บทที่ 2
ร่างบางระหงที่เพิ่งกลับมาจากทำงานในยามค่ำ ถึงกับถอนหายใจยาว ทั้งสงสารระคนเคืองมารดา เมื่อเห็นท่านนั่งรีดเสื้อผ้ากองพะเนินอยู่ในบ้านพักหลังเล็ก
“คุณแม่คะ ทำไมถึงเอาเสื้อผ้ามารีดอีกล่ะคะ พิมบอกคุณแม่แล้วว่าไม่ต้องเอาเสื้อผ้าของคนบ้านโน่นมารีดอีก ทำไมคุณแม่ไม่เชื่อพิมคะ”
พิมพ์มาดาเอ่ยบอกอย่างอ่อนใจ พลางเดินไปถอดปลั๊กเตารีดออก พร้อมทั้งประคองมารดาให้ลุกไปนั่งบนโซฟาด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกพิม เสื้อผ้าแค่นิดเดียวเองลูก แม่รีดแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว”
ขณะเอ่ยบอกลูกสาว อรลดาก็หยิบเสื้อผ้ามาวางบนที่รีด ทำท่าจะรีดผ้าต่อ หากไม่ถูกพิมพ์มาดาเอื้อมมือมาคว้าทิ้งซะก่อน
“คุณแม่อย่ามาโกหกพิมเลยค่ะ เสื้อผ้ากองเท่าภูเขา คุณแม่ต้องนั่งขดหลังแข็งรีดเป็นวันๆ กว่าจะรีดเสร็จหมดทุกตัว”
“เสื้อผ้าคุณลีน่ารีดง่ายนะลูก บางตัวก็ตัวเล็กนิดเดียว แม่รีดไม่นานหรอก อีกอย่างคุณลีน่าไม่ชอบให้ใครรีดเสื้อผ้าของเธอ นอกจากแม่”
อรลดาพยายามปลอบไม่ให้ลูกสาวคิดมาก แต่พิมพ์มาดาไม่ได้คิดเช่นนั้น เธอรู้ว่าทำไมอลีน่าจำเพาะเจาะจงให้แม่ของเธอรีดเสื้อผ้าให้ นั่นก็เป็นเพราะว่าอลีน่าเกลียด และต้องการใช้งานหนักๆ ให้แม่ของเธอเหน็ดเหนื่อยลำบากมากที่สุด
“ฮึ! ใครรีดผ้าก็เรียบเหมือนกันแหละค่ะ แต่สองแม่ลูกคู่นั้นจงใจใช้งานคุณแม่เพียงคนเดียว พวกเธอไม่ต้องการให้คุณแม่อยู่สุขสบายเหมือนคนอื่น คุณแม่ไม่ต้องทำแล้วค่ะ”
พิมพ์มาดาต่อว่าคนบ้านใหญ่ด้วยความโมโห เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนเหล่า
นั้นแกล้งใช้งานมารดาของเธอเยี่ยงทาส
“แล้วใครจะรีดเสื้อผ้าให้คุณลีน่ากับคุณนวลพรรณใส่ล่ะลูก”
ผู้เป็นแม่ค้านออกมาเบาๆ มองเสื้อผ้ากองโตที่ยังรีดไม่เสร็จด้วยความเป็นกังวล กลัวว่าอลีน่าจะไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่
“ก็ให้คนรับใช้คนอื่นรีด ถ้าคนอื่นรีดผ้าให้แล้วพวกเธอใส่ไม่ได้ ก็พากันแก้ผ้าเดินเปลือยล่อนจ้อนไปทั่วบ้าน พิมขอสั่งห้ามไม่ให้คุณแม่รีดผ้าให้คนพวกนั้นอีก”
ยิ่งพูดพิมพ์มาดาก็ยิ่งโมโห แทบจะเอาเสื้อผ้าของสองแม่ลูกจอมวายร้าย ไปเผาทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไป
“โธ่...พิม อย่าคิดมากสิลูก เราอยู่บ้านเขาฟรีๆ ไม่ต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ เราก็ช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นการตอบแทนเขาบ้างนะลูก”
“รีดผ้าทีละสามตะกร้า ไปทำความสะอาดห้องให้สองแม่ลูกทุกวัน ทำกับข้าวให้กินอีกสามมื้อ บางวันต้องไปเดินต้อยๆ ตามสองแม่ลูกคู่นั้นช้อบปิ้งเป็นวันๆ สำหรับคนที่อายุห้าสิบกว่าแล้ว พิมคิดว่าเป็นงานที่หนักมาก คุณแม่รู้ไหมคะว่า พวกเขาใช้งานแม่เยี่ยงทาสเลยนะคะ”
พิมพ์มาดาเอ่ยอย่างโกรธจัด ที่เผยความโกรธออกมานั้นหาได้โกรธมารดาไม่ แต่โกรธสองแม่ลูกบ้านใหญ่ ที่แกล้งใช้งานแม่ของเธอ ให้ทำงานหนักแทบตลอดเวลา
“คุณแม่คะ เราย้ายไปจากที่นี่เถอะค่ะ พิมมีงานทำ มีเงินเดือนพอที่จะเลี้ยงแม่ให้อยู่สบายๆ ได้ เราย้ายไปอยู่สองคนแม่ลูก ไม่ต้องทนอยู่ที่นี่ให้คนในบ้านใหญ่โขกสับเล่น”
พิมพ์มาดาเข้าไปจับมือมารดามากุมไว้ ขณะอ้อนวอนท่าน พอเห็นมารดาตีสีหน้าลำบากใจ ก็ถอนหายใจยาว รู้คำตอบว่ามารดาไม่ยอมทำตามคำขอร้องของเธอแน่ๆ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธออ้อนวอนให้มารดาย้ายออกจากบ้านหลังนี้ ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา เธอเพียรขอร้อง แต่มารดาก็ไม่ยอมทำตามแม้แต่ครั้งเดียว
“เอ่อ...แม่ว่า เราอยู่ที่นี่ก็ดีแล้วนะลูก”
พิมพ์มาดาถอนหายใจลึกอีกครั้งหลังจากได้ยินคำตอบเดิมๆ
“คุณแม่รักคุณพ่อมากถึงเพียงนี้เลยหรือคะ ทั้งๆ ที่คุณพ่อแทบจะไม่เคยดูแลพวกเราเลย ทำไมคุณแม่ถึงยังปักใจรักคุณพ่อ ยอมอยู่เป็นเครื่องมือให้สองแม่ลูกโขกสับเล่น”
อรลดากุมมือลูกสาวไว้ พลางเอ่ยบอกเสียงเศร้าสร้อยถึงโชคชะตาของตัวเอง
“พิม ถ้าหนูไม่มีความรัก หนูจะไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงต้องทนอยู่ที่นี่ แต่สักวัน...เมื่อพิมมีความรัก พิมจะเข้าใจถึงสิ่งที่แม่ทำไปทั้งหมด”
“เฮ้อ...พิมไม่อยากรักใครทั้งนั้น”
พิมพ์มาดาบ่นอุบ เพราะยังไม่มีความรักเกิดขึ้นจึงพูดได้ แต่หารู้ไม่ว่า...สักวัน เธอจะเข้าใจคำพูดของมารดาเป็นอย่างดี
และก่อนสองแม่ลูกจะพูดคุยกันไปมากกว่านี้ ห้องนั่งเล่นภายในบ้านพักหลังเล็กๆ ก็มีโอกาสได้ต้อนรับผู้ที่กำลังตกเป็นหัวข้อการสนทนาในขณะนี้
“พิม เพิ่งกลับมาจากทำงานหรือลูก ที่ทำงานเป็นยังไงบ้าง”
ปกรณ์ทักทายลูกสาวที่เขาไม่ได้ตั้งใจให้เกิดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ร้อยวันพันปีไม่เคยทักทายหรือสนใจเรื่องหน้าที่การงานของลูกสาวคนเล็ก แต่เพราะกำลังจะหว่านล้อมให้พิมพ์มาดาทำหน้าที่ล้างหนี้ให้กับตนเอง จึงจำต้องพูดดีกับลูกสาวไว้ก่อน
“ก็ดีค่ะ เพื่อนร่วมงานดี เจ้านายดี อยู่ที่ทำงานมีความสุขมากกว่าอยู่บ้านซะอีกค่ะ”
พิมพ์มาดาแขวะบิดา เดาออกว่าเธอกับมารดากำลังมีผลประโยชน์กับท่านๆ จึงแวะเวียนมาหาและทำเป็นมาพูดดีด้วย
ปกรณ์หน้าเสียไปชั่วขณะ เมื่อถูกลูกสาวแขวะเข้าให้ พอมองสบตากับดวงตากลมโตที่จ้องมองเขม็ง ก็รู้ว่าคงพูดกับลูกสาวตรงๆ ไม่ได้ มีทางเดียวที่เขาจะกล่อมให้พิมพ์มาดาทำหน้าที่ล้างหนี้ให้กับเขา ก็คือการพูดกับอรลดา ให้อรดลากล่อมและขอร้องลูกสาวอีกที
“ลดา...ผมมีเรื่องเดือดร้อนอยากให้คุณช่วยผม ช่วยครอบครัวของเรา”
“พิมขอตัวก่อนนะคะ”
พิมพ์มาดาไม่อยากอยู่ขัดการสนทนาของบุพการีทั้งสอง พอเอ่ยบอกไปแล้วทำท่าจะลุกเดินหนี แต่ก็ถูกบิดาเอ่ยเรียกไว้
“พิม นั่งลงก่อนลูก พ่ออยากให้ลูกอยู่ฟังด้วย” ปกรณ์หันไปออกคำสั่งแกมบังคับให้ลูกสาวทำตาม
คำสั่งของผู้เป็นพ่อไม่เป็นผลต่อพิมพ์มาดา แต่ที่หญิงสาวยอมทรุดกายลงนั่งบนโซฟาเหมือนเดิม เป็นเพราะถูกมารดาจ้องมองเขม็งต่างหาก