หยุมหัว
ตอนที่ 2 หยุมหัว
“แก นังโรสรินทร์!!”
“ทำไม แกจะทำไม!!?”
“ถ้าสวยจริงต้องมีผัวเป็นของตัวเองสิ ไม่ใช่ใช้ความสวยแย่งผัวคนอื่น”
“หยุดพูดไร้สาระเดี๋ยวนี้นะเชอร์รี่ !!” เสียงทุ้มของแทนไทพูดขึ้นขัดจังหวะ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างชะงักนิ่งไปทันที เขาเองก็ตกใจไม่แพ้คนอื่น ๆ เช่นเดียวกัน เพราะไม่คิดว่าแฟนสาวของตัวเองที่ไปเรียนต่อต่างประเทศจะกลับมาโดยไม่แม้แต่จะบอกเขาล่วงหน้าแบบนี้
“นี่มันอะไรกันคะพี่แทน ที่ยัยปากปีจอนี่พูดมันหมายความว่ายังไง?” โรสรินทร์พูดขึ้น ดวงตากลมโตจ้องหน้าชายหนุ่มนิ่งเพื่อรอฟังคำตอบ
“นั่นสิคะ พูดมาเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ที่ยายเพิ้งนี่พูดมันหมายความว่ายังไงกันแน่!!” คราวนี้กชกรพูดขึ้นบ้างอย่างเหลืออด พลางจ้องหน้าชายหนุ่มเพื่อรอคำตอบ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงยืนอ้ำอึ้งอยู่กับที่
“นั่นสิ พูดมาเลยว่าที่นังเงินกู้รายวันนี่พูด มันหมายความว่าไง!!” พอลล่าพูดแทรกขึ้น
“ใคร แกว่าใครเงินกู้รายวันไม่ทราบ” เชอร์รี่เอ่ยขึ้น
“ก็แกไง เห็นดอกเยอะ! ฉันก็นึกแกเป็นพวกเงินกู้รายวันไง คิก คิก!!” พอลล่าหัวเราะคิกคักชอบใจ พลางเบะปากใส่อีกคนอย่างหมั่นไส้
“แอร๊ยยยยย!! อีบ้า อีปากเสีย!!”
“พูดมาเลยดีกว่าค่ะพี่แทน ตกลงว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่” คราวนี้โรสรินทร์เป็นคนเอ่ยขึ้น ดวงตากลมโตวูบไหวจ้องมองผู้ชายที่เธอเรียกว่าแฟนมาเป็นปี ๆ อย่างตั้งใจรอฟังคำตอบ
“จะหมายความว่ายังไงล่ะ ก็หมายความว่าแทนเป็นผัวฉันไง ส่วนแกมันก็เป็นแค่ของเล่นแก้เบื่อเพื่อรอเวลาให้เมียตัวจริงอย่างฉันกลับมายังไงล่ะ อีโง่!!”
“แกสิโง่!! อีสมองไขปลาทูเค็ม หัดบำรุงสมองหน่อยน๊ะจ๊ะ อย่าบำรุงแต่หนังหน้า ถ้าฉลาดจริงแกคงไม่โง่ปล่อยให้ผัวตัวเองแอบมากิ๊กกับเพื่อนฉันเป็นปี ๆ แบบนี้หรอก ก็อย่างว่าแหละ ก็เพื่อนฉันสวยออกขนาดนี้ ผู้ชายที่ไหนจะไม่รักไม่ชอบล่ะ ว่าไหมจ๊ะ..?”
“แก!! อีกระทิงปากปีจอ!!”
“อ๊ายยยย!! อีเขียงปลวกแทะ ถ้าแกว่าฉันอีกระทิงอีกแม้แต่คำเดียว ฉันตบปากฉีกแน่!!” พอลล่าพูดขึ้นเสียงดังลั่นอย่างเกรี้ยวโกรธ
“ฉันจะพูด แล้วแกจะทำไมห๊ะ !”
“ฉันก็จะตบปากแกเอาให้กินไก่ไม่ได้อีกเลยไง อีตัวกินไก่!!”
“อร๊ายยย อีบ้า แน่จริงก็เข้ามาสิ แกมีมือคนเดียวหรือไง อีกระเทยเถื่อน!!”
“มาสิยะ พร้อมบวกตลอด มาสิ มา หนอยแน่ะ! ปากดีจริ๊ง! นอกจากปากแล้วก็ไม่มีอะไรดีเลย ชะนีชั้นต่ำ!” พอลล่าพูดขึ้นอย่างเดือดดาล ประกอบกับท่าทางที่พร้อมบวกอีกฝ่ายอย่างเต็มที
“อ๊ายยยย!! แก อีตุ๊ด แก!!” เชอร์รี่ตั้งท่าจะเข้าไปทำร้ายอีกฝ่าย โดยที่พอลล่าเองก็ตั้งท่าจะเดินเข้าไปหมายจะสั่งสอนผู้หญิงปากดีอย่างเชอร์รี่เช่นกัน แต่แทนไทดันกระชากตัวเชอร์รี่ออกมาซะก่อน
“หยุดพูดได้แล้วเชอร์รี่ มากับผมเดี๋ยวนี้!!” มือหนาของแทนไทเอื้อมเข้าไปฉุดกระชากข้อมือของหญิงสาวที่มีนามว่าเชอร์รี่ ก่อนจะออกแรงดึงฉุดกระชากจนร่างของเธอแทบจะกระเด็นไปตามแรงฉุดนั้น
“ปล่อยนะคะแทน เชอร์จะไปตบมัน เชอร์จะไปตบสั่งสอนอีนั่น ปล่อย!!” เสียงแหลมเล็กจนแสบแก้วหูของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมพยายามขัดขืนและรั้งตัวเองเอาไว้
“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้เลยทั้งสองคน!!”
โรสรินทร์พูดเค้นเสียงขึ้นมาอย่างโกรธจัด พร้อมกับถอดรองเท้าส้นสูงออกและหยิบยกมันขึ้นมาชี้หน้าให้ทั้งสองคนที่กำลังจะเดินออกไปให้หยุด ก่อนทุกคนจะหยุดและหันไปมองที่เธอเป็นตาเดียว
ผู้คนที่อยู่ในงานปาร์ตี้ต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจับจ้องมองมาด้วยความสนใจ ทุกคนเริ่มซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปาก บางคนก็หยิบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปถ่ายคลิปบันทึกเหตุการณ์เอาไว้
“กะ แก แกจะทำอะไร?” เชอร์รี่พูดขึ้นมาเสียงสั่นประกอบกับสีหน้าท่าทางที่ดูตกใจไม่น้อย เช่นเดียวกันกับแทนไทที่ชะงักนิ่งงันไปจนแทบจะพูดอะไรไม่ออก
“ราดไวน์ใส่ฉัน แล้วเธอคิดจะเดินหนีไปง่าย ๆ อย่างงั้นเหรอ…?” โรสรินทร์แค่นยิ้มเยาะ ก่อนจะพูดประโยคถัดมา
“แล้วคนอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นของเล่นของใคร เหมือนแก อีป้า!”
“แก… แกกล้าว่าฉันป้าอย่างงั้นเหรอ !!”
“กล้าสิ!”
โรสรินทร์พูดขึ้นเสียงดังดวงตาแข็งกร้าว พร้อม ๆ กับก้าวเดินเข้าไปหาคนตรงหน้าอย่างช้า ๆ สายตาจับจ้องที่ใบหน้าของคนสองคนสลับกันด้วยอารมณ์โกรธจัด
“และฉันก็กล้าตบแกด้วย !!”
ป๊าบ! ปั๊วะ!!
โรสรินทร์ใช้รองเท้าส้นสูงตบเข้าที่ใบหน้าเชอร์รี่เต็มแรงจนร่างเธอเซถลาไปด้านหลัง ประกอบกับมือของเธอสั่นเทาไปด้วยความโกรธ
“อร๊ายยย อีโรส!! แกมันเริศ ตบมันค่ะ ตบมั้นนน!!” พอลล่าและกชกรพูดขึ้นพร้อมกัน พลางร้องเชียร์เพื่อนสาวอย่างถึงพริกถึงขิง
“กรี๊ดดดดดด แก…แกกล้าตบฉันเหรอ!!”
“ก็บอกว่ากล้าไง ถามอะไรนักหนา หน้าอย่างแกไม่เหมาะกับรองพื้นหรอก เหมาะกับรองเท้าของฉันมากกว่า!!” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยออกมาอีกครั้งอย่างไม่เกรงกลัว พลางจ้องหน้าอีกคนอย่างท้าทาย
“แกตายแน่ !!” เธอตะโกนลั่น พร้อมสะบัดมือของแทนไทออกจากการเกาะกุม ก่อนจะพุ่งเข้าหาหมายจะทำร้ายโรสรินทร์
“อร๊ายยย ยัยโรสระวังนะ!!” กชกรตะโกนขึ้นจนสุดเสียง
“แน่จริงก็เข้ามา อย่าคิดว่าคนอย่างอีโรสจะกลัว รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว!!”
โรสรินทร์ยืนหยัดต่อสู้ ทั้งสองสาวตะโกนด่าทอตบตีกันกันจนผมเผ้ายุ่งเหยิง เสียงกรีดร้องแหลมสูงต่างดังก้องไปทั่วงาน จากงานปาร์ตี้วันเกิดสุดหรูกลับกลายมาเป็นความชุลมุนวุ่นวาย
เสียงแก้วแตกกระจาย เศษแก้วกระเด็นไปทั่ว ประกอบกับเสียงตบตีกันดังสนั่น ผู้คนที่อยู่ในงานต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางคนก็ถ่ายคลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ สองหญิงสาวในชุดเดรสสุดหรูหรากำลังตบตีทำร้ายกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แม้จะมีคนคอยเข้าไปช่วยห้ามปราม แต่ก็ไม่สามารถห้ามศึกตบตีนี้ได้
“ด้านนักใช่ไหม คิดจะมาแย่งแทนของฉันเหรอ ห๊ะ !!” เชอร์รี่ตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวโกรธ พร้อมกับดึงผมของโรสรินทร์อย่างโมโห
“ฉันไม่เคยคิดจะแย่ง เพราะคนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปแย่งของของใคร หน้าตาเธอก็ดูฉลาดนะ แต่พูดจาเหมือนขาดสมอง หึ! ผู้ชายเฮงซวยแบบนี้มีดีอะไรให้ฉันต้องแย่ง ห๊ะ!”
โรสรินทร์พูดตอบโต้ ทั้งคู่ต่างผลัดกันตบ ตี ข่วน ดึงผม กระชากเสื้อ กลิ้งเกลือกไปมาบนพื้น และไม่สนใจใยดีกับผู้คนรอบข้างที่ต่างมองมาด้วยความตกตะลึง
โรสรินทร์ได้จังหวะเป็นฝ่ายขึ้นมาคร่อมบนตัวของเชอร์รี่ ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปบีบตรงลำคอของเธออย่างแรง จนเชอร์รี่เองถึงกับตาเหลือกลานเพราะหายใจไม่ออก
“คิดว่าคนอย่างอีโรสจะกลัวงั้นสิ หึ อยู่ให้หน้าเป็นรอยตีนกาดี ๆ ไม่ชอบ ชอบให้เป็นรอยตีนกู งั้นแกเตรียมตัวรับผลลัพธ์ได้เลย!” พูดเพียงแค่นั้นเธอก็ยกฝ่ามือขึ้น ก่อนจะฟาดเข้าใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มแรงจนมีเลือดซึมออกมาตรงมุมปาก
ปั้วะ ปั้วะ!!
“กรี๊ดดดดด อีเด็กบ้า ปล่อยฉันนะ!!” เชอร์รี่ร้องตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บปวด เมื่อฝ่ามือพิฆาตของโรสรินทร์ที่เต็มไปด้วยความโกรธฟาดลงไปสุดแรงอย่างไม่ยั้ง
แทนไทชายหนุ่มผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องยืนอยู่ไม่ไกลนัก และมองดูเหตุการณ์ด้วยความตกใจโดยที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร หรือจะเข้าไปห้ามปรามด้วยวิธีไหน
“อีโรส ตบมันให้ฟันร่วงเลยแก ตบมั้นนน!!” เสียงเชียร์ของพอลล่าดังขึ้น
“นี่แกจะบ้าเหรอพอลล่า เดี๋ยวอีป้านั่นก็ตายคามือเพื่อนแกหรอก แกดูสภาพมันสิ” กชกรเอ่ยขึ้น เมื่อเริ่มเห็นว่าเพื่อนสาวของตนเองโมโหจัดจนแทบจะครองสติและยับยั้งความโกรธของตัวเองไม่อยู่
“ช่างหัวมันสิยะ” พอลล่าสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่สนใจ
จู่ ๆ ชายหนุ่มต้นเรื่องก็ไม่อาจทนดูสองสาวตบตีกันต่อได้ จึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปห้ามปราม ทางด้านกชกรกับพอลล่าได้แต่ยืนอ้าปากค้างมองสองคนตบตีกันอย่างตะลึงงัน ก่อนกชกรจะเป็นคนเอ่ยให้พอลล่าเข้าไปลากตัวเพื่อนออกมา เมื่อเห็นโรสรินทร์เริ่มที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้
“หยุดนะ หยุดทั้งสองคน !!” เขาตะโกนออกไปจนสุดเสียง ก่อนทั้งสองหญิงสาวจะหยุดชะงัก และมองมาที่เขาเพียงนิดก่อนจะหันไปตบกันต่อ
“ไปห้ามเพื่อนมึงก่อนเร้วววว!! เดี๋ยวมันได้กลายเป็นฆาตกรฆ่าคนตายหรอก!” กชกรเอ่ยขึ้นพลางดันแผ่นหลังเพื่อนชายใจหญิงอย่างพอลล่าให้เข้าไปช่วยห้ามศึกนี้ พอลล่าและกชกรจึงรีบปรี่เข้าไปห้ามเพื่อนสาวของตัวเอง เมื่อโรสรินทร์เริ่มจะไม่ได้สติเพราะอารมณ์โกรธจัด
“พะ พอแล้วยัยโรส เดี๋ยวมันก็ตายคามือแกไปซะก่อนหรอก!!” กชกรกับพอลล่ารีบลากตัวโรสรินทร์ออกมาอย่างทุลักทุเล
“พอได้แล้วทั้งสองคน!!” แทนไทพูดเสียงแข็งพลางเข้าไปพยุงตัวเชอร์รี่ออกมาเช่นเดียวกัน โรสรินทร์และเชอร์รี่ต่างจ้องมองหน้ากัน สายตาต่างเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชัง
“แทนจะเลือกใครว่ามาเลย ระหว่างเชอร์รี่กับอีเด็กหมาบ้านี่ !!” เชอร์รี่ถามขึ้นมาด้วยเสียงเกรี้ยวกราด
“ผะ ผม เอ่อ….!” ชายหนุ่มลังเล
“ไม่ต้องเลือก!” โรสรินทร์ตะโกนขึ้นมาเสียงแข็ง ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมา
“ฉันไม่ต้องการผู้ชายเฮงซวยแบบนี้หรอก สวย ๆ อย่างฉัน หาผู้ชายดี ๆ ที่เพียบพร้อมได้สบายอยู่แล้ว ผีเน่ากับโลงผุอย่างพวกแก ก็เหมาะสมกันดีออก” โรสรินทร์จ้องมองชายหนุ่มด้วยสายที่ดูเย็นชา
“แก….!!”
“ทำไม!! แกอยากจะไฟท์กับฉันอีกสักยกไหมล่ะ? คราวนี้แม่จะเอาให้ฟันร่วงออกมาทั้งปากเลย!” โรสรินทร์พูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวและท้าทาย
“พอได้แล้ว ถือว่าพี่ขอเถอะ ทั้งสองคน!” น้ำเสียงเข้มของแทนไทเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องมาขอหรอก! ถ้าจะขอ…ก็ขอให้รักกันจนตายเถอะ ส่วนแกก็อย่าลืมเอาเชือกผูกคอผู้ชายเฮงซวยคนนี้ไว้ด้วยล่ะ เพราะเดี๋ยวจะออกไปเพ่นพ่านเที่ยวไปหลอกผู้หญิงคนอื่นเขาไปทั่วอีกว่าตัวเองโสด น่าสมเพช!!” พูดจบร่างบางระหงก็เชิดหน้าขึ้น พร้อมกับก้าวขาเรียวเล็กเดินออกไปอย่างสวย ๆ ก่อนเพื่อนสาวคนสนิทอย่างกชกรและพอลล่าจะหันมาพูดทิ้งท้ายอย่างหมั่นไส้ และเดินตามโรสรินทร์ออกมาเช่นเดียวกัน
“ผีเน่ากับโลงผุ ช่างเหมาะกันจริงจริ้งงง ชิส์ !!”
“แกมันก็เป็นได้แค่ผีเน่าที่มาอาศัยโลงผุ ๆ เป็นผัวแค่นั้นแหละ นังชะนี!!” พอลล่าพูดทิ้งท้ายอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะสะบัดบ๊อบแล้วเดินตามเพื่อนออกไปเช่นเดียวกัน
“อีพวกหมาบ้า ฝากไว้ก่อนเถอะ!!” เชอร์รี่พูดขึ้นอย่างหยุดหงิด ที่ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ แถมยังถูกอีกฝ่ายตบซะน่วมอีก แต่แล้วเธอก็ทำได้เพียงแค่กระทืบเท้าอย่างโมโหอยู่กับที่แบบนั้น
“พอได้แล้วเชอร์รี่ หัดอายคนอื่นบ้างสิ คนเขามองกันเต็มไปหมดแล้ว ดูสภาพตัวเองตอนนี้บ้าง!!” แทนไทพูดขึ้นมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนจะเดินปรี่เข้าไปด้านในโดยไม่แม้แต่จะรอเธอ และนั่นกลับทำให้หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเป็นเท่าตัว
เช้าวันต่อมา….
(เมื่อคืนนี้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายขึ้นกลางงานปาร์ตี้วันเกิดสุดหรูของคนในแวดวงไฮโซ เมื่อหญิงสาวสองคนตบตีแย่งผู้ชายกันกลางงานปาร์ตี้ สร้างความตกตะลึงให้กับแขกผู้มาร่วมงานเป็นอย่างมาก จากข้อมูลที่ได้มานั้น ทั้งสองสาวต่างมีปากเสียงกันเรื่องผู้ชาย ซึ่งคาดว่าผู้หญิงชุดแดงน่าจะเป็นแฟนของชายหนุ่มผู้เป็นทาญาติเจ้าของห้างดัง ส่วนผู้หญิงชุดขาวเป็นถึงลูกสาวคนเล็กของนายตำรวจใหญ่ซึ่งเป็นถึง ผบ.ตร. จากภาพถ่ายและวิดีโอที่ถูกแชร์บนโซเชียลมีเดีย จะเห็นได้ว่าหญิงสาวทั้งสองต่างมีรอยฟกช้ำและรอยขีดข่วนบนใบหน้า เสื้อผ้าของทั้งคู่ก็ยับเยิน เศษแก้วกระจายเกลื่อนพื้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนที่อยู่ภายในงานเป็นอย่างมาก)
“นั่งอ่านอีหยังอยู่ลูก” (นั่งอ่านอะไรอยู่ลูก)
สีดาได้เอ่ยถามลูกชายเพียงคนเดียวของเธอขึ้น เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังก้มหน้าก้มตาจดจ่ออยู่กับหน้าจอไอแพดเครื่องหรูได้สักพักแล้ว
“จะอะไรล่ะครับคุณแม่ ก็อ่านข่าวของว่าที่ลูกสะใภ้ที่คุณแม่รักนักรักหนายังไงล่ะครับ” วายุภัคพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พลางส่ายหัวอย่างคนเอือมระอาให้กับภาพเคลื่อนไหวที่กำลังแสดงอยู่บนหน้าจอไอแพด
“มันอาจสิบ่ได้เป็นคือในคลิปกะได้เด้ลูก ถึงหนูโรสสิดื้อแล้วกะเอาแต่ใจไปแหน่ แต่แม่กะยังเชื่อเด้ว่าเรื่องทั้งเบิดที่เกิดขึ้น หนูโรสคือสิบ่ได้เป็นคนเริ่มดอก”
(มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างในคลิปก็ได้นะลูก ถึงหนูโรสจะดื้อและเอาแต่ใจไปบ้าง แต่แม่ยังเชื่อนะว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นหนูโรสคงไม่ได้เป็นคนเริ่มหรอก)
“เด็กไม่รู้จักโต…เบิดคำสิเว้า!”
(เด็กไม่รู้จักโต…หมดคำจะพูด)
ชายหนุ่มพูดขึ้นมาเบา ๆ ทำให้ผู้เป็นแม่ถึงกับลอบยิ้มให้กับพฤติกรรมของลูกชาย ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าลูกชายของเธอเป็นห่วงโรสรินทร์มากแค่ไหน ถึงแม้จะผ่านมาหลายสิบปีแล้วที่วายุภัคเองไม่ได้เจอโรสรินทร์เลย เพราะตั้งแต่จบจากมัธยมศึกษาตอนต้น วายุภัคก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ 16 ปี จนกระทั่งจบปริญญาโทถึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านเกิดของผู้เป็นแม่ที่ต่างจังหวัด และคอยช่วยผู้เป็นพ่อดูแลธุรกิจของครอบครัว แต่ชายหนุ่มก็ยังติดตามความเคลื่อนไหวของโรสรินทร์ผ่านทางโซเชียลอยู่ตลอด
วายุภัค ภูริจินดา หรือ ไวน์ อายุ 30ปี ชายหนุ่มหล่อผู้มาดขรึม พูดน้อย และจริงจังกับชีวิต เขาจบปริญญาโทด้านการบริหารจากมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา หลังจากเรียนจบเขาก็เลือกที่จะกลับมาอยู่บ้านนอกที่จังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งเป็นบ้านเกิดของผู้เป็นแม่ วายุภัคเกิดสนใจในการทำโคกหนองนาโมเดล ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาพื้นที่เกษตรแบบผสมผสาน และเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่มุ่งเน้นการพึ่งพาตนเองกับการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืนและการสร้างความสุขที่แท้จริง ชายหนุ่มจึงใช้ที่ดินบนทุ่งกุลาร้องไห้กว่า 50 ไร่ เพื่อทำโคกหนองนา ซึ่งบนโคกนั้นมีการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ประกอบด้วยไม้ใช้สอย ไม้กินได้ ไม้เศรษฐกิจ และไม้ผล ส่วนในหนองน้ำขนาดย่อมที่ขุดขึ้นมาเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในยามหน้าแล้งนั้นยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำต่าง ๆ ส่วนพื้นที่นานั้นเป็นพื้นที่สำหรับปลูกข้าวซึ่งเป็นแหล่งอาหารหลักของคนไทย
ที่ดินผืนนี้มีมากกว่า 100 ไร่ ซึ่งเป็นมรดกตกทอดของคุณตาที่มอบให้กับคุณนายสีดาแม่ของเขาซึ่งเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว วายุภัคจึงใช้ที่ดินกว่าครึ่งเพื่อทำโคกหนองนาโมเดลบนพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้แห่งนี้ นอกเหนือจากทำโคกหนองนาแล้ว ชายหนุ่มยังช่วยผู้เป็นพ่อบริหารดูแลกิจการของครอบครัว ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับค้าขายอุปกรณ์ก่อสร้างที่ขยายกิจการอีกหลายสาขาทั่วทั้งภาคอีสาน