บทที่ 5 หมั้นหมาย
“แม่ดาวเข้ามาคุยกับตาที่ห้องหน่อย ตามีเรื่องที่อยากจะถามเจ้า” พระยาสุรสิงห์เดินนำหน้าดาวเข้าไปยังห้องทำงาน
“ท่านเจ้าคุณตามีกระไรกับดาวฤาเจ้าคะ” ดาวนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“เจ้าคิดเห็นเยี่ยงไรเกี่ยวกับมังลอก” ดาวมีสีหน้าแปลกใจเมื่ออยู่ ๆ ถูกถามเช่นนี้
“หลานจะมีความคิดเห็นเยี่ยงไรได้เจ้าค่ะ ก็เขาเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตหลานไว้” เธอตอบตามตรง
“แล้วถ้าหากตาจะให้เจ้าหมั้นกับมังลอกไว้ก่อน เจ้ามีความคิดเห็นเช่นไร”
“ท่านเจ้าคุณตา!!”
ดาวตกใจในคำกล่าวของผู้เป็นตา
“หลานยังเด็กนัก ยังมิได้คิดเรื่องออกเรือนหรอกเจ้าค่ะ ฤาท่านเจ้าคุณตาจะให้หลานอยู่รับใช้ท่านเจ้าคุณตาตลอดไปยังได้เจ้าค่ะ” เธอคลานเข้าไปนวดขาให้พระยาสุรสิงห์อย่างเอาใจ เพราะคิดว่าตาของเธอต้องล้อเธอเล่นแน่ ๆ
“แม่ดาว...เจ้ารังเกียจมังลอกที่เขาเป็นแค่ไพร่ฤาไม่ ถ้าหากต้องออกเรือนกันไป” น้ำเสียงของพระยาสุรสิงห์เงียบขรึมและจริงจัง
“หลานมิเคยมองคนที่ยศถาบรรดาศักดิ์เจ้าค่ะ ถึงเขาจะเป็นแค่ไพร่ฤาทาส ถ้าหากคนสองคนรักกันเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”
“เจ้าได้ยินแล้วใช่ฤาไม่มังลอก ว่าหลานเราไม่เคยรังเกียจเดียดฉันท์เจ้าอย่างที่เจ้าคิด”
“เจ้าคุณตา!!!”
ดาวหันไปมองมังลอกที่เดินออกมาจากมุมมืดของห้อง
“เจ้าคุณตาหมายความเยี่ยงไรเจ้าคะ” ดาวเเสดงสีหน้าตกใจพร้อมทั้งแววตาประหลาดใจมองไปยังท่านตาของเธอที่นั่งบนเก้าอี้ไม้
“แม่ดาวฟังตาและขอให้เชื่อว่า นี้คือการตัดสินใจที่ยากลำบากของตา แต่ตาขอรับประกันว่า ชายผู้ที่นั่งข้างหลานวันนี้เขาจะรักและดูแลเจ้าจนกว่าพวกเจ้าทั้งสองจะตายจากกัน” มังลอกที่นั่งข้าง ๆ มองดูเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ
“ข้าพเจ้ามังลอกขอสาบานกับท่านพระยาสุรสิงห์ว่าข้าจะรักดูแลปกป้องแม่ดาว จะมิให้ใครมาทำอันตรายได้แลข้าจะมีเพียงแม่ดาวเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าหากข้าผิดคำสาบานก็ขอให้ข้าได้ตายตามแม่ดาวไป” แววตาแน่วนิ่งจับจ้องที่ใบหน้างามตลอดเวลาขณะเอ่ยคำสาบาน
“แล้วเจ้าเล่า..เจ้าคิดเห็นเป็นเยี่ยงไร” พระยาสุรสิงห์หันมาถามหลานสาวที่ยังคงนั่งก้มหน้าแน่นิ่ง
“แม่ดาว...” เสียงทุ้มต่ำเรียกหลานสาวอย่างอ่อนโยน
“หลาน!!...แล้วแต่เจ้าคุณตาจะเห็นสมควรเจ้าค่ะ” เธอแหงนหน้าขึ้นน้ำตาเอ่อล้นเต็มดวงตากลมโตสวย
“แต่ท่านเจ้าคุณตาพอจะบอกความจริงแก่หลานได้ฤาไม่ ว่าทำไมเจ้าคุณตาถึงอยากจะให้หลานหมั้นหมายกับพ่อมังลอกรวดเร็วถึงเพียงนี้”
“ที่จริงเรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องรู้แต่...ตั้งแต่ไหนแต่ไรตาก็มิเคยที่จะปิดบังอะไรหลาน ตาอยากเห็นเจ้าเป็นฝั่งเป็นฝาได้อยู่กับคนดีและเขาคนนั้นก็รักหลาน สามารถดูแลหลานแทนตาได้ เงินทองนั้นมันไม่สำคัญเท่าได้คนดี หลานเข้าใจฤาไม่”
“ส่วนเจ้ามังลอกเขยิบมานั่งใกล้ ๆ ข้าที” พระยาสุรสิงห์เอื้อมมื้อไปลูบที่หัวของมังลอกเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“ข้าจะถือว่าคำสาบานที่เจ้าให้ไว้กับข้านั้นเป็นคำขอแต่งงานระหว่างเจ้ากับแม่ดาว แต่ตอนนี้ข้าขอหมั้นหมายเอาไว้ก่อนเพราะแม่ดาวยังเด็กนัก แต่ภายภาคหน้าเมื่อถึงวัย ตาอาจจะมิได้เห็นงานแต่งของเจ้าทั้งสอง แต่ก็ขอให้จงรู้ไว้เถอะว่า ตานั้นขอให้พวกเจ้าทั้งสองครองคู่ครองเรือนโดยใช้หลักธรรมะขันตินำทาง จงเชื่อมั่นเชื่อใจกันผิดพลาดให้อภัยแก่กันนะลูก”
พระยาสุรสิงห์ลูบหัวของดาวและมังลอกเบา ๆ พร้อมกัน หลังจากจบคำอวยพรดาวคลานเข้าไปแนบแก้มหมอบบนตักของพระยาสุรสิงห์ ก่อนจะก้มลงกราบเท้าพร้อมมังลอก
“แม่ดาว...อีกสามวันนับจากนี้หลานจงเตรียมตัวให้พร้อม มังลอกได้มาขออนุญาตจะพาหลานกลับไปยังบ้านเมืองของเขา
ซึ่งตาก็เห็นว่าเจ้าโตพอแล้วจึงได้อนุญาต” พระยาสุรสิงห์ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ไม้เดินไปริมหน้าต่าง
“เจ้าทรงเก็บเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นส่วนเรื่องเงินทองอย่าได้เป็นห่วง ตาได้สั่งคนจัดเตรียมไว้ให้เจ้าให้เรียบร้อยแล้ว” ดาวมีสีหน้าซีดเผือกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ท่านเจ้าคุณตาไม่รักหลานแล้วฤาเจ้าค่ะทำไมถึงขับไล่ไสส่งหลานเยี่ยงนี้ หลานไม่ได้กลัวท่านลุงเลยสักนิด ที่หลาน อดทนเงียบมาจนทุกวันนี้เพราะหลานไม่อยากทำให้เจ้าคุณตาไม่สบายใจ แต่แล้ววันนี้ท่านเจ้าคุณตาพยายามยัดเยียดหลานให้มังลอกยังมิพอ ยังจะไล่หลานให้ไปอยู่เสียที่ไกล ๆ” ดาวมิอาจจะฝืนทนความทุกข์ในใจ น้ำตาเธอไหลนองอาบทั้งสองแก้ม
พระยาสุรสิงห์สงสารหลานสาวตัวน้อยยิ่งนัก ตั้งแต่เกิดมาก็มิเคยห่างจากกัน ท่านรักดาวยิ่งกว่าไข่ในหิน อย่าว่าจะให้ไปที่ไหนไกล ๆ แม้แต่ตลาดแถวบ้านดาวก็มิค่อยได้ไป นอกเสียจากตัวท่านจักพาไปเองพร้อมบ่าวไพร่เป็นโขย่ง
ดาวรู้ว่าท่านเจ้าคุณตาของเธอต้องมีเหตุอันจำเป็นที่ต้องทำเยี่ยงนี้ แต่เธอก็ไม่สามารถอดกลั้นความรู้สึกเสียใจไว้ได้
“ท่านเจ้าคุณตาเจ้าคะ ท่านเจ้าคุณตาอยากให้หลานทำอะไรหลานยอมทั้งนั้นแต่อย่าให้หลานต้องจากเจ้าคุณตาไปไหนเลยนะเจ้าค่ะ ถ้าหากหลานไปแล้วใครเล่าจะอยู่ดูแลรับใช้เจ้าคุณตา คนอื่นนับสิบก็มิมีใครรู้ใจเท่ากับหลานดอกเจ้าค่ะ” ดาวต้องนี้ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวสั่น จนมังลอกมิอาจนั่งเงียบเฉยจนต้องเข้าไปปลอบ
“แม่ดาว..เจ้าจงฟังพี่เสียหน่อยการที่ท่านพระยาตัดสินใจเยี่ยงนี้ก็เพราะว่ารักเจ้า ท่านมิอาจเห็นมีเหตุเกิดกับ
เจ้า และเพื่อความปลอดภัยของเจ้าเอง”
แววตาของชายหนุ่มที่มองเธอตอนนี้เต็มไปด้วยความสงสารและเห็นใจ เธอหันไปมองมังลอกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา
“แม่ดาวเจ้าจงตั้งสติเสียก่อน หยุดร้องไห้ได้แล้วหนาเจ้า ถึงวันนี้เราไม่พลัดพรากจากกัน วันหน้าก็ต้องจากกันอยู่ดีของทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป นี้เป็นกฎของธรรมชาติที่เราทุกคนไม่อาจหนีพ้น เจ้าได้คนดีมาเป็นคู่หมาย ตาก็สบายใจนอนตายตาหลับ”
ดาวไม่รู้จะอ้อนวอนเจ้าคุณตาของเธออย่างไรให้ท่านเปลี่ยนใจ ตั้งแต่เกิดจนโต ที่นี้คือเรือนของเธอ ถ้าหากวันหน้าเธอต้องจากที่นี้ไป แล้วพ่อเทียนเล่า ยังมีพ่อเทียนอีกคนที่เธอรักมากเหมือนน้องในไส้คลานตามกันมา ผู้ที่คอยติดตามเธอทุกฝีก้าวถ้าหากเธอไม่อยู่ที่นี้ แล้วพ่อเทียนจะอยู่เยี่ยงไร แล้วเธอจะบอกคุณพี่เพชรเยี่ยงไรเกี่ยวกับ
การหมั้นหมายและต้องจากที่นี้ไป ทุกสิ่งประเดประดังจนดาวมิทันตั้งตัว เธอหันไปมองสบตามังลอก ที่ยังคงนั่งเฝ้ามองเธอด้วยสายตาห่วยใย หรือนี่จะเป็นความอบอุ่นหนึ่งเดียวในใจท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย