บทที่ 12
"เรื่องเงินพี่ไม่ต้องเป็นห่วงเลย พี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันดูแลพี่ในยามที่ไม่สบายได้ไหม" หญิงสาวอยากจะพูดให้พี่คลายกังวล
"แต่พี่ดีขึ้นมากแล้ว"
"ถึงดีขึ้นมากแต่ก็ยังไม่หายขาดนี่ ถ้าย้ายโรงพยาบาลเผื่อมันทรุดลงล่ะ ฉันจะอยู่กับใคร พี่คิดข้อนี้บ้างไหม" รรรรรรเริ่มขึ้นเสียงเมื่อเห็นว่าพี่ไม่ยอม จนพี่สาวต้องยอมฟัง แล้วค่อยๆ นอนลงที่เดิม
"ถ้าพี่รักฉัน พี่ต้องดูแลตัวเองให้ดี ทำตัวให้แข็งแรงเร็วๆ เข้าใจไหม" มือเรียวเอื้อมไปจับผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้กับพี่สาว ถึงแม้อยากจะร้องไห้มากแค่ไหน ทั้งพี่และน้องก็พยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็น ว่าตัวเองกำลังอ่อนแออยู่
[บริษัท]
หญิงสาวก้าวลงจากแท็กซี่ ใบหน้างามเงยขึ้นไปมองชั้นบนสุด ซึ่งมันเป็นชั้นที่เธอทำงานอยู่ แล้วลอบถอนหายใจออกมา เพราะเธอต้องหาคำพูดเพื่อที่จะพูดกับเขาเรื่องเงิน
เวลาผ่านไปจนถึง 09 : 40 นาที
ก๊อก ก๊อก ยังไงวันนี้เธอต้องคุยเรื่องเงินให้ได้ จะคุยตอนไหนก็คงเหมือนกัน หญิงสาวเลือกเวลาที่ดูเหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะถ้าใกล้เที่ยงเดี๋ยวเขาก็ออกไปทานข้าวกับลูกค้าอีก
"เชิญ"
"บอสคะ..เออ.." อุตส่าห์ตั้งหลักมาแต่ไกล แต่พอเห็นสายตาที่เขามองมา กลับลืมคำพูดไปหมด "คือ.."
"แล้ววันนี้จะรู้เรื่องกันไหม"
"ฉันอยากจะขอเงินคุณเพิ่ม" เธอไม่ใช้คำว่ายืม เพราะถ้ายืมมันต้องคืน ..เงินเยอะขนาดนั้น เธอจะเอาปัญญาที่ไหนมาใช้คืน
"ขอเงินเพิ่ม?" เขาเป็นนักธุรกิจ ทุกคำที่พูดออกมา เขาต้องฟังให้แตกฉาน
"เออ..ค่ะ.." สีหน้าของเธอเริ่มซีดลง
คนร่างหนาวางงานที่อยู่ตรงหน้าแล้วนั่งพิงเก้าอี้ สายตามองจ้องมาที่เธอ เหมือนต้องการคำอธิบายมากกว่า..เออค่ะ..ที่เธอพูดออกมา
"คุณอยากจะใช้งานฉันเพิ่มก็ได้ หรือจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันขอเงินเพิ่มอีกเท่าตัว" หญิงสาวกลั้นใจพูดให้จบประโยค
"หนึ่งล้านบาท??" เพราะถ้าเท่าตัวก็ต้องเป็นเงินอีกหนึ่งล้านบาท
"ใช่ค่ะ"
"ที่ได้ไปหนึ่งล้านคุณยังทำงานให้ผมไม่คุ้มเลย" ตอนนี้ความคิดของเขา ที่เธอเล่นตัวทีแรกเพราะอยากจะโก่งราคานี้เอง พอได้ไปก็ยังไม่พอ
"ไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ" แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาคงไม่ให้ อย่างมากก็ให้พี่สาวย้ายโรงพยาบาล เพราะถ้าเอาเงินที่เขาให้มาและเงินเก็บรวมกัน ก็ยังพอจ่ายค่ารักษาพยาบาลอยู่บ้าง
"จะเอาเงินไปทำไมนักหนา" สายตาคมมองตามไปแต่ก็ไม่ได้เรียกเธอไว้ เพราะถ้าเขาให้เงินเธอ ครั้งที่ 2 มันต้องมีครั้งที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ตามมา...เหมือนทุกคน
หญิงสาวนั่งทำงานแบบใจลอย งานที่ทำอยู่ไม่เข้าหัวเลย เพราะเธอคิดถึงแต่เรื่องพี่สาว
"นี่อะไรครับ"
"เอกสารที่คุณนิรันดร์ต้องการไงคะ"
"ขอโทษครับผมไม่ได้เอาอันนี้"
"เออ.. คุณจะเอาเอกสารอะไรคะ"
"ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมหาเอง" ตอนค้นหาเอกสารที่ชั้น นิรันดร์ก็แอบมองดูรรรรรร ..ความคิดของเขาผู้หญิงคนนี้ไม่เหมาะสมที่จะเป็นเลขาท่านประธานเลย เพราะทำงานไม่ได้เรื่องสักอย่าง หรือที่เธอมารับตำแหน่งนี้ คงเพราะต้องการไต่เต้าอย่างเดียว..
เย็นวันเดียวกัน.. ที่โรงพยาบาล
"พี่รินดีขึ้นบ้างไหม" เธออยากจะสอบถามอาการของพี่สาวดูก่อนที่จะพูดอะไรออกมา และคำตอบที่ได้คือวันนี้พี่สาวรู้สึกเวียนหัวทั้งวัน
รรรรรรก็เลยตัดสินใจไม่พูดเรื่องย้ายโรงพยาบาลดีกว่า ให้พี่สาวรักษาตัวที่โรงพยาบาลนี้ไปก่อน
และแน่นอนว่า ค่ารักษาพยาบาลต้องเพิ่มขึ้นแน่ เพราะต้องได้ตรวจดูอาการอีกว่าทำไมรรินธรถึงมีอาการเวียนหัว
วันต่อมา..
"อะไรนะคะ??" รรรรรรแทบล้มทั้งยืนเมื่อรู้ว่าอาการเวียนหัวของพี่สาว เกิดจากมีเนื้องอกในสมอง
"ถ้าทางญาติสู้ค่ารักษาไม่ไหว ก็ย้ายไปโรงพยาบาลของรัฐบาลได้นะคะ" คำพูดของทางโรงพยาบาลหมายถึงว่า ให้รักษาตามยถากรรม เพราะเห็นจากสีหน้าแล้วคงจะสู้ค่ารักษาไม่ไหวแน่
และทางโรงพยาบาลก็แจ้งอีกว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ดีอย่างหนึ่งคือ ทำให้เห็นเนื้องอกได้เร็วขึ้น เพราะถ้าปล่อยให้มันเจริญเติบโตอาจจะกลายเป็นมะเร็ง
หึ!! ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่เหรอ จะเรียกว่าโชคดีไหมเนี่ย
"คุณหมอเตรียมการรักษาพี่สาวฉันได้เลยค่ะ ถ้าร่างกายของพี่สาวฉันพร้อมผ่าตัด คุณหมอก็จัดการได้เลย เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะจัดการเอง"
"แต่ก่อนที่จะรักษา..ทางโรงพยาบาลอยากจะขอเก็บค่าใช้จ่ายก่อนครึ่งหนึ่งค่ะ"
"ครึ่งหนึ่งเหรอคะ" เงินค่าอุบัติเหตุ ค่าผ่าคลอด ค่ารักษาหลาน ก็ยังไม่ทันได้จ่าย ต้องได้มาจ่ายเงินค่าผ่าตัดเนื้องอกในสมองของพี่สาวอีกครึ่งหนึ่ง เอาเข้าไปสิชีวิตของฉัน "ได้ค่ะ..เท่าไรคะ"
คนที่แจ้งอาการต้องตรวจเช็คอีกทีหนึ่งว่า เธอต้องได้ใช้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไร เพราะต้องได้จ่ายการรักษาก่อนหน้านั้นก่อน
นี่แหละหนาที่คนเขาทำประกันชีวิต เพื่อที่จะคุ้มครองตัวเองในยามป่วยไข้ แต่พวกเธอไม่มีเงินมากพอที่จะมาซื้อประกันชีวิตประกันอุบัติเหตุ เหมือนคนอื่นเขา และก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมาเจอสถานการณ์แบบนี้ด้วย
รออยู่เพียงไม่นาน ทางโรงพยาบาลก็แจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายมา มันทำให้เธอเข่าแทบทรุดอีกครั้ง รรรรรรขอร้องทางโรงพยาบาลไว้ว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับพี่สาว
และแน่นอนว่าพวกเขาต้องเก็บ ความลับเรื่องนี้ให้กับญาติผู้ป่วยตามเจตนารมณ์อยู่แล้ว
ก่อนที่เธอจะตัดสินใจทำอะไรลงไป หญิงสาวได้ไปที่ห้องทารกแรกเกิด เพื่อคุยกับหลานสาวตัวน้อยๆ ที่ยังอยู่ในตู้อบนั้น
"น้าจะช่วยแม่ของหนู ให้ถึงที่สุดนะ หนูไม่ต้องเป็นห่วง น้าขอแค่อย่างเดียวให้หนูเติบโตมาเป็นเด็กดี" มือเรียวเอื้อมไปลูบกระจกใสที่มีหลานตัวน้อยๆ นอนดิ้นอยู่ในนั้น
ครื่นนน ครื่นนนน
เดินออกมาจากห้องทารก เธอก็กดโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรหาเขา
>>{"ฉันอยากจะขอคุยกับคุณหน่อยค่ะ"} หญิงสาวพูดขึ้นทันทีเมื่อปลายสายกดรับ
{"คุย??"} ชายหนุ่มมองนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลา 20 : 05 น. และเขาก็เพิ่งกลับมาถึงบ้าน
>>{"ขอโทษด้วยนะคะที่โทรมารบกวน ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร"}
{"ไปเจอกันที่คอนโด"} แล้วชายหนุ่มก็บอกที่อยู่ของคอนโดนั้นให้กับเธอไป