เจอหน้าครั้งแรกใจรอบ10ปี
ตอนที่ 3
~10ปีผ่านไป~
เด็กน้อยอายุแปดขวบในวันนั้น ตอนนี้ได้โตเป็นสาวแล้ว ทานตะวันในวัย18ปีสูง167ซม.หนัก45กก. รูปร่างผอมเพรียว หน้าตาจิ้มลิ้มประกอบกับผิวขาวๆของเธอยิ่งทำให้เธอดูน่ามองยิ่งขึ้น และดูเธอจะเป็นที่น่าสนใจให้กับหนุ่มๆวัยรุ่นในโรงเรียนมากพอสมควร ตอนนี้เด็กสาวเดินอยู่บริเวณหน้าโรงเรียนเนื่องจากเป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว สักพักได้ยินเสียงรถยนต์เหยียบเบรกกระทันหันดังเอี๊ยดดด!! และเสียงบีบแตรรัวๆตามมาเนื่องจากมียายแก่ๆคนหนึ่งจะเดินข้ามถนน จนทำให้รถสปอร์ตสุดหรูที่ขับมาทางตรงต้องเหยียบเบรกกะทันหัน
“คุณยาย!!!” ตะวันตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ พลันรีบวิ่งไปพยุงยายแก่ๆพาแกเดินข้ามถนน ด้วยความน่ารักและใจดีของเธอ จึงทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ในรถสปอร์ตยิ้มบางๆออกมากลบเกลื่อนความโกรธที่มีอยู่ก่อนหน้านี้
“สวย..น่ารักจัง..” ธาราธรพูดออกมาเบาๆคนเดียวเมื่อได้เห็นความน่ารักและมีน้ำใจของเด็กสาวที่กำลังพยุงคุณยายแก่ๆข้ามถนนไปอีกฝั่ง ก่อนเขาจะขับรถมุ่งตรงไปที่ตลาดเพื่อจะซื้อของกินอร่อยๆไปฝากผู้เป็นแม่ทันที
“น้องตะวัน!!” ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งตะโกนชื่อหญิงสาวขึ้น เมื่อเห็นคนตัวเล็กกำลังเดินไปนั่งรอตรงป้ายรถประจำทางที่ประจำของเธอ เด็กสาวหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“พี่ภู มาที่นี่ได้ยังไงคะ”
“วันนี้แม่ดาวานให้พี่มารับตะวันน่ะ พอดีลุงวิรัตน์แกขับรถไปรับน้องขิมที่กรุงเทพฯ พี่เองก็มาทำธุระในเมืองพอดี เลยแวะมารับตะวันด้วยเลย” ภูผาพูดขึ้นและมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตารักใคร่ ภูผาแอบชอบทานตะวันมานานแล้ว ตั้งแต่เธอเป็นเด็กตัวเล็กๆจนตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้ว ภูผาคอยช่วยเหลือเด็กสาวทุกอย่างตั้งแต่เด็กๆจนตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้วเขาก็ยังคอยช่วยเหลือ และเป็นที่ปรึกษาในเรื่องต่างๆ จนถึงตอนนี้ภูผาเองยังไม่มีโอกาสได้บอกความรู้สึกกับเธอเพราะกลัวเธอจะปฏิเสธความรักของเขา เพราะตะวันเองรู้สึกกับเขาเพียงแค่พี่ชายเท่านั้น
“วันนี้พี่ขิมกลับมาจากกรุงเทพแล้วหรอคะพี่ภู”
“ใช่ครับ ไม่ใช่แค่น้องขิมนะที่กลับมา ไอ้เขื่อนก็มาด้วย แต่รายนั้นมันจะขับรถมาเองเห็นแม่ดาบอกว่ามันกลับไทยมาได้3อาทิตย์ล้ะ แต่ยังไม่ได้กลับมาที่ไร่ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมาวันไหน”
“คุณเขื่อน กลับมาแล้วหรอคะ..?” เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มพูดขึ้นเบาๆถึงบุคคลที่สามที่ภูผาพูดถึง
“ใช่แล้วค่ะ ทำไมน้องตะวันทำหน้าแบบนั้นละครับ ไม่ดีใจหรอที่ไอ้เขื่อนมันกลับมาแล้ว” ภูผาถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าหวานสดใสของเด็กสาวมีสีหน้าเจื่อนลงทันทีเมื่อพูดถึงเขื่อน
“เอ่อ..เปล่าค่ะ แล้วพี่ภูจะไปทำธุระที่ไหนต่ออีกรึเปล่าคะ หรือว่าจะกลับบ้านเลย?”
“พี่ว่าจะเข้าไปตลาดซื้อของให้คุณแม่สักหน่อยน่ะ น้องตะวันไม่รีบใช่ไหมคะ?”
“ไม่รีบค่ะ พี่ภูไปทำธุระได้สบายๆเลย แค่มารับตะวันก็เกรงใจมากๆแล้ว”
“จ้า งั้นเราไปตลาดกันเลยเนาะ เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน”
“ค่ะพี่ภู” ชายหนุ่มกับเด็กสาวรีบขึ้นรถขับไปที่ตลาดทันที ภูผาแวะมาซื้ออาหารทะเลและอาหารสดนิดหน่อยตามที่ผู้เป็นแม่สั่ง และมีเด็กสาวตัวเล็กเดินตามหลังและคอยช่วยถือของ
“เอาวางไว้ตรงนั้นเลยค่ะน้องตะวันเดี๋ยวพี่เก็บเอง”
“ค่ะพี่ภู”
“ขอบใจมากนะคะที่ช่วยพี่ถือของเยอะแยะเลย น้องตะวันอยากกินอะไรรึเปล่าครับ เดี๋ยวป๋าภูเลี้ยงเอง” ภูผาพูดขึ้นติดตลกชวนให้เด็กสาวหัวเราะชอบใจยิ่งนัก
“งั้นตะวันขอเป็นน้ำมะพร้าวปั่นร้านโน้นนะคะพี่ภูผา”
“แค่น้ำมะพร้าวปั่นเองหรอครับ อยากกินอะไรอีกไหม?”
“แค่นี้ก็พอแล้วค่ะพี่ภู”
“โอเค งั้นรอพี่ตรงนี้แป้บนึงนะครับ เดี๋ยวพี่ไปสั่งน้ำมะพร้าวปั่นมาให้” พูดเสร็จชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งก็เดินไปสั่งน้ำมะพร้าวปั่นมาให้เด็กสาวที่เขาแอบชอบทันทีตามที่เธออยากกิน
ธาราธรแวะเดินซื้อของที่ตลาดนิดหน่อยก่อนจะเอาของมาเก็บที่รถ พลันสายตาคมกริบก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวที่เขาเจอเมื่อก่อนหน้านี้ เธอกำลังนั่งยองๆหยอกล้อเล่นกับหมาจรจัดอยู่ข้างๆรถ ธาราธรได้แต่มองเด็กสาวอย่างเพลินตา เธอช่างน่ารักและอ่อนโยนยิ่งนัก ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำยำกำลังจะก้าวเดินเข้าไปหาเด็กสาวผู้น่ารักอย่างลืมตัว แต่แล้วก็ต้องชะงักเท้าและออกจากภวังค์ทันที เมื่อมีชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาดีเดินเข้ามาหาเธอก่อน
“ไอ้ภู..!” เขื่อนได้แต่สบถชื่อของเพื่อนสนิทออกมาเบาๆ และสายตาคมกริบก็จ้องมองสองหนุ่มสาวคุยกันอย่างกระหนุงกระหนิง
“ได้แล้วครับ น้ำมะพร้าวปั่นหวานหอมชื่นใจ มีไอครีมด้วยนะครับ” ภูผาพูดขึ้นพลางยื่นแก้วน้ำมะพร้าวปั่นให้เด็กสาว
“ขอบคุณค่ะพี่ภู” ทานตะวันยิ้มให้คนตัวโตจนตาหยี และคนตัวโตเอามือยีหัวคนตัวเล็กให้กับความน่ารักของเธอ ก่อนจะพากันขึ้นรถและขับออกไป โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคมกริบของอีกคนแอบมองอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างไม่วางตา
“นี่ไอ้ภูเป็นแฟนกับเด็กคนนี้หรอ..หึ่ นี่กูเกือบจะชอบแฟนเพื่อนแล้วหรอเนี่ย!!” ธาราธรพูดออกมาเบาๆคนเดียวพลันส่ายหัวให้กับความคิดของตัวเอง ก่อนจะเดินขึ้นรถและขับออกไปเช่นเดียวกัน
เมื่อทานตะวันมาถึงไร่ธาราธรแล้วก็มุ่งตรงเข้าไปหาคุณนายดารินทร์ที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการทำอาหารเย็นในครัว
“หนูกลับมาแล้วค่ะแม่ดา” เด็กสาวเข้าไปสวมกอดคุณนายดารินทร์จากทางด้านหลังอย่างรักใคร่
“มาถึงแล้วหรอลูก วันนี้ตาวิรัตน์แกไปรับพี่ขิมที่กรุงเทพเลยไปรับหนูไม่ได้ แม่เลยวานให้ตาภูไปรับหนูแทน”
“ค่ะคุณแม่ ตอนนี้พี่ภูนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ หนูให้พี่กระปุกเอาน้ำออกไปให้เมื่อตะกี้ อีกสักพักก็คงกลับค่ะ”
“ตายแล้วจะกลับได้ยังไงกันลูก หนูรีบไปชวนตาภูเขาอยู่ทานข้าวเย็นที่บ้านเราก่อนค่อยกลับสิลูก”
“ค่ะแม่ดา”
เอี๊ยดดดดด!! เสียงเหยียบเบรกลากยาวเสียงดังก่อนร่างสูงโปร่งกำยำของชายหนุ่มวัย28ปีจะก้าวลงจากรถอย่างคล่องแคล่ว พลันสายตาก็หันไปเห็นรถยนต์คันหรูของเพื่อนสนิทที่ก่อนหน้านี้เขาเจออยู่ที่ตลาด แต่ทำไมตอนนี้ถึงมาจอดอยู่ที่บ้านเขาได้ ธาราธรได้แต่นึกแปลกใจ
“นี่รถไอ้ภูหนิ มันมาทำอะไรที่นี่อีก” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่ และก็เจอเข้ากับเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ตรงห้องรับแขก
“ไอ้ภู!”
“อ้าว เฮ้ย! ไอ้เขื่อน มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่วะไม่บอกไม่กล่าวกันเลย ไหนแม่ดาบอกว่ามึงมาถึงแล้วแต่ทำธุระอยู่ที่กรุงเทพ ทำไมมาโผล่ที่นี่ได้วะ?!” ภูผาพูดขึ้นอย่างแปลกใจที่จู่ๆเพื่อนของเขาก็กลับมาแบบไม่บอกไม่กล่าว
“ก็เพิ่งมาถึงนี่แหละ แล้วมึงมาทำอะไรที่นี่”
“อ้าว พูดเหมือนกูไม่เคยมาบ้านมึงงั้นแหละ นี่กูก็มาแทบจะทุกวัน ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน มึงนั่นแหละตั้งแต่ไปเรียนที่โน่นก็ไม่ยักจะกลับมาบ้านเลย จนจะจบด็อกเตอร์อยู่ล่ะ กูนึกว่าจะย้ายไปอยู่ที่ฝรั่งเศสซะแล้ว”
“พี่ภูคะแม่ดาบอกว่าให้อยู่ทานข้าวก่อนค่อยกลับคะ..ค่ะ” เด็กสาววิ่งออกมาบอกชายหนุ่มด้วยความเร่งรีบโดยไม่คิดว่าจะมีบุคคลมาใหม่ยืนอยู่ด้วย ชายหนุ่มร่างสูงทอดสายตาคมกริบจ้องมองมายังต้นเสียงใสแจ๋ว และจ้องมองใบหน้าหวานของเด็กสาวที่เขาเจอเมื่อตอนเย็นอย่างไม่วางตา จนเด็กสาวต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาคมกริบนั้นทันทีด้วยความประหม่าจากชายหนุ่มตรงหน้า เมื่อภูผาเห็นเขื่อนมองไปเด็กสาวตรงหน้าอย่างไม่วางตา จึงรีบพูดทำลายความเงียบขึ้นทันที
“เฮ้ยไอ้เขื่อน อย่าบอกนะว่ามึงจำน้องทานตะวันไม่ได้”
“อะไรนะ เธอคือยัยเด็กน้อยตัวภาระครอบครัวฉันเองหรอ โตขึ้นเยอะเลยหนิ่” เขื่อนพูดจบก็ไล่สายตามองเด็กสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้เด็กน้อยแปดขวบในวันนั้น โตเป็นสาวสวยหน้าหวานจนเขาจำแทบไม่ได้ แต่ที่เขาจำได้ไม่เคยเปลี่ยนคือเขาเกลียดยัยเด็กนี่เข้าไส้
“สะ สวัสดีค่ะ คุณเขื่อน” ทานตะวันยกมือเรียวขึ้นไหว้ผู้เปรียบเสมือนพี่ชายอีกคนของเธอ แม้ชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ จะไม่เคยมองเธอเป็นน้องสาวเลยก็ตาม แต่ทานตะวันเองก็ยังเคารพลูกชายของผู้ที่ขึ้นชื่อว่ามีพระคุณกับเธอเสมอ
“หึ!!” เขื่อนแสยะยิ้มมุมปากเบาๆก่อนจะลากสายตามองเด็กสาวตรงหน้านี้อีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะลากสายตามาหยุดอยู่ตรงริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ ที่ตอนนี้เธอกำลังขบเม้มริมฝีปากของตัวเองอยู่ด้วยความประหม่า ก่อนทุกคนจะหันไปตามเสียงเรียกของคุณนายดารินทร์
“ตาเขื่อน!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก ทำไมไม่โทรบอกแม่ก่อนแม่จะได้ทำกับข้าวที่ลูกชอบไว้รอ” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นพร้อมกับโผเข้ากอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ที่ไม่ได้เจอกันนานเป็นเวลาหลายปี เพราะตั้งแต่ธาราธรไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส เขาก็ไม่เคยกลับมาเมืองไทยเลยเพราะเขาทำงานและศึกษาเรื่องทำไวน์อยู่ที่นั่น เป็นเวลา10ปี และที่สำคัญเขาเอาแต่มุ่งมั่นตั้งใจเรียนจนจบปริญญาโทและกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก
“กะว่าจะมาเซอร์ไพรส์แม่ไงครับ แต่ผมซื้ออาหารสดมาเยอะแยะเลยนะครับ เพื่อจะให้คุณแม่ทำกับข้าวอร่อยๆให้กิน ที่สำคัญผมมีของฝากจากฝรั่งเศสมาฝากคุณแม่และทุกๆคนด้วยนะครับ!”
“น่ารักที่สุดเลยลูก” สองแม่ลูกต่างกอดกันกลมเกลียวด้วยความรักและคิดถึง
“เอาล่ะ เย็นนี้อยู่ทานข้าวที่นี่นะภูผา แม่ทำกับข้าวเผื่อเยอะแยะเลยลูก แม่ขอบคุณภูผาด้วยนะที่วันนี้อุตส่าห์แวะไปรับทานตะวันให้แม่”
“ไม่เป็นไรครับแม่ดาผมเต็มใจ ถ้าวันไหนลุงวิรัตน์ไม่ว่างไปรับน้องตะวันคุณแม่โทรบอกได้นะครับเพราะอีกไม่กี่เดือนน้องตะวันก็จะจบแล้วเดี๋ยวผมจะอาสาเป็นคนขับรถให้” ภูผาพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มและพลันสายตาไปมองหน้าเด็กสาวที่เขาแอบรัก
ธาราธรเองก็ได้แต่มองหน้าเพื่อนและจ้องมองเด็กสาวอย่างไม่วางตา อีกทั้งยังนึกในใจว่าทั้งสองคนคงจะแอบมีอะไรกัน และคงจะเกินเลยไปถึงไหนต่อไหนแล้วถึงได้ดูกระหนุงกระหนิงจับมือถือแขนกันแบบนั้น และเมื่อคิดคนเดียวในใจก็พลอยทำให้เขาอารมณ์หงุดหงิดแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
“งั้นเดี๋ยวแม่ให้กระปุกกับแม่น้อมตั้งโต้ะเลยแล้วกันนะลูก จะได้ทานข้าวกัน”
“เดี๋ยวตะวันขอตัวไปจัดโต้ะช่วยพี่กระปุกก่อนนะคะแม่ดา” เด็กสาวพูดขึ้นเพราะไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้ในขณะที่สายตาคมกริบของอีกคนคอยแต่จะจดจ้องมองเธออยู่ตลอด เลยทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
“จ้ะลูก”
หลังจากทุกคนรับประทานอาหารกันเสร็จแล้วภูผาก็ขอตัวกลับทันที ส่วนตะวันก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวอ่านหนังสือต่อ และธาราธรเองก็เดินเลี่ยงขึ้นไปบนห้องนอนห้องเดิมของเขาเพื่อทำธุระส่วนตัวและพักผ่อนเช่นกัน