ไกล ทำให้เขาขมวดคิ้วแน่น เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านแล้วใครมาเสียงดังที่นี่
"เสียงอะไรครับพ่อ" นทีถามชนะที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่
"อ้าวมาแล้วเหรอ ทำไมวันนี้มาเร็วล่ะ" ชนะถามลูกชาย เพราะปกตินทีกว่าจะตื่นก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว
"พอดีวันนี้ต้องพาส้มจี๊ดไปงานรับปริญญารุ่นน้องน่ะครับ ว่าแต่แม่ล่ะครับ" นทีตอบตามตรงและเดินเข้าไปในบ้าน
"โน่น แม่แกอยู่กับหนูส้มจี๊ดในครัวโน่น" ชนะชี้ไปทางห้องครัวที่ทำแยกออกจากตัวบ้าน
"อ้าว ครัวไม่เละไปแล้วเหรอครับนั่น" นทีที่ไม่คิดว่าส้มจี๊ดจะทำอาหารเป็น ก็รีบร้องทัก เพราะดูจากท่าทางแล้วเหมือนเธอเป็นคนที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างจริง ๆ
"ไม่รู้สิ ของแบบนี้ต้องไปดูเอาเอง" ชนะยักไหล่แล้วให้นทีไปดูในครัวเอง
"อ้าวมาแล้วเหรอตาที มา ๆ หนูส้มจี๊ดทำน้ำพริกหนุ่มให้แม่กิน มาลองชิมสิ อร่อยมากเลย" ขวัญตากวักมือเรียกลูกชายเมื่อเห็นนทีโผล่หน้าเข้ามาในครัว
"หวังว่าจะไม่ทำครัวแม่ของพี่ไหม้นะส้มจี๊ด ว่าแต่นี่กินได้แน่เหรอ" นทีเดินเข้ามาและถามคนที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตา
"โธ่~ นายอย่ามาดูถูกการทำอาหารของฉันนะ รับรองว่าคำแรกติดใจ คำต่อไปติดเตียง ไม่เชื่อก็ลองชิมดูสิ" ส้มจี๊ดหันมายิ้มให้นทีก่อนจะหันไปสนใจปลานึ่งต่อ
"ฮ่า ๆ พอก่อนหนูส้มจี๊ด วันนี้ปล่อยคำคมให้แม่ขำ หัวเราะจนเหนื่อยแล้วนะ ฮ่า ๆ ปะ ยกกับข้าวออกไปกินกันดีกว่า" ขวัญตาบอกในตอนที่เห็นส้มจี๊ดตักปลานึ่งมาวางใส่จาน
"มา พี่ช่วย" นทีเดินเข้ามาและยกอาหารไปวางที่โต๊ะกินข้าว โดยมีขวัญตาช่วยยกด้วย ส่วนส้มจี๊ดเดินตามมาช้า ๆ พร้อมกับไม้เท้า
"เกาะแขนพี่" นทีเดินกลับมาและยกแขนให้ส้มจี๊ดเกาะ ส้มจี๊ดมองแต่ยังไม่เกาะ ทำให้นทีต้องพูดขึ้นอีก
"เกาะเถอะ ส้มจี๊ดคงไม่ถือไม้เท้าเดินไปงานรับปริญญาหรอกนะ"
"ก็ได้..." ส้มจี๊ดยอมเกาะแขนของนทีเดินไปที่โต๊ะอาหาร ขวัญตามองภาพนั้นด้วยสายตาเอ็นดูทั้งคู่
"ไหนดูซิ วันนี้มีอะไรกินบ้าง โอ้โห อาหารเหนือใช่มั้ยเนี่ย" ชนะนั่งลงและชวนคุย
"ใช่ พ่อ นี่น้ำพริกหนุ่มกินกับผักลวกและปลาทับทิมนึ่ง หนูส้มจี๊ดบอกว่าไม่แนะนำให้คนแก่อย่างเรากินของทอด เพราะมันมีไขมันเยอะ ส่วนนี้คือจอผักกาดเอาไว้ซดน้ำร้อน ๆ นี่หนูส้มจี๊ดทำเองทั้งหมดเลยนะ อร่อยมากเลยนะ แม่ลองชิมแล้ว" ขวัญตารีบอวยส้มจี๊ดทันที
"น่ากินจริง ๆ ด้วย แบบนี้ต้องกินเยอะ ๆ ซะแล้ว ใช่มั้ย ตาที" ชนะบอกกับลูกชายที่นั่งอึ้งอยู่เมื่อรู้ว่าส้มจี๊ดทำอาหารได้ขนาดนี้
"ของแบบนี้มองด้วยสายตาไม่พอหรอกครับ ต้องลองชิม" พูดจบนทีก็หยิบผักกะหล่ำมาและตักน้ำพริกหนุ่มใส่ตามด้วยปลานึ่ง ก่อนจะส่งเข้าปากและเคี้ยว โดยที่ส้มจี๊ดก็คอยจ้องว่าเขาจะพูดอะไรเมื่อชิมแล้ว
"อื้ม อร่อยจริง ๆ ด้วย ไม่น่าเชื่อ เดี๋ยวลองจอผักกาด" นทีพยักหน้าและตักกินจอผักกาดต่อและพยักหน้าอีกครั้ง
"แม่ พ่อว่าเรารีบกินดีกว่า ก่อนที่ตาทีจะชิมจนหมดแล้วเราไม่ได้กิน ฮ่า ๆ" ชนะสะกิดขวัญตาและพูดขึ้นเพื่อแซวลูกชาย
"ใช่พ่อ สงสัยถ้าเราช้าจะอดกินฝีมือหนูส้มจี๊ดแน่ มากิน ๆ" ขวัญตารับมุขของสามีและเริ่มลงมือทานข้าว
"กินเยอะ ๆ นะคะพ่อ นี่น้ำพริกหนุ่ม กินแล้วหนุ่มสมชื่อนะคะ คริคริ" ส้มจี๊ดบอกกับชนะและหัวเราะออกมา
"งั้นต้องกินเยอะ ๆ แล้วสิ พ่ออยากเป็นหนุ่มอมตะ ฮ่า ๆ" ชนะหัวเราะชอบใจ
หลังจากนั้นการกินอาหารเช้าก็มีแต่ความสนุกสนาน เพราะส้มจี๊ดคอยส่งมุขให้และชวนชนะกับขวัญตาคุยไม่หยุด
"ว่าแต่ส้มจี๊ดจะออกกี่โมง งานจัดที่ไหน พี่จะได้เตรียมตัวถูก" นทีถามส้มจี๊ดในตอนที่พยุงเธอกลับมาที่ห้องรับแขก
"มหาวิทยาลัย xxx แถวรังสิตน่ะ"
"โอเค งั้นไม่ยาก ลงทางด่วนไปก็ถึงเลย งั้นไปสัก 11 โมงก็แล้วกันนะ"
"ได้ ๆ ออกสัก 11 โมงก็ดี ระหว่างนี้นายก็ไปพักก่อนก็ได้" ส้มจี๊ดบอกกับนที เพราะพอจะรู้ว่าเขากลับดึกแล้ววันนี้ยังตื่นเช้าอีก
"ได้เลย งั้นไปล่ะ" นทีบอกและเดินกลับไปที่บ้านของตัวเอง
11:00 นาฬิกา
ก๊อก ก๊อก~
"เสร็จยัง เดี๋ยวไปสายนะ"
นทีเคาะประตูสองที ไม่นานประตูก็เปิดออก และภาพที่เห็นทำให้เขาหยุดนิ่งจนลืมหายใจ ส้มจี๊ดอยู่ในชุดแซกแขนตุ๊กตาสีส้มสดใสแต่งหน้าอ่อน ๆ ช่างแตกต่างกับชุดและสไตล์การแต่งหน้าเวลาเธอไปเที่ยวผับ
"นาย นายนที" ส้มจี๊ดเรียกคนที่ไม่พูดไม่จา เอาแต่มองหน้าเธอ
"ห๊า ว่าอะไรนะ แล้วนี่จะไปหรือยัง" นทีที่ได้สติรีบถามกลับเมื่อได้ยินเสียงเรียกของส้มจี๊ด
"ฉันใส่รองเท้าไม่ถนัดน่ะ นายช่วยหน่อยสิ" ส้มจี๊ดพูดพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ ออกมา
"มา พี่ช่วย" นทีเดินเข้าไปในห้องและให้ส้มจี๊ดนั่งลงที่ขอบเตียง นทีหยิบรองเท้ามาและเงยหน้าขึ้นถาม
"จะใส่คู่นี้จริง ๆ เหรอ ไหวเหรอ"
"อืม... ไม่เป็นไรหรอก ฉันชินกับรองเท้าพวกนี้ดี" ส้มจี๊ดพยักหน้าและมองรองเท้าส้นสูงที่สูงราว 3 นิ้วในมือของนที
"แล้วอย่ามาร้องไม่ไหวก็แล้วกัน" ถึงจะบ่นแต่นทีที่นั่งอยู่ก็ยกเท้าของส้มจี๊ดขึ้นมาแล้วค่อย ๆ ใส่รองเท้าส้นสูงที่มีสายผูกรอบข้อเท้าหลังจากที่ถอดเฝือกอ่อนออกให้อย่างเบามือ
"ขอบคุณนะ" ส้มจี๊ดที่ตอนนี้หน้าแดงระเรื่อเอ่ยขอบคุณเบา ๆ
"ไม่เป็นไร ไปเถอะ" นทีลุกขึ้นและยื่นแขนให้ส้มจี๊ดเกาะ
"พ่อแม่ ผมไปก่อนนะครับ บ่าย ๆ จะพาลูกสาวมาส่งให้นะแม่" นทีบอกพ่อแม่ในตอนที่พาส้มจี๊ดขึ้นมานั่งในรถสปอร์ตของเขาแล้ว และเอ่ยแซวว่าส้มจี๊ดเป็นลูกสาว เพราะแม่ของเขาเอ็นดูเธอมาก
"ขับรถดี ๆ นะลูก เดี๋ยวแม่จะทำของอร่อย ๆ ไว้รอ" ขวัญตาโบกมือให้ลูกชายและส้มจี๊ดที่ยื่นหน้ามาโบกมือตอบ
มหาวิทยาลัย XXX
นทีให้ส้มจี๊ดลงไปก่อน เพื่อที่จะได้โทรนัดแนะกับรุ่นน้อง ส่วนตัวเขาก็วนไปหาที่จอดรถ แต่พอเดินกลับมาก็เห็นสีหน้าเหยเกของส้มจี๊ด
"นาย มาช่วยพยุงฉันหน่อย เดินลำบากมาก เจ็บมากด้วย" ส้มจี๊ดเงยหน้าขึ้นเจอนทีก็ยิ้มแห้ง ๆ เพราะแค่เดินเท้าเปล่ายังลำบาก นี่ยังใส่รองเท้าส้นสูงอีก จึงทั้งลำบากทั้งเจ็บ
"เตือนแล้วไม่ฟังก็แบบนี้แหละ ไหนบอกว่าไหว ไหนบอกว่าชินกับรองเท้าแบบนี้ เจ็บแล้วไม่จำ ใครเขาให้ใส่รองเท้าแบบนี้ตอนข้อเท้าแพลง" นทีส่ายหัวให้กับสภาพคนแต่งตัวสวยแต่เดินขาเป๋และบ่นออกมายาวเหยียด
"บ่นเป็นตาแก่เลยนะ นายไม่ใช่ผู้หญิงนายไม่มีวันเข้าใจหรอก ว่ารองเท้าส้นสูงมันสำคัญกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ บอบบางอย่างฉันยังไง ชิ" ส้มจี๊ดสะบัดหน้าให้คนแก่ขี้บ่น
"ปะ ไปยัง" นทีขี้เกียจเถียง เพราะเถียงไปเขาก็ไม่ชนะ เลยยกแขนขึ้นให้ส้มจี๊ดเกาะเดินเข้าไปในงาน
"พี่ส้มจี๊ดทางนี้ค่ะ ทางนี้" หญิงสาวคนหนึ่งร้องทักทายส้มจี๊ดขึ้น
"น้ำฝน...." ส้มจี๊ดทักทายรุ่นน้องกลับด้วยรอยยิ้มและเดินเข้าไปหา
"แหม สวยเกินเบอร์เลยนะคะ ว่าแต่นี่แฟนพี่ส้มจี๊ดเหรอคะ เดินควงแขนกันมาน่ารักเชียว" น้ำฝนเอ่ยแซวรุ่นพี่ที่เดินมากับชายหนุ่มหน้าตาดี
"เฮ้ย !!! ไม่ใช่ ๆ ไม่ใช่แฟน นายนี่เป็นเบ๊ของพี่ต่างหาก" ส้มจี๊ดบอกน้ำฝนและหันไปมองนทีด้วยรอยยิ้มที่สามารถแกล้งเขาได้
"หึ..." นทีลอบขำในลำคอออกมา ก่อนจะเดินจากไป ทางด้านส้มจี๊ดหน้าซีดลงเพราะเข้าใจว่านทีคงโกรธที่เธอล้อเลียนเขา... แต่เขาก็เป็นเบ๊จริง ๆ นะวันนี้
"มาพี่ส้มจี๊ด เรามาถ่ายรูปกันดีกว่า แล้วทำไมเดินแบบนั้นอะ" น้ำฝนเห็นบรรยากาศไม่ดีก็เรียกส้มจี๊ดไปถ่ายรูปด้วยกันและถามถึงท่าทางการเดินของเธอ
"พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ เลยข้อเท้าแพลง" ส้มจี๊ดยิ้มและอธิบายเพื่อไม่ให้รุ่นน้องคิดมาก
"งั้นมานั่งถ่ายรูปเอาก็ได้ จะได้นั่งพักด้วย" น้ำฝนบอกอย่างรู้งาน
หลังจากนั้นทั้งสองสาวก็ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานและมีรุ่นน้องคนอื่น ๆ มาถ่ายรูปกับส้มจี๊ดด้วย แต่ยิ่งถ่ายรูปไปนานเท่าไหร่ ส้มจี๊ดก็ยิ่งไม่สบายใจ
'นายนั่นไปไหนล่ะเนี่ย ไม่ใช่โกรธจนทิ้งฉันไว้ที่นี่นะ คนใจร้าย'
ส้มจี๊ดคิดในใจสายตาก็สอดส่องไปทางที่นทีเดินไปตลอดเวลา จนเห็นชายหนุ่มเดินกลับมาก็ถามเสียงเขียวทันที
"นายไปไหนมาอะ ไหนว่าวันนี้จะอยู่เป็นเบ๊ฉันทั้งวัน"
"เอาไปเปลี่ยน จะได้เดินได้ไม่ลำบาก" นทีไม่ตอบแต่กลับส่งรองเท้าที่ดูท่าทางใส่สบาย ๆ ให้ส้มจี๊ด
"แต่มันไม่เข้ากับชุดของฉันเลยนะ" ส้มจี๊ดพูดเสียงแข็งกลับมา เพราะรองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าสวมสีดำเรียบ ๆ แต่ท่าทางจะนุ่ม
"พี่ส้มจี๊ด น้ำฝนว่ารองเท้าที่เหมาะที่สุดคือรองเท้าที่ใส่สบายที่สุดนะคะ มันไม่จำเป็นเลยว่ามันจะแพงหรือมันจะสวยหรือเปล่า ขอแค่ใส่แล้วทำให้เรารู้สึกสบายและเดินได้แบบไม่เจ็บ ดีกว่านะคะ" น้ำฝนพูดเตือนสติรุ่นพี่ เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่มที่เหงื่อแตกซก คงวิ่งไปซื้อรองเท้าไกลมากสินะ
ส้มจี๊ดมองรองเท้าสลับกับใบหน้าของนทีก่อนจะรับรองเท้ามา เธอก้มลงถอดรองเท้าส้นสูงออกและใส่รองเท้าที่นทีไปหามาให้
"อืม สบายกว่าจริง ๆ ด้วย เราไปถ่ายรูปกันต่อเถอะ" ส้มจี๊ดยิ้มและบอกกับน้ำฝน ก่อนจะพากันไปถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน โดยมีนทีหิ้วรองเท้าของส้มจี๊ดเดินตามไปห่าง ๆ