กลั่นแกล้ง
ตอนที่ 2
หลายเดือนต่อมา ทานตะวันเด็กหญิงตัวน้อยก็ปรับตัวได้บ้างแล้ว ตั้งแต่มาอยู่ที่ไร่ธาราธรทุกคนดีกับเด็กกำพร้าแบบเธอมาก โดยเฉพาะคุณนายดารินท์ที่เอ็นดูลูกสาวของเพื่อนสนิทเหมือนกับลูกสาวของเธออีกคน จะมีก็แต่ธาราธรลูกชายเจ้าของไร่ที่เกลียดเด็กคนนี้และคอยกลั่นแกล้งเธอ ยิ่งเด็กสาวตัวน้อยไม่ตอบโต้และทำหน้าไร้เดียงสาเขาก็ยิ่งเกลียดเด็กคนนี้มากยิ่งขึ้น เพราะเขาคิดว่าเด็กน้อยคนนี้สร้างภาพ และในใจคงจะเกลียดเขามากเหมือนกันแต่ต้องพยายามเก็บไว้ และตอนนี้เด็กนั่นกำลังเล่นขายของอยู่คนเดียวใต้ต้นไม้หลังบ้าน เมื่อเขื่อนเห็นเช่นนั้นก็เดินลู่เข้าไปแกล้งเตะหม้อข้าวหม้องแกงของเด็กน้อยจนพังหมด
ปั่ก ปั่ก เพล้ง!!
เขื่อนใช้เท้าเตะจนของเล่นของเด็กสาวตัวน้อยล้มแตกกระจัดกระจาย
“พี่เขื่อน ทำหม้อข้าวหม้องแกงของตะวันทำไมคะ ดูสิแตกหมดเลย” เด็กน้อยหน้าตาน่ารักนัยตาเศร้าเอ่ยขึ้นเสียงสั่น พลันน้ำตาเอ่อคลอ
“พี่หรอ ฉันไม่ใช่พี่เธอไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ และเธอก็ไม่ใช่น้องฉัน ฉันมีน้องแค่คนเดียวคือยัยขิม!!” เขื่อนพูดตะคอกขึ้นด้วยความโมโห เขาเกลียดเธอแสนเกลียด ยิ่งเห็นในตาเศร้าๆและใบหน้าเศร้าหมองของเธอแล้วเขาก็ยิ่งเกลียดไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
“แต่ของเล่นพวกนี้แม่ดาซื้อให้ตะวันนะคะ พี่เขื่อนทำมันแตกหมดเลย”
“แม่ดาคือแม่ฉัน ไม่ใช่แม่เธอ เธอมันก็แค่เด็กไม่มีพ่อแม่ ตัวภาระของครอบครัวพวกฉัน!!” เขื่อนพูดออกไปด้วยความเกลียดชัง แม้เด็กคนนี้จะมีอายุแค่เพียง8ขวบเท่านั้น แต่เขาก็ยิ่งเกลียดแสนเกลียดเธอ ทานตะวันน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความเสียใจที่ถูกชายหนุ่มด่าและพูดถึงปมด้อยของเธอ ก่อนจะวิ่งหนีออกไปด้วยความเสียใจ
“ฮือ ฮืออ พี่เขื่อนใจร้าย ฮือออ….” เด็กน้อยวิ่งร้องไห้ออกไปโดยไม่ทันมอง จนกระทั่งวิ่งไปชนเข้ากับภูผาเพื่อนบ้านไร่ข้างๆกันกับไร่ธาราธร
ปึ่กกก!!
“โอ้ยยย!!”
“น้องตะวัน!! เจ็บตรงไหนไหม?” ภูผาถามขึ้น
“ไม่เป็นอะไรค่ะ”
“แล้วนี่ตะวันร้องไห้ทำไมครับ แล้ววิ่งหนีอะไรมา”
ภูผาถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเมื่อเด็กน้อยผมเปียที่แสนจะน่ารัก วิ่งหน้าตั้งร้องไห้มาจนชนเข้ากับเขา
“เปล่าค่ะ ตะวันไปก่อนนะคะ” เด็กน้อยรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านเพื่อเข้าห้องไปร้องไห้คนเดียวเหมือนเช่นเคยด้วยความเสียใจ ภูผาได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วง เขาถูกชะตากับเด็กน้อยคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น หน้าตาเธอน่ารัก สดใส แต่แววตาของเธอช่างดูเศร้าเหลือเกิน
“มาที่นี่มีอะไรไอ้ภู” เขื่อนถามขึ้นเมื่อเดินมาเห็นเพื่อนกำลังคุยกับเด็กน้อยคนนั้นอยู่ และเธอได้วิ่งออกไปแล้ว
“มาหาน้องตะวันแต่ยังไม่ได้คุยอะไรเลยน้องก็วิ่งร้องไห้ไปโน่นละ” ภูผาพูดขึ้น ทำให้อีกคนถึงกับคิ้วขมวดว่าเพื่อนของเขามาหาเด็กนั่นทำไม
“มึงมาหายัยเด็กนั่นทำไม”
“พอดีมะรืนนี้ครบรอบวันเกิดกูไง มึงจำไม่ได้หรอ? กูก็เลยกะว่าจะมาชวนน้องขิมแล้วก็น้องตะวันไปงานวันเกิดด้วย แล้วก็กะจะมาชวนมึงด้วยนี่แหละ!”
“หึ ถ้ายัยเด็กตัวภาระนั่นไปด้วย กูก็ไม่ไป” เขื่อนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่งอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“อะไรของมึงวะไอ้เขื่อน จนป่านนี้แล้วมึงจะจงเกลียดจงชังอะไรน้องเขานักหนา ก็ไม่เห็นน้องตะวันเขาจะทำตัวเป็นภาระอะไรให้ ออกจะน่าสงสารมากกว่า”
“ถ้ามึงสงสารก็เอายัยเด็กนั่นไปเลี้ยงเองเลยสิวะ จะได้ไม่ต้องมาเป็นตัวภาระให้กับครอบครัวกู!”
“ก็ได้นะ ถ้าแม่ดายกให้ คุณแม่คงจะรับเลี้ยงเด็กน่ารักๆอย่างน้องตะวันแน่นอน”
“หึ!” เขื่อนแสยะยิ้มมุมปาก
“ตกลงถ้าว่างมึงก็พาน้องๆไปนะ อาทิตย์หน้ามึงก็จะไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสแล้ว คงอีกนานกว่าเราจะได้เจอกัน เดี๋ยวกูจะไปขออนุญาตแม่ดาอีกทีก่อน”
“อืมม” ภูผาและเขื่อนพูดคุยกันสักพักก่อนจะเข้าไปขออนุญาตคุณนายดารินทร์เพื่อไปงานวันเกิดในวันระรืนนี้
เมื่อช่วงเย็นทานตะวันเดินไปหลังบ้าน เพื่อไปเก็บของเล่นที่เขื่อนทำแตกเมื่อตอนกลางวัน ชิ้นไหนที่ยังใช้ได้เธอก็จะเก็บเอาไว้เล่นอีก ส่วนชิ้นไหนแตกเธอก็จะเก็บใส่ถุงไว้ต่างหาก ก่อนจะเดินลัดเลาะมาทางด้านสวนหลังบ้าน ด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย โดยไม่รู้ว่ามีสายตาเกลียดชังของอีกคนจับจ้องอยู่ตรงหน้าระเบียงชั้นบน เด็กน้อยเดินขึ้นมาบนบ้านเบาๆ ก่อนจะมีคนมากระชากถุงหม้อข้าวหม้องแกงที่อยู่ในมือออกไป
“คุณเขื่อน เอาของตะวันมานะคะ ตะวันจะเอาไปเก็บไว้ค่ะ” เด็กสาวพูดขึ้นพลันก้มหน้ามองพื้น โดยไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับคนตัวโต
“ถ้าฉันไม่ให้แล้วจะทำไม ก็แค่ของเล่นเน่าๆที่แตกพังไปหมดแล้ว เธอจะเก็บมาไว้ให้รกบ้านของฉันทำไม”
“แต่แม่ดาซื้อให้ตะวันนะคะ ตะวันจะเอาไปเก็บไว้ค่ะ”
“เก็บไว้หรอ .. ได้!! งั้นก็ไปเก็บเอาข้างล่างแล้วกัน!” พูดเสร็จชายหนุ่มก็เดินเข้าไปกระชากเอาถุงหม้อข้าวหม้อแกง และเดินปรี่เข้าไปในห้องมุ่งตรงไปที่ระเบียงพร้อมจะเขวี้ยงถุงหม้อข้าวหม้อแกงเพื่อจะโยนทิ้ง เด็กน้อย8ขวบก็วิ่งไปยื้อยุดฉุดกระชากถุงกลับมา จนเผลอโดนคนตัวโตกว่าผลักเต็มแรงจนล้มลงไปกระแทกพื้น
“นี่มันอะไรกันคะพี่เขื่อน ทำไมทำน้องแบบนี้คะ” ขิมน้องสาวเพียงคนเดียวของชายหนุ่มพูดขึ้น เมื่อเข้ามาเห็นพี่ชายผลักทานตะวัน
“หึ สมน้ำหน้า!!” เขื่อนพูดเสร็จแล้วก็เดินหนีทันทีอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับสิ่งที่ตัวเองทำ ยิ่งเด็กน้อยคนนั้นทำหน้าตาเศร้าสร้อยและร้องไห้เท่าไหร่เขาก็ยิ่งเกลียดมากขึ้นเท่านั้น
“เป็นอะไรหรือป่าวน้องตะวัน เจ็บตรงไหนไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ขิม”
“พี่เขื่อนทำเกินไป แบบนี้พี่ต้องบอกคุณแม่คุณพ่อ”
“ยะ อย่านะคะพี่ขิม อย่าบอกแม่ดานะคะ”
“ทำไมล่ะตะวัน พี่เขื่อนทำนิสัยไม่ดีแบบนี้กับตะวันนะคะ พี่ต้องบอกคุณแม่”
“ฮึก! ตะวันไม่อยากให้คุณเขื่อนเกลียดตะวันค่ะ ถ้าพี่ขิมบอกแม่ดา แม่ดาต้องไปดุคุณเขื่อน และคุณเขื่อนก็จะยิ่งเกลียดตะวันไปมากกว่านี้ค่ะ ฮือออ” ทานตะวันพูดขึ้นพร้อมกับน้ำตาไหลอาบสองแก้ม เด็กสาวไม่อยากจะเป็นตัวปัญหาให้เขาต้องทะเลาะกับผู้เป็นแม่
“งั้นก็ได้ ครั้งนี้พี่จะไม่ไปบอกคุณแม่ก็ได้ แต่ถ้าครั้งหน้าพี่ขิมจะไม่ทนแล้วนะ เพราะพี่เขื่อนทำตัวนิสัยไม่ดีพี่ไม่ชอบเลยแบบนี้”
“ค่ะพี่ขิม”
“พี่จะมาชวนน้องตะวันไปงานวันเกิดพี่ภูผาวันมะรืนนี้ ตะวันไปด้วยกันนะ พี่ภูผาฝากพี่ชวนตะวันไปด้วย”
“เอ่อ..ตะวันขอไม่ไปได้ไหมคะ เดี๋ยวตะวันจะเขียนการ์ดอวยพรฝากไปให้คุณภูผาค่ะ”
“เพราะพี่เขื่อนใช่ไหมตะวันถึงไม่อยากไป” เด็กสาวถามขึ้นแม้จะพอรู้ๆเหตุผลที่เด็กน้อยคนนี้จะไม่อยากไปก็ตาม
“เอ่อ…คือ..”
“เอาเป็นว่าพี่เข้าใจตะวันนะคะ งั้นตะวันอย่าลืมเตรียมการ์ดอวยพรไว้ให้พี่ภูผานะ เดี๋ยวพี่ขิมจะเป็นคนเอาไปให้เอง โอเคไหม??”
“โอเคค่ะพี่ขิม” เด็กสาวทั้งสองต่างโผเข้ากัดกันด้วยความรัก ขิมเองก็รักและเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้เหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่งของเธอ
~2 อาทิตย์ต่อมา~
วันนี้ธาราธรต้องเดินทางไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสทุกคนในครอบครัวต่างเดินทางมาส่งชายหนุ่มที่สนามบิน รวมทั้งเด็กน้อยนัยตาเศร้าคนนี้ด้วย
“ไปอยู่ที่โน่นดูแลตัวเองดีๆด้วยนะลูก โทรหาแม่บ่อยๆด้วยนะแม่คงคิดถึงเขื่อนแย่เลย” คุณนายดารินทร์โผเข้ากอดลูกชายด้วยความรัก เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่ได้ห่างกันไกลๆเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้เขื่อนจบม.6แล้วจึงต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ เพื่อจะได้กลับมาสานงานต่อที่ไร่องุ่นแห่งนี้แทนผู้เป็นพ่อ
“แม่ก็ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะครับ คุณพ่อด้วยนะครับ ยัยขิมก็ด้วยดูแลคุณพ่อคุณแม่ดีๆล่ะ”
“รับทราบค้าคุณพ่อคนที่สอง” เด็กสาวผู้เป็นน้องโผกอดผู้เป็นพี่ชายด้วยความรัก จากนี้คงอีกนานกว่าจะได้เจอกัน พลันสายตาของชายหนุ่มก็เหลือบไปมองเด็กน้อยนัยตาเศร้า ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาก่อนจะหันหลังเตรียมตัวไปขึ้นเครื่องเพราะจวนจะได้เวลาแล้ว
“คุณเขื่อนคะ!” เด็กน้อยวัยแปดขวบเรียกชื่อชายหนุ่มขึ้น ก่อนเขาจะหยุดชะงักและหันกลับมามองทางต้นเสียง
“ตะวันเขียนการ์ดอวยพรให้คุณเขื่อนค่ะ” พูดเสร็จเด็กสาวก็ยื่นการ์ดให้กับชายหนุ่มตรงหน้าที่มองเด็กน้อยคนนี้อย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
“รับไปสิลูก น้องอุตส่าห์เขียนอวยพรให้” คุณนายดารินทร์พูดขึ้น เพื่อให้ลูกชายรีบรับการ์ดอวยพรของทานตะวันเด็กน้อยที่เขารักเหมือนลูกอีกคน
“เอามา! เสียเวลาฉันจริงๆ!!” เขื่อนรีบกระชากการ์ดอวยพรในมือของตะวันอย่างไม่ค่อยพอใจก่อนจะรีบเดินออกไปทันทีอย่างอารมณ์เสีย
“อย่าถือสาพี่เขื่อนเลยนะลูก พี่เขาก็เป็นแบบนี้แหละ”
“ค่ะแม่ดา” เด็กน้อยตอบรับด้วยใบหน้าเศร้าๆ ก่อนทุกคนจะเดินทางกลับไร่ธาราธรทันที