บทที่ 3
“คุณพ่อมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
ผู้เป็นพ่อไม่อยากให้เสียเวลา รีบเอ่ยบอกตรงประเด็นไม่ต้องอ้อมค้อม โดยไม่ลืมเล่นละครบทโศกทำตาแดงๆ ขณะเอ่ยบอกด้วย
“พิมพอจะรู้ใช่ไหมลูกว่าสภาพการเงินของครอบครัวเขากำลังย่ำแย่ พ่อไม่ได้ทำงานแล้ว เรามีรายได้แค่เพียงเล็กๆ น้อยๆ เข้ามาในบ้าน แต่ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่าแสน สองแสน”
“ก็ให้คุณลีน่างดไปช้อบปิ้ง งดไปเที่ยวยุโรป งดไปกินข้าวนอกบ้าน ค่าใช้จ่ายก็ลดลงเองค่ะ” พิมพ์มาดาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแขวะบิดาอีกครั้ง
ได้ยินลูกสาวพูดกับบิดาเช่นนั้น อรลดาต้องขึงตามอง พร้อมกับเค้นเสียงดุเบาๆ “พิม ทำไมพูดกับคุณพ่อแบบนั้นล่ะลูก”
“พิม พูดเรื่องจริงค่ะคุณแม่ ค่าใช้จ่ายที่คุณพ่อบอกว่ามากโข เกิดจากคุณลีน่าใช้เงินเปลืองราวกับว่าตัวเองผลิตแบงค์ได้”
พิมพ์มาดาไม่มีเกรงกลัวกับการเอ่ยพูดแทงใจดำบิดา ทำเอาปกรณ์ต้องนิ่งเงียบไปหลายนาทีกว่าจะเอ่ยพูดออกมาได้
“อย่าต่อว่าพี่ลีน่าเลยลูก ตอนนี้พี่ลีน่าก็กำลังช่วยพ่อประหยัดทุกวิธีทางเท่าที่จะทำได้” ปกรณ์ปกป้องลูกสาวคนโตอย่างเต็มที่
‘ลูกสาวคนโปรด แตะต้องไม่ได้เลยใช่ไหมคะ’
พิมพ์มาดากัดเม้มริมฝีปาก ต่อว่าอยู่ในใจไม่อยากเอ่ยพูดออกมา เพราะรู้ว่าคำประชดประชันของเธอจะทำให้มารดาไม่สบายใจ
“คุณพ่อจะให้พิมกับคุณแม่ช่วยยังไงคะ”
“เมื่อห้าปีก่อน พ่อทำธุรกิจผิดพลาด ขาดทุนไปหลายสิบล้าน พ่อเลยไปกู้ยืมเงินพ่อเลี้ยงตรินมาต่อยอดทำธุรกิจ พ่อเลี้ยงไม่คิดดอกเบี้ย แต่พ่อต้องเอาโฉนดที่ดินผืนนี้ไปค้ำประกัน และตอนนี้พ่อเลี้ยงตรินก็ทวงเงินของเขาแล้ว แต่...แต่พ่อไม่มีเงินไปคืนให้เขาแม้แต่บาทเดียว...”
ในตอนท้าย ปกรณ์เอ่ยบอกเสียงขาดห้วงติดสั่นเทา แถมดวงตายังแดงก่ำ ยิ่งเป็นการเพิ่มความสงสารให้กับอรลดาผู้เป็นภรรยา
แต่กับพิมพ์มาดา หญิงสาวได้แต่เบือนหน้าหนี อีกทั้งยังพอเดาได้ว่า คนที่ต้องรับภาระคลี่คลายสถานการณ์นี้คงไม่พ้นเธอเป็นแน่ เพียงแค่ไม่รู้ว่าบิดาจะให้ช่วยอย่างไรก็เท่านั้นเอง
“คุณพี่ เป็นหนี้พ่อเลี้ยงตรินเท่าไรคะ” อรลดาเอ่ยถาม หลังจากนิ่งเงียบฟังมานาน
“ยี่สิบล้าน”
ปกรณ์เอ่ยตอบสั้นๆ ทว่าทำเอาอรลดาหน้าซีดร้องถามเสียงหลงด้วยความตกใจ
“คุณพระ! ทำไมถึงได้มากมายถึงเพียงนี้คะ”
“ลดาก็รู้ว่าพี่ทำธุรกิจขาดทุนถึงสามครั้งสามคราด้วยกัน พี่ไปยืมเงินพ่อเลี้ยงตรินหลายครั้ง กระทั่งจำนวนหนี้เพิ่มขึ้นมามาก และตอนนี้พ่อเลี้ยงตรินก็ต้องการเงินของเขากลับคืนแล้ว”
“คุณพี่บอกว่าไม่มีเงินใช้หนี้ให้พ่อเลี้ยงตริน แล้วเราจะทำยังไงต่อไปคะ”
อรลดาเป็นเดือดเป็นร้อนกับความทุกข์ของสามี แม้สามีไม่เคยดูดำดูดีนางเลย แต่เมื่อตกเป็นของปกรณ์แล้ว นางกลับรักสามีคนนี้มาก
ปกรณ์ถอนหายใจยาว ตีหน้าเศร้าสร้อย ขณะเอ่ยพูดต่อว่า “ถ้าเราไม่มีเงินไปใช้หนี้พ่อเลี้ยงตรินภายในเจ็ดวัน พ่อเลี้ยงตรินจะยึดบ้านของเรา นั่นก็หมายความว่าพวกเราจะไม่มีที่ซุกหัวนอนอีกต่อไป”
“คุณพระช่วย”
อรลดายกมือทาบอกร้องออกมาด้วยความตกใจอีกหน สีหน้าเป็นกังวลแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ ในขณะที่พิมพ์มาดากลับนั่งนิ่งเฉย ไม่แสดงอาการใดๆ ให้บิดาเห็น
“เราพอจะมีวิธีแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นไหมคะ คุณพี่”
“มีสิ ลดา แต่ขึ้นอยู่กับพิม ว่าจะช่วยพ่อหรือเปล่า”
ปกรณ์หันไปมองลูกสาว ที่นั่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่ออกความเห็น ไม่เอ่ยถามแม้แต่คำเดียว
“ยังไงคะ คุณพี่จะให้ลูกช่วยยังไงคะ” อรลดาเอ่ยถามต่อสีหน้ายังเต็มไปด้วยความกังวล
ปกรณ์ตีหน้าเศร้า เอ่ยตอบเสียงแผ่วเบาว่า “พ่อเลี้ยงตรินจะยกหนี้ให้พวกเราทั้งหมด หากพิมยอมแต่งงานกับลูกชายของพ่อเลี้ยง”
“พิมไม่แต่ง!”
พิมพ์มาดาปฏิเสธทันควัน ดวงตากลมโตจ้องมองบิดาเขม็ง ทั้งเจ็บปวด ทั้งเสียใจ ที่บิดามาหาเธอเพียงเพื่อให้เธอช่วยทำหน้าที่ล้างหนี้ให้กับครอบครัว
“พิม...ทำไมปฏิเสธแบบนั้นล่ะลูก ทำไมไม่ช่วยคุณพ่อ” อรลดาตำหนิลูกสาว
“ในเมื่อเงินที่ยืมมา คุณลีน่าเป็นคนเอาเงินไปใช้ซะส่วนมาก แล้วทำไมไม่ให้คุณลีน่าไปแต่งงานล้างหนี้ล่ะคะ ทำไมต้องเป็นพิม”
พิมพ์มาดาเอ่ยถามแทงใจดำ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าอลีน่าใช้เงินมือเติบมากเพียงใด และคนที่ไม่มีงานทำอย่างอลีน่าจะเอาจากไหนมาถลุงเล่น ถ้าไม่ใช่ขอจากพ่อแม่
คราวนี้ผู้เป็นพ่อถึงกับหน้าซีด นิ่งเงียบกับคำพูดแทงใจดำที่ลูกสาวคนเล็กต่อว่ามา แต่กระนั้นก็ยังโกหกลูกสาวกับภรรยาต่อ
“พอพ่อเลี้ยงตรินต้องการให้ลูกสาวของพ่อแต่งงานกับลูกชายของเขา พ่อส่งรูปของลีน่ากับพิมไปให้ทางโน้นเลือก และลูกชายของพ่อเลี้ยงตรินก็เลือกพิม พ่อถึงต้องมาขอร้องให้พิมช่วยเหลือครอบครัวของเรายังไงล่ะลูก”
“ฮึ! ดีจังเลยนะคะ ที่หวยมาออกที่พิม” พิมพ์มาดาประชด ก่อนจะปฏิเสธเสียงแข็งอีกครั้ง “ยังไงพิมก็ไม่แต่งงานล้างหนี้”
ปกรณ์ตีหน้าเศร้า พร้อมกับถอนหายใจยาว พลางลุกขึ้นยืน โดยไม่ลืมบอกเสียงแผ่วเบาว่า
“พ่อไม่บังคับพิมหรอกลูก ถ้าหนูไม่อยากแต่งงานก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อจะไปบอกกับพ่อเลี้ยงตริน และพรุ่งนี้พ่อจะลองให้เพื่อนๆ ของพ่อช่วยหาบ้านเช่าหลังเล็กๆ ที่พวกเราพอจะอาศัยอยู่ร่วมกันได้ หลังจากต้องย้ายออกจากบ้านหลังนี้แล้ว”
เล่นละครฉากใหญ่ไปแล้ว ปกรณ์ก็ทำคอตก เดินลากเท้าราวกับหนักอึ้ง ออกจากบ้าน แต่ไม่ทันเดินพ้นจากบ้านพักหลังเล็ก อรลดาก็เอ่ยเรียกไว้เสียก่อน
“คุณพี่คะ อย่าเพิ่งไปค่ะ”
อรลดาเดินเร็วๆ ไปจับมือสามีมากุมไว้ พลางเอ่ยบอกให้ปกรณ์คลี่ยิ้มออกมาได้
“เราไม่ต้องย้ายไปที่ไหนทั้งนั้น เดี๋ยวลดาจะพูดกับลูกเองค่ะ คุณพี่สบายใจได้นะคะว่าเราจะไม่เสียบ้านหลังนี้ไปแน่นอน”
“ลดา พี่ขอบคุณมาก”
ปกรณ์สวมกอดร่างเล็กของภรรยานอกสมรสไว้แน่น หายใจคล่องคอ มั่นใจว่ายังไงๆ พิมพ์มาดาก็ต้องทำตามคำสั่งของมารดา
“พี่กลับก่อนนะลดา เผื่อลดาอยากจะมีเวลาพูดกับลูกเป็นการส่วนตัว”
“ค่ะ คุณพี่ ลดาจะพูดกับลูกนะคะ”
อรลดาเดินไปส่งสามีหน้าบ้าน หลังจากสามีกลับไปบ้านใหญ่แล้ว ก็รีบเดินเข้ามาในบ้าน แต่ไม่ทันได้เอ่ยพูดอะไร ก็ถูกลูกสาวเอ่ยดักคอไว้ก่อน
“พิมไม่แต่งงานแน่นอนค่ะ คุณแม่”
“พิม...แม่ขอร้องนะลูก”
อรดลาเอ่ยขอร้อง สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลกับความทุกข์ของครอบครัว แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เอ่ยหว่านล้อมต่อ เพราะลูกสาวเดินเร็วๆ เป็นวิ่งออกไปจากห้องนั่งเล่นแล้ว
ก๊อก...ก๊อก...
เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นในกลางดึกของคืนวันนี้ ทำให้พิมพ์มาดาต้องถอนหายใจยาวด้วยความทุกข์ใจ ไม่อยากเปิดประตูให้กับมารดา หากไม่ได้ยินเสียงเรียกของท่านดังขึ้นมาหลายรอบ
“พิม เปิดประตูให้แม่หน่อยลูก”
อรดลาแทบยืนไม่ติด หลังจากเคาะประตูเรียกลูกสาวแล้ว แต่ลูกสาวไม่ขานรับสักที
“พิม...แม่ขอเข้าไปคุยด้วยได้ไหมลูก”
เมื่อการเรียกในครั้งแรกไม่เป็นผล อรลดาก็ตะโกนเรียกซ้ำ พร้อมกับเคาะประตูเรียกลูกสาวด้วย สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม เพราะลูกสาวขังตัวเองอยู่แต่ในห้องตั้งแต่หัวค่ำ ไม่เปิดโอกาสให้นางพูดเรื่องการไปแต่งงานเพื่อชดใช้หนี้ให้กับบิดา
ก๊อก...ก๊อก...
“พิม แม่รู้ว่าพิมไม่อยากพูดกับแม่ แต่ถ้าพิมไม่เปิดประตูให้แม่สักที แม่ก็จะยืนอยู่หน้าห้องของพิมจนกว่าพิมจะเปิดประตูให้”
พิมพ์มาดาอยากร้องไห้เหลือกำลัง หลังจากได้ยินคำขู่ของมารดา หญิงสาวจำต้องเดินลากเท้าอันหนักอึ้งมาเปิดประตูให้กับมารดาในที่สุด
“พิมไม่อยากพูดเรื่องที่คุณพ่อมาขอร้องพิม” หญิงสาวเอ่ยห้ามในทันทีที่เปิดประตูให้มารดาเดินเข้ามาในห้องนอนของเธอ
แต่...เป้าหมายของมารดาคือเรื่องที่ถูกลูกสาวสั่งห้าม นางจึงจำต้องเอ่ยขอร้องแกมหว่านล้อมลูกสาวดั่งที่ทำตั้งแต่หัวค่ำแล้ว
“ไม่พูดเรื่องนี้ไม่ได้นะลูก แม่อยากให้พิมทำตามที่คุณพ่อขอร้อง” ผู้เป็นแม่เดินไปดักหน้า พลางยื่นมือไปจับมือเล็กของลูกสาวมากุมไว้ ขณะเอ่ยขอร้องต่อ
“ทำเพื่อแม่ เพื่อพ่อสักครั้งนะลูก”
“จะให้พิม ทำเพื่อพ่อ...พ่อที่ไม่เคยสนใจดูแลพิม ด้วยการเอาชีวิตทั้งชีวิตไปแต่งงานกับคนที่พิมไม่เคยเห็นหน้าเลยหรือคะ พิมไม่แต่งเด็ดขาด”
พิมพ์มาดายังคงปฏิเสธเสียงแข็ง พลางเบือนหน้าหนีจากมารดา เมื่อเห็นท่านทำหน้าสลด ดวงตาแดงก่ำราวกับ กำลังจะร้องไห้
“แม่ขอร้องนะพิม จะให้แม่ไหว้หนู แม่ก็ยอม” อรลดาทำท่าจะทำตามที่พูดออกมา จนพิมพ์มาดาต้องร้องเสียงหลง
“คุณแม่! ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยคะ”
พิมพ์มาดาถึงกับน้ำตารื้นขอบตา เมื่อเห็นมารดาทำท่าจะไหว้ขอร้องเธอจริงๆ หญิงสาวกัดเม้มริมฝีปากแน่น น้อยใจที่มารดาผลักไสเธอให้ไปตกนรกทั้งเป็น เพียงเพื่อช่วยบิดาที่แทบไม่เคยคิดว่าเธอเป็นลูก!
“ช่วยพ่อน่ะพิม ทำตามที่พ่อเลี้ยงตรินต้องการ แต่งงานกับลูกชายของเขา” อรลดาขอร้องอีกครั้ง
“พิม...พิมขอคิดดูก่อนค่ะ”
พิมพ์มาดาแบ่งรับแบ่งสู้ เอ่ยตอบมารดาพร้อมกับเบือนหน้าหนี ไม่อยากให้ท่านเห็นหยาดน้ำตาที่กำลังจะร่วงรินเพราะความเจ็บใจ น้อยใจมารดา ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อบิดาที่ไม่เคยเหลียวแลพวกเธอเลย
“แม่จะรอคำตอบนะลูก แม่รู้ว่าพิมไม่มีทางยอมให้พ่อกับแม่ต้องไปตกระกำลำบาก ไปอยู่ในห้องเช่าแคบๆ แน่ จริงไหมลูก”
อรลดารู้ว่าลูกสาวมีจุดอ่อนอยู่ที่เรื่องความทุกข์ลำบากของนาง จึงยกเรื่องนี้มาพูดเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ลูกสาวตัดสินใจทำตามคำขอร้องของนาง
“พิมจะให้คำตอบกับคุณแม่อีกทีคะ ตอนนี้พิมปวดหัวมาก พิมขออยู่คนเดียวได้ไหมคะ”
หญิงสาวเอ่ยบอกเสียงแผ่วเบา ไม่ยอมหันไปมองหน้ามารดา เพราะไม่อยากให้ท่านเห็นน้ำตาของความอ่อนแอของเธอ
“จ้ะลูก พิมนอนพักก่อนนะลูก พรุ่งนี้แม่จะรอข่าวดีจากพิมจ้ะ”
พิมพ์มาดารอกระทั่งมารดาเดินออกไปจากห้องนอนแล้ว จึงร่ำไห้ให้กับโชคชะตาของตัวเอง ที่ต้องไปเป็นเครื่องสังเวยให้กับผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน