ตอนที่ 2 โทรหา...
"สัญญาจะเป็นแบบผูกขาดเฉพาะอาหารทะเลจากทางเรานะคะ" เมื่อเตรียมเอกสารเสร็จพั้นซ์ก็เอ่ยเข้าประเด็นสำคัญของวันนี้ทันที
"ได้ครับ ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว" มาร์คหนุ่มชาวสิงคโปร์เอ่ยตอบรับอย่างไว ซึ่งสีหน้าท่าทางของเขาในวันนี้ก็ดูมีสีสันยิ้มแย้มเป็นพิเศษ ตั้งแต่เขาได้ศึกษาและค้นคว้าอาหารทะเลมาหลายต่อหลายที่ หลายประเทศ และที่ที่เขาสนใจมากที่สุดก็คือประเทศไทย บริษัท PP Foods ของพั้นซ์นั่นเอง
สิ้นสุดคำตอบของมาร์คพั้นซ์ก็เริ่มพูดคุยถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายต้องรับรู้ เพราะการเซ็นสัญญามันต้องตกลงปลงใจกันทั้งสองฝ่ายก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาตามหลัง
"โอเคครับ งั้นพรุ่งนี้ผมอาจจะบินกลับไปคุยกับหุ้นส่วนที่สิงคโปร์อีกครั้งก่อน คงจะบินกลับมาเซ็นสัญญาอีกทีคงจะเป็นอาทิตย์หน้าเลยครับ" หลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้บริหารสาวจนเข้าใจแล้ว ซึ่งทุกข้อเสนอของทางบริษัทพั้นซ์ก็ทำให้มาร์คโอเคเป็นอย่างมาก เขาจึงตกลงที่จะเซ็นสัญญากับทางบริษัทของเธอ เพราะเขามีกิจการเกี่ยวกับร้านอาหารเพราะฉะนั้นของต้องสดใหม่เท่านั้น
"ได้ค่ะ" เมื่อเจรจาจนได้ลูกค้ารายใหญ่ของประเทศสิงคโปร์มาครอง พั้นซ์คลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอประสบความสำเร็จทางด้านเจรจากับลูกค้าแต่ทุกครั้งที่เธอทำสำเร็จเธอมักจะภูมิใจกับตัวเองอยู่เสมอ
"งั้นวันนี้คุณพั้นซ์ให้เกียรติไปทานข้าวกับผมนะครับ" ไหน ๆ ก็จะได้มาเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจกันแล้วหนุ่มหล่อชาวสิงคโปร์ก็เอ่ยปากชวนผู้บริหารสาวไปทานข้าวด้วยกันเพื่อเป็นการเลี้ยงฉลองทันที
"ได้ค่ะ พั้นซ์ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว" ตามอัธยาศัยเพื่อนร่วมธุรกิจกัน การทานข้าวร่วมกันก็ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว พั้นซ์จึงตอบตกลงอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก
สิ้นสุดคำพูดของพั้นซ์สีหน้าของมาร์คก็แสดงออกถึงความดีใจ ซึ่งพั้นซ์ก็ดูออกแต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยแซวอะไรออกไปนอกจากยิ้มหวาน ๆ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวแพงแล้วเดินนำมาร์คออกไปจากห้องประชุมทันที
ในระหว่างที่ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องประชุมพวกเขาก็ตกลงกันว่าจะไปทานข้าวที่ร้านอาหารชื่อดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบริษัทเพราะที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยและอาหารสดใหม่
25 นาทีผ่านไป...
ณ ร้านอาหารชื่อดัง
หลังจากที่ทั้งสองขับรถออกมาจากบริษัทของพั้นซ์ได้ไม่นานนักรถสปอร์ตคันหรูสองคันก็แล่นเข้ามาที่ลานจอดรถหรูชั้น 2 เมื่อจอดรถเสร็จเรียบร้อย ด้วยความรักสวยรักงาม พั้นซ์ก็ไม่ลืมที่จะเติมลิปสติกก่อนจะเปิดประตูรถลงไป
"เข้าไปข้างในกันเลยมั้ยคะ" เมื่อก้าวเท้าลงมาจากรถก็พบกับเพื่อนร่วมธุรกิจยืนมองดูวิวอยู่ เธอจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนอย่างมีมารยาท
"ครับ เชิญครับ" พูดจบทั้งสองคนก็พากันเดินเข้าไปภายในร้านอาหารชื่อดังทันที
เมื่อเดินเข้ามาถึงโต๊ะแล้วร่างบางก็รีบนั่งลงพร้อมกับหยิบเมนูขึ้นมาสั่งทันที โดยเธอเองก็อาสาเป็นคนสั่งอาหารให้แขกคนสำคัญในวันนี้ด้วยเช่นกัน
"คุณพั้นซ์ดูคุ้นเคยกับร้านนี้ดีจังเลยนะครับ" หลังจากที่นั่งมองเธออยู่สักพักเขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามเธอด้วยรอยยิ้ม เพราะเธอดูคุ้นเคยกับร้านอาหารร้านนี้มาก แถมเธอยังรู้หมดแทบทุกเมนู
"ร้านนี้เป็นอีกร้านที่สั่งอาหารทะเลกับทางบริษัทพั้นซ์ค่ะ" พั้นซ์เอ่ยตอบอย่างไม่ลังเล เพราะร้านอาหารชื่อดังที่ขึ้นชื่อว่าคัดสรรเรื่องความสดใหม่ล้วนแล้วแต่เป็นลูกค้าของเธอทั้งนั้น
"ว้าว คุณพั้นซ์เก่งมากเลยนะครับ ที่หาลูกค้าร้านดัง ๆ แบบนี้มาเป็นลูกค้าได้" ยิ่งได้พูดคุยยิ่งได้รู้จักนิสัยของเธอมาร์คก็ยิ่งสนใจในตัวเธอเข้าไปใหญ่
"ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ" พั้นซ์เอ่ยตอบกลับมาอย่างถ่อมตัว
ในระหว่างที่นั่งรออาหารทั้งสองคนก็นั่งพูดคุยกันอย่างถูกคอ มาร์คก็มีเรื่องชวนคุยมาถามเธออยู่ตลอด เรื่องไหนที่เขาอยากรู้อยากถาม เขาก็ถามออกมาตรง ๆ ส่วนพั้นซ์เองที่มีหน้าที่ตอบก็ตอบอย่างไม่ลังเลเช่นกัน จนผ่านไปราว 15 นาที อาหารจานหรูที่เธอเป็นคนสั่งก็มาเสิร์ฟ เมื่ออาหารมาเสิร์ฟทั้งสองก็พากันนั่งทาน โดยในขณะที่ทานอยู่นั้น มาร์คก็มีเรื่องมาพูดคุยกับพั้นซ์อยู่ตลอดเวลา
30 นาทีผ่านไป...
ตอนนี้ทั้งสองคนก็ทานข้าวกันอิ่มแล้ว ซึ่งพั้นซ์เองก็เตรียมตัวที่จะกลับแต่ทว่ามาร์คกลับเอ่ยขึ้นเสียก่อน....
"เอ่อ... ผมยังไม่อยากกลับเลยครับ คุณพั้นซ์มีที่ไหนแนะนำต่อมั้ยครับ" มาร์คเอ่ยถามเธอด้วยรอยยิ้ม ได้ออกมาข้างนอกกับสาวสวยทั้งที จะปล่อยให้กลับง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง กว่าเขาจะได้เจอหน้าเธออีกทีก็เป็นอาทิตย์ เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นโอกาสของเขา เขาจะไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่
"อืม... ถ้าเป็นพวกผับพั้นซ์รู้จักอยู่ที่นึงค่ะ บริการดีมากค่ะ" ถ้าพูดถึงที่เที่ยว ณ ช่วงเวลานี้มันก็คงไม่พ้นผับซึ่งเธอก็รู้จักอยู่ผับหนึ่ง เพราะพลอยดาวเพื่อนรักของเธอเคยพาเธอไปอยู่บ่อยครั้ง
"งั้นคุณพั้นซ์ให้เกียรติไปกับผมได้มั้ยครับ" เป็นอีกครั้งที่มาร์คเอ่ยปากชวนเธอ ซึ่งเขาก็ใช้เสียงสองราวกับผู้หญิงเรียกได้ว่าเจ้าเล่ห์อยู่ไม่น้อย
"ได้ค่ะ เดี๋ยวพั้นซ์ขอโทรไปจองโต๊ะก่อนนะคะ พอดีผับที่เราจะไปค่อนข้างที่จะดังและเป็นที่นิยมของวัยรุ่นถ้าไม่รีบจองสงสัยเราไม่มีที่นั่งค่ะ" พูดจบพั้นซ์ก็รีบต่อสายหาเจ้าของผับชื่อดังทันที ซึ่งเจ้าของผับชื่อดังแห่งนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน 'ตะวัน' ลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนรักเธอนั่นเอง แถมพลอยดาวยังให้เบอร์ตะวันไว้กับเธอเผื่อว่าเธอเหงา ๆ อยากไปนั่งดื่มจะได้โทรจองโต๊ะได้สะดวก ๆ
"สวัสดีค่ะพี่ตะวัน นี่พั้นซ์เองนะคะ" เมื่อตะวันกดรับสายพั้นซ์ก็รีบเอ่ยสวัสดีพร้อมกับแนะนำตัวทันทีเพราะนี่ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เธอโทรหาตะวันเลยก็ว่าได้
'สวัสดีครับน้องพั้นซ์ อยากได้แฟนดี ๆ เลยโทรหาพี่เหรอครับ' แทนที่เขาจะตกใจที่ร่างบางได้เบอร์เขามาจากไหนเพราะเขาค่อนข้างที่จะมีความเป็นส่วนตัวสูง กลับไม่เลย เขากลับรู้สึกดีใจมากกว่าที่เป็นสายของพั้นซ์ที่โทรเข้ามา
"ไปกันใหญ่แล้วค่ะพี่ตะวัน" ปากสีสวยเอ่ยขึ้นเบา ๆ ทำเอาปลายสายถึงกับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
'หึ ก็พี่นึกว่าน้องพั้นซ์อยากมีแฟน เลยโทรหาพี่หนิครับ' ยิ่งได้หยอกล้อคนตัวเล็กเขาก็ยิ่งชอบใจ ใบหน้าหล่อเหลานั่งยิ้ม พูดคุยผ่านสายไปอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
"ไม่ใช่ค่ะ ๆ คือพอดีพั้นซ์จะโทรมาถามพี่ตะวันว่ามีโต๊ะว่างมั้ยคะ" พั้นซ์รีบเอ่ยปฏิเสธพร้อมกับเอ่ยถามถึงโต๊ะว่างทันที
'กี่ที่ดีครับ หรือต้องการห้อง VIP ครับ'
"ไม่ค่ะ พั้นซ์ไปแค่ 2 คนเอาโซนปกติก็ได้ค่ะ" พั้นซ์พูดไปหันใบหน้าสวยไปจ้องมองหนุ่มหล่อชาวสิงคโปร์ไปอย่างยิ้ม ๆ
'ได้ครับ ไว้เจอกันนะครับ' พูดจบตะวันก็กดตัดสายพั้นซ์ไปทันที