บทที่ 06 น่าหมั่นไส้
"เดี๋ยวนะ ทำไมเราต้องถ่อมากินข้าวถึงที่นี่เลยวะ" ฉันเงยหน้าจากข้าวราดแกงที่กำลังเขี่ยไปเขี่ยมาหลายนาที แล้วกวาดสายตามองรอบโรงอาหารคณะวิศวกรรมศาสตร์หลังจากที่ถูกยายซินดี้ลากมาทานถึงที่นี่ ทั้งที่สองปีที่เรียนมาก็วนเวียนอยู่แต่ในโรงอาหารนิเทศทุกวัน
"เปลี่ยนบรรยากาศไงมึง ทานแบบเดิม ๆ มึงไม่เบื่อบ้างเหรอ?" ฉันจะไม่อะไรเลยหากในตอนที่มันพูดแล้วไม่ยกยิ้มกริ่มและแววตาเปี่ยมไปด้วยความสุขล้นจนออกนอกหน้า แน่นอนว่าคำพูดของมันก่อนหน้าดูไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิดเดียว
"เอาความจริง" ฉันจ้องหน้าเพื่อนเขม็ง สุดท้ายซินดี้ก็ยอมถอนหายหายใจแล้วเล่าความจริงออกมา
"กูอยากมาหาพี่เปเปอร์"
"นั้นไง กูว่าละ" โอโซนตบโต๊ะฉาดเสียงดังลั่น แม้แต่ฉันก็ยังตกใจที่อยู่ ๆ มันก็ทำหน้าเหมือนรู้อะไรบางอย่างชี้นิ้วใส่ซินดี้ พร้อมหรี่ตาลงอย่างกับตำรวจที่กำลังสอบสวนผู้ร้ายในละคร
"เมื่อคืนมึงถึงได้ดี๊ด๊าที่ได้อยู่อู่ซ่อมรถพี่เปอร์ กูเข้าใจถูกใช่ปะ!?"
"กะ ก็…" ซินดี้หลบหลีกสายตาคู่สวย บิดเขินตัวม้วนถ้าเป็นผ้าเปียกก็คงไม่ต้องเสียเวลาตากแห้ง อาการนี้เดาไม่ยากเลยว่าคงมีซัมติงอะไรบางอย่างกับพี่เปเปอร์แน่นอน
"เล่ามาค่ะ ไม่ต้องทำตัวเขินเหมือนเพิ่งมีผัวคนแรก"
"พี่เขาเป็นเพื่อนพี่เซนต์สมัยเรียนมัธยม ไม่ได้เจอกันนานมาก จนเมื่อคืนได้เจออีกครั้ง หัวใจก็ยังเต้นแรงเหมือนเดิม"
"มึงอย่าบอกนะว่าป๊อปปี้เลิฟอะ"
"ก็ประมาณนั้น" ยายซินดี้แทบจะบิดตัวเป็นเกลียวในตอนตอบคำถาม เชื่อแล้วว่ามันคงจะชอบจริง ๆ เพราะตอนตอบใบหน้าสวยก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ปริ่มไปด้วยความสุขหรือจะเรียกว่าคลั่งรักเขาเลยก็ว่าได้
"กูว่าพระแม่ลัดคิวเริ่มทำงานให้มึงอีกคนละว่ะ" โอโซนว่าจบก็ส่ายหน้า ในขณะที่ยายซินดี้ก็ยังพร้ำเพ้อถึงชายในฝันไปไกล อาการหนักชนิดที่กู่กลับมาไม่ทัน แต่ฉันกลับเอะใจกับประโยคที่เพื่อนเพิ่งพูดจบไป
"พระแม่ทำงานให้อีกคน แปลว่าพระแม่ก็ทำงานให้มึงละเหรอ?" ฉันถามในสิ่งที่สงสัย
"ให้มึงต่างหาก"
"กูเนี่ยนะ?" ทำตอนไหน ทำไมฉันไม่ยักจะรู้เรื่องเลยสักนิด
"ก็พี่เซฟไง"
"ไอ้พี่เซฟเนี่ยนะ ไม่ใช่ละ" ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่เห็นจะมีตรงไหนเข้าข่ายสิ่งที่ฉันเลยสักนิดยกเว้น รูปหล่อ หน้าตาดี ฟีลอปป้าเกาหลี และรวยด้วยมั้งเพราะขับถึงเฟอร์รารี่รุ่นลิมิเต็ดไม่กี่คันบนโลก...ก็แค่นั้น
"แต่กูว่าใช่"
"ไม่ใช่!!" ฉันจ้องยายโอโซนตาขวาง
"เออ แล้วแต่มึงเถอะ เสียงแข็งให้ตลอดรอดฝั่งแล้วกัน" จนสุดท้ายมันก็ยอมปล่อยฉันไปแล้วหันมาโฟกัสกับคนเหม่อลอยต่อ
"ว่าแต่มึงเหอะ เอาไง...จะจีบพี่เขา?" สิ้นคำถามนั้นยายซินดี้ก็หลุดจากภวังค์ความฝันชั่วครั้งชั่วคราว แล้วมันก็ทำหน้าครุ่นคิดไปตามคำถามที่ถูกยิงถาม
"เออว่ะ เอาไงดีวะ มึงว่ากูจีบพี่เขาเลยดีปะ?"
"แล้วที่มึงลากพวกกูมาไม่ใช่เพราะอยากจะจีบเขาหรือไง?" ฉันถามมันกลับ วิศวะกับนิเทศไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือติดกันเลยสักนิด ออกจะห่างกันคนละฟากเลยด้วยซ้ำ ทำขนาดนี้ฉันก็เข้าใจว่ามันอยากจะจีบเขาแต่แรก
"เปล่า…ตอนแรกแค่คิดว่าได้เห็นหน้าก็พอแล้วไง แต่พอยายโซนถามแบบนี้กูก็เริ่มคิดขึ้นมาแล้ววะ"
"แปลว่ามึงจะจีบเขาจริง ๆ?"
"ใช่ เริ่มตั้งแต่วันนี้เลย" อยู่ ๆ สายตาของยายซินดี้ก็เปลี่ยนเป็นคนละคน มันดูมุ่งมั่นและฮึกเหิมชั่วพริบตาเดียว ให้ตายเถอะ…มันมาถึงจุดที่จะต้องตามจีบผู้ชายเองแล้วเหรอ ทั้งที่ผ่านมามันล้วนแต่เป็นฝ่ายที่ถูกเขาตามจีบไม่หยุด ถูกแจกขนมจีบเป็นว่าเล่น เดี๋ยวคนนู้นทีคนนี้ทีไม่ซ้ำหน้าแต่ก็ทิ้งเขาเป็นว่าเล่นเช่นกัน
"พวกมึงต้องช่วยกูด้วยนะ กูจะไม่ยอมปล่อยรักแรกกูไปอีก"
"แล้วพวกกูไปเกี่ยวอะไรด้วย?" ฉันเลิกคิ้วถามมัน ถ้าผู้ชายจะชอบหรือไม่ชอบ พวกฉันจะไปทำอะไรได้
"ชงเข้ม ๆ ไม่ก็สร้างสถานการณ์ไงเพื่อนรัก"
"มึงจริงจังเลยใช่ไหมซิน"
"คนนี้พ่อของลูก"
"เชี่ย…" ฉันไม่เคยเห็นซินดี้จริงจังกับความรักขนาดนี้มาก่อนเลย ที่ผ่านมาก็รัก ๆ เลิก ๆ ทิ้งผู้ชายว่าเล่น
"มานู้นแล้วมึง…" ฉันมองตามสายตาของยายโอโซนที่กำลังบุ้ยปากตรงไปข้างหน้า ยายซินที่นั่งตรงข้ามก็หันหลังมองตามคอแทบหัก เราสามคนจึงเห็นกลุ่มกลุ่มหนึ่งที่เดินเรียงแถวมาพร้อมหน้า อย่างกับกลุ่มนักร้องวงบอยแบนด์เกาหลีที่คัดหน้าตาจัดตั้งวงขึ้นมา เพราะพวกเขาทุกคนล้วนหน้าตาดีมีทั้งหมดสี่คนละลานตาจนไม่รู้จะจับจ้องใครก่อนดี
แต่คนยืนกลางของวงดันเรียกสายตาฉันเป็นอย่างดีเลยทีเดียว ถึงจะหล่อในแบบที่ฉันชอบมากแต่จุดประสงค์ที่ฉันมองไม่ใช่เพราะความหล่อเลยสักนิด แต่เพราะฉันไม่ชอบเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอต่างหาก พอเห็นเจ้าตัวสายตาก็พร้อมจะกลอกตาใส่และบึนปากออกมาอัตโนมัติ
ใช่…ฉันหมายถึงไอ้พี่โจเซฟนั้นแหละ มีคนเดียวที่ทำให้ฉันไม่ชอบหน้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอได้ ไม่ต้องถึงห้านาทีเหมือนผู้ชายทั่วไปที่ฉันตัดสิน แต่สำหรับเขาแค่เสี้ยววิด้วยซ้ำฉันก็ฟันธงได้เลยว่าฉันไม่ชอบและเป็นคนไม่ดีแน่นอน!
"เชี่ย…หล่อฉิบหาย" ยายโอโซนอ้าปากหวอ ยังจดจ้องกลุ่มคนหล่อเหล่านั้นตั้งแต่เขาย่างกรายเข้ามาในโรงอาหาร จนใกล้จะเดินมาถึงโต๊ะของเรามันก็ยังมองเขาไม่เลิก
"อย่างกับเทพบุตรเดินได้" ซินดี้ก็เอากับเขาด้วยอีกคน เว่อร์กันไปเองทั้งนั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็คงจะไม่ใช่แค่พวกมันสองคนที่มอง เพราะตอนนี้เกือบทั้งโรงอาหารก็พากันจับจ้องพวกเขาอาการไม่ได้ต่างจากเพื่อนฉันสักเท่าไหร่ แม้แต่ผู้ชายด้วยกันเองก็ยังมองตามสายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม
"กูเรียกพี่เขามานั่งด้วยมึงว่าดูแรดเกินไปปะ?" ยายซินรีบหันขวับกลับมาถามก่อนพวกเขาจะมาถึง แน่นอนว่าฉันกับโอโซนตอบพร้อมกันโดยไม่ต้องผ่านสมอง
"แรด!"
"พี่เปอร์!" เสียงของฉันและโอโซนฟังดูไม่มีค่าพอให้มันเชื่อถือ พอมันได้ยินเราตอบจบก็รีบหันไปโบกไม้โบกมือเรียกพี่เปเปอร์ให้หันมามองทันที
"แล้วมันจะถามเราทำไมวะ" คนนั่งข้างฉันกระซิบถามเสียงเบา ซึ่งฉันเองก็พยักหน้ารับไม่เข้าใจมันเหมือนกัน
"เอ้าซิน…ทำไมมาอยู่นี่ได้" พี่เปอร์ที่โดนเรียกมาแต่ไกลก็ตรงบึ่งมาโต๊ะที่เรานั่ง แต่ไม่ได้มาคนเดียวเขากลับพกกลุ่มของเขามากันครบทีม หนึ่งในนั้นก็มีไอ้พี่โจเซฟที่จ้องมาที่ฉันสายตาราบเรียบ แต่ฉันกลับเบือนหน้าหนีไม่อยากจะมองให้รกลูกตา
"เห็นเขาบอกว่าที่นี่อาหารอร่อย ซินอยากมาลอง" เขาไหน…ใครบอก ไม่มีใครเลยสักคน เพื่อนรักของฉันแสดงเก่งที่สุดเลย อยากจะปรบมือให้
"แล้วอร่อยจริงไหม?" พี่เปอร์ถามกลับ ทำเอาซินดี้เริ่มหน้าแดงก่อนจะตอบกลับเขาเสียงหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าเลยทีเดียว
"ก็ดีนะคะ ซินชอบ"
"มึงว่าเขาคุยกันเรื่องข้าวอยู่ใช่ไหมวะ?" โอโซนกระซิบถามฉันเป็นครั้งที่สอง คำถามนี้ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ยายนี่กำลังบอกชอบกับข้าวหรือชอบพี่เขากันแน่ เริ่มไม่แน่ใจ…
"พวกพี่มีโต๊ะยัง นั่งด้วยกันไหมคะ โซนอยากอัปเดตเรื่องรถด้วย" อยู่ ๆ ยันโซนก็เปลี่ยนไปอีกคน มันหันไปคุยกับกลุ่มพี่เปเปอร์แล้วชวนเขานั่งโดยไม่ปรึกษาเพื่อนเลยสักนิด
"ได้ดิ ขอไปซื้อข้าวก่อน เดี๋ยวมา" แล้วพวกขายาวทั้งหลายก็พากันเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ฉันคนเดียวที่ยังไม่ได้ออกความเห็นรีบจ้องยายโอโซนเพื่อคาดโทษทันที
"ก็ไอ้ซินมันเขี่ยเท้ากูไม่หยุดเลย ก็ต้องช่วยแล้วไหม" โอโซนรีบอธิบาย ฉันจึงเปลี่ยนสายตาจากคาดโทษโอโซนแล้วมองซินดี้แทน
"มึงไม่อยากช่วยให้กูสมหวังเหรอ นั้นว่าที่พ่อของลูกกูเลยนะ" คนตรงข้ามกระพริบตามองปริบ ๆ พยายามจะออดอ้อนอ้อนวอนทางสายตาเพื่อให้ฉันยอมง่าย ๆ
"กูช่วยมึงได้ แต่เอาแค่ตอนที่พี่เปอร์อยู่คนเดียวไม่ได้หรือไงวะ" กูไม่ชอบหน้าพี่เซฟ นั้นคือสิ่งที่ฉันต้องการอยากจะบอกมันที่สุด
"พวกเขาตัวติดกันจะตาย นะ…มิวนะ ช่วยกูหน่อยนะ พลีส…" มือบางเอื้อมมาจับมือฉันไว้แล้วทำในสิ่งที่ฉันต้องขนลุก คือกุมมือมาแนบข้างแก้มมันจนฉันต้องชักมือออก
"เออ…ทำอะไรก็ทำ แต่อย่าทำแบบนี้ กูขนลุก"
"รักมิวสิคที่สุดเลย" แล้วมันก็ยังไม่หยุดทำในสิ่งที่ฉันห้าม ทำเอายายโอโซนระเบิดหัวเราะชอบใจ แล้วเพียงไม่นานต่อจากนั้น กลุ่มคนขายาวหน้าตาดีก็กลับมานั่งร่วมโต๊ะพร้อมถือจานข้าวคนละจาน
พี่เปอร์ทำการแนะนำเพื่อนของเขาและเพื่อนของเราให้รู้จักกัน โดยตำแหน่งการนั่งคือซินดี้ พี่เปอร์ และพี่เซฟอยู่ฝั่งเดียวกันคือฝั่งตรงข้ามฉัน ส่วนข้าง ๆ ฉันก็เป็นพี่สายลมและพี่กัปตันเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับพี่เปเปอร์ที่ตามมานั่งด้วย
"ส่วนเรื่องรถเราน่ะ สุดท้ายคือยางรั่วนะ เหมือนจะเป็นเศษแก้วแตกที่ทำให้มันรั่ว นอกจากล้อนั้นแล้วล้อหน้าซ้ายก็เหมือนจะโดนไปด้วยพี่เลยเปลี่ยนให้ทั้งสองเส้น"
"ถ้างั้นพี่ก็คิดราคาเพิ่มมาได้เลย เมื่อคืนเราตกลงกันแค่ล้อหลังที่รั่วเอง"
"ไม่เป็นไร ถือว่าพี่เปลี่ยนให้ฟรี สิทธิพิเศษ" โอโซนยิ้มกว้างปากแทบฉีกเมื่อได้ยินคำว่าฟรี ยายงกเป็นทุนเดิมออกนอกหน้าจนน่าหมั่นไส้ ยิ่งได้ยินคำว่าฟรีก็หูผึ่งขึ้นมา ขณะที่ฉันนั่งทานข้าวอยู่เงียบ ๆ ก็รู้สึกถึงสายตาใครบางคนที่กำลังมองมา ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นก็เห็นเป็นพี่เซฟที่จดจ้องฉันตลอดเวลา
มองอะไรนักหนา!
ฉันกลอกตาใส่เขาแล้วเบือนหน้าออก ไม่วายจะเห็นไอ้พี่เซฟระบายยิ้มออกมากับท่าทางของฉัน ทำให้เพราะเบื่อขี้หน้าแต่เขากลับชอบใจเสียอย่างนั้น
ประสาท!
"ต่อไปอย่าไปเส้นนั้นอีกล่ะ ถ้าไอ้เซฟไม่ไปเจอ ป่านนี้จะเป็นยังไง" พี่เปอร์หันไปทำหน้าดุใส่ซินดี้ แต่ทำไมมันกลับดูละมุนละม่อมไม่เหมือนคนที่อยากจะดุจริง ๆ เลยสักนิดเดียว
"รู้แล้วค่า ขอบคุณนะคะพี่เซฟที่จอดช่วย"
"ไม่เป็นไรครับ"
ไม่เป็นไรครับ…หึ เก็กเป็นบ้าเลย คิดว่าตัวเองหล่อมากเลยหรือไงกัน
"พี่เซฟคะ…" บทสนทนาของคนบนโต๊ะเงียบลงเมื่อมีใครอีกคนที่เดินมาจากข้างหลังพี่เซฟ ก่อนจะฉีกยิ้มหวานแล้วบิดตัวไปมาไม่ยอมพูดอะไรออกมาเสียที
"ครับ?"
"คะ คือ…หวานให้ค่ะ" กว่าจะพูดแล้วยื่นของขวัญออกมาได้ยายผู้สาวคนนี้ทำฉันแทบกลั้นหายใจตามไปด้วย
"ขอบคุณครับ" พอไอ้พี่เซฟยื่นมือไปรับ ยายหวานอะไรนั้นก็รีบก้มหน้าเดินหนีออกไปทันที จะว่าเธอดูขี้อายก็พูดได้ไม่เต็มปาก คนขี้อายประสาอะไรเอาของมาให้ในตอนที่มีคนอยู่เยอะแบบนี้ แถมยังกลางโรงอาหารคณะอีก ดูก็รู้แล้วว่าแอ๊บเขินแน่นอน
"น่าหมั่นไส้" ฉันเบะปากกล่าวเสียงเบา ๆ แล้วหันหน้าหนีออกมา แน่นอนว่าคนอื่นนั้นไม่ทันได้ยินเสียงแขวะของฉัน ทว่าคนที่นั่งข้าง ๆ อย่างยายโอโซนกลับเลิกคิ้วมองหน้าฉันเพราะมันได้ยิน
"ฮอตฉิบหายเลยครับคุณโจเซฟ" พี่กัปตันยิ้มล้อเลียนเพื่อนที่ได้รับของขวัญ ทว่าเขากลับไม่ได้ทำเหมือนตื่นเต้นแถมยังยื่นของขวัญให้พี่สายลมอีกต่างหาก
"กูให้"
"อะไรของมึง เขาให้มึงไม่ได้ให้กู" พี่สายลมดันคืนกลับสู่เจ้าของ แต่พี่เซฟก็ดันกลับไปใหม่ยื้อกันไปมาแบบนั้น
"ไอ้ลมมึงก็รับ ๆ ไปเถอะ ไอ้เซฟมันไม่ชอบผู้หญิงผมสั้น แต่มันชอบผู้หญิงผมยาวหน้าหวานมากกว่า" ถ้าฉันไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองพี่เปอร์พูดจบก็มองหน้าฉัน แล้วยกยิ้มกริ่มทำเหมือนว่าคนที่เขาพูดถึงนั้นคือฉัน
"เออว่ะ สเปกมันคนจะอยู่แถว ๆ นี้นี่แหละ…" พี่กัปตันร่วมพูดด้วย สายตามาหยุดอยู่ที่ฉันอีกคน พวกเขากำลังสื่อถึงอะไรกันแน่…