บทที่ 6 ยินดีที่ไม่รู้จัก
บทที่ 6 ยินดีที่ไม่รู้จัก
เกลวลินเข้ามาในร้านได้แบบงง ๆ กระเป๋าที่เธอสะพายอยู่หูของมันโดนปลายนิ้วของผู้ชายคนนั้นเกี่ยวไว้ เขาพาเธอเดินซอกแซกไปตามทาง จนมาถึงมุมหนึ่งที่มองไปข้างหน้าก็พบโต๊ะเพื่อนอยู่ทางนั้น
“โต๊ะเพื่อนเกลค่ะ” จรัสพงศ์มองตามนิ้วมือขาวสะอาดที่ชี้ไป เมื่อเห็นว่าโต๊ะนั้นเป็นของใครเขาก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ
ก่อนจะมองดวงหน้ากลมเกลี้ยงที่แม้จะอยู่ในที่มืดก็กระจ่างใสจนเห็นเงาสะท้อนของผิวหน้าที่เกลี้ยงเกลา
หากไม่เห็นบัตรประชาชนของเธอเมื่อครู่ก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว
“เพื่อนผู้ชายหรือผู้หญิงคะ?”
“ผู้หญิงค่ะ วันนี้วันเกิดเพื่อนเกล”
“อ้อ…ค่ะ”
“เกลไปก่อนนะคะ ขอบคุณพี่เจคมากที่พาเข้าร้านค่ะ”
เกลวลินค้อมศีรษะให้เขาก่อนจะเดินฝ่าวงล้อมกลุ่มคนไปยังโต๊ะหน้าเวทีนั้นโดยไม่ทันเห็นสายตาเป็นประกายของผู้ชายใจดีที่พาเธอเข้าร้านเลย
“มานี่เลยยัยตัวแสบ! นัดกันไว้กี่ทุ่มทำไมเพิ่งมา!”
เมื่อมาถึงโต๊ะเจ้าของงานหันมาเห็นเธอก็เริ่มเรื่องทันที ลำคอของเกลวลินโดนคว้าไปก่อนที่ริมฝีปากชื้น ๆ ของเพื่อนสนิทจะประโคมเข้ามาหอมแก้มเธอไม่หยุด
วินชีวาเป็นเพียงคนเดียวที่จะลากจูงเธอไปทางไหนก็ได้ จะกอดจะหอมจะขยุ้มขยำเธอตอนไหนก็ได้
“แต่ไม่เป็นไรแกมาก็ดีแล้ว ดีจริง ๆ ฉันรักแกมากนะเกล”
ดวงตาเยิ้มฉ่ำแดงก่ำที่มองกัน และไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าวินชีวาคงจะดื่มไปมากแล้วทีเดียว เกลวลินยิ้มก่อนจะย่นจมูกใส่เพื่อนและกอดกระชับเอวคอดกิ่วกลับไป
เกาะอกสีแดงตัวจิ๋วที่เพื่อนสวมใส่ ช่างเข้ากับกางเกงยีนสกินนีสีดำ ทรวดทรงองเอวที่สวยงามราวกับสวรรค์สร้าง ใครเห็นก็ต้องอิจฉายกเว้นเธอไว้คนหนึ่ง เกลวลินภูมิใจที่มีเพื่อนสวย
เมื่อเพื่อนสนิทที่สุดมาถึงแล้ว เพื่อนคนอื่น ๆ หรือคนที่มาร่วมงานวันเกิดก็ไร้ความหมาย
วินชีวาเอาใจเกลวลินทุกอย่างราวกับว่าวันนี้เป็นวันเกิดของหญิงสาวแทนที่จะเป็นวันเกิดของเธอ
ที่วินชีวารักเกลวลินมากไม่ใช่แค่นิสัยดี ๆ ของเพื่อนแต่เพราะนิสัยตรงไปตรงมา แม้เพื่อนของเธอจะดูนุ่มนิ่มเป็นคนไม่ค่อยพูดและติดจะขี้อาย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
เกลวลินเป็นคนจริงใจไม่เคยเอาเรื่องไม่ว่าจะดีหรือร้ายของวินชีวาไปพูดกับใคร หรือไม่ว่าเรื่องอะไรที่วินชีวาพูดให้เกลวลินฟังแล้วความลับก็คือความลับ เพื่อนไม่เคยพูดต่อ
อีกนัยหนึ่งเราไม่คบกันเพื่อผลประโยชน์ ต่างกับคนอื่นที่เข้าหาวินชีวาด้วยเรื่องนั้น
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา อาศัยที่เธอเป็นดาวคณะ หรือแม้แต่กระทั่งเข้าหาเธอเพื่อที่ตัวเองจะได้ประโยชน์ แต่เกลวลินไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น
วินชีวาเป็นคนติดเที่ยว แต่ก็มีเพื่อนคนนี้ที่เตือนสติให้กลับเข้ามาเดินในร่องในรอย ไม่ว่าเธอทำอะไรเกลวลินก็พร้อมจะสนับสนุนและช่วยเหลือทุกเรื่อง พูดได้เต็มปากว่าเรียนจบเพราะเพื่อนคนนี้เราจึงสนิทกันมาก
“ฉันก็รักแก สุขสันต์วันเกิดนะเปรี้ยว”
หลังจากคืนนั้นก็มีแอกเคานต์ปริศนาทักเข้ามาที่ไอจีของเธอ ตอนแรกเกลวลินไม่สนใจคิดว่าเป็นพวกผู้ชายที่แอบชอบวินชีวาและจะคิดใช้เธอเป็นเครื่องมือเข้าหาเพื่อน เธอเห็นแล้วว่ามีข้อความเข้าแต่ก็ปัดผ่านไม่สนใจ
วัน ๆ หนึ่งมีคนทักเข้ามาเยอะแยะ และเธอไม่เคยสนใจนอกจากแอกเคานต์นี้…แต่เพราะคำถามที่ถามเข้ามาทำให้เธอต้องกวาดสายตามองไปรอบร้านอาหารที่กำลังนั่งอยู่
[พี่ว่าเราใส่แว่นน่ารักกว่าไม่ใส่อีกนะคะ]
ดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ ก่อนจะหลุบสายตาต่ำและมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง
[ดูทำหน้าเข้า ไม่ต้องกลัวเงยหน้าและหันมาทางซ้ายสิคะ…]
เกลวลินหัวใจเต้นระรัว เธอไม่เคยถูกใครติดตามแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหาทางออกไม่ได้
เธอมีครูดี ๆ อย่างวินชีวามักจะมาเล่าและบอกเล่าถึงวิธีการเอาตัวรอดให้ฟังว่าบางครั้งเพื่อนโดนติดตาม
มีวิธีไหนที่จะต้องใช้หนี เกลวลินมือหนึ่งคว้ากระเป๋าผ้าขึ้นสะพายอีกมือก็ยังคงกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น
[เกลไม่ต้องกลัวลองหันมาดูก่อนว่าใคร…]
สุดท้ายเกลวลินตัดสินใจหันไปมอง ดวงตากลมโตภายใต้แว่นสายตากะพริบถี่ขึ้นและมันก็เป็นจังหวะเดียวกับหัวใจของเธอที่เต้นแรงโดยมีสาเหตุ
“ขอบคุณนะคะ แต่พี่เจคไม่ต้องมาเดินกับเกลก็ได้ค่ะ”
“พี่ก็ชอบอ่านหนังสือเหมือนกันค่ะ”
“จริงเหรอคะ…ไม่คิดว่าพี่เจคจะชอบอ่านหนังสือ”
ดวงตากลมคู่ตรงหน้าสาดประกายแวววาวออกมา จรัสพงศ์มองแล้วรู้สึกตาพร่า เขาเผยรอยยิ้มมุมปากที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ชายหนุ่มขยับกายเข้ามายืนเคียงข้างหญิงสาว ก่อนจะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาและพลิกไปอ่านคำโปรยด้านหลัง ‘การซื้อใจคน’
“เกลชอบอะไรพี่ก็ชอบค่ะ ได้หนังสือที่อยากได้หรือยัง ถ้าที่นี่ไม่มี พี่พาไปร้านอื่นได้นะคะ” เกลวลินยิ้มก่อนจะขยับเท้าเดินไปหาเขา
เธอยกหนังสือที่อยู่ในอ้อมแขนซึ่งเป็นตำราเรียนที่ต้องการซึ่งหามาได้แล้วให้จรัสพงศ์ดู
หากเป็นคนอื่นอาจจะฟังดูแปลก ๆ ไปบ้าง แต่บทสนทนาท้ายประโยคของจรัสพงศ์ไม่ได้ทำให้เกลวลินคิดมากถึงเพียงนั้น
“นักบัญชีคนเก่งของพี่ สู้ ๆ นะคะอีกอึดใจเดียวก็เรียนจบแล้ว”
เกลวลินฟังแล้วเหมือนว่าหัวใจได้รับการเติมเต็ม ในสายตาของหญิงสาวผู้ชายคนนี้เป็นยิ่งกว่าพี่ชายเพราะใจดีกว่านั้นมาก
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันและก็มาเจอกันอีกครั้งในวันนี้ เธอกลับรู้สึกถึงความจริงใจและใส่ใจของผู้ชายตรงหน้า
ผู้ชายที่มีรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ มีกลิ่นกายที่หอมสะอาด และเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา
จรัสพงศ์ไม่ได้น่ากลัวเหมือนผู้ชายหลาย ๆ คนที่เกลวลินเคยรู้จัก เธอไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดตัวเองถึงเปิดเผยตัวตนกับเขาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้
อาจจะเป็นเพราะแววตาอบอุ่นคู่นั้นที่มองเธอพร้อมรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา พี่เจคใจดีมาก ๆ
หลังจากนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้า จรัสพงศ์ไม่ได้รบกวนเวลาอ่านหนังสือของเกลวลินมากนัก และนั่นก็ยิ่งทำให้หญิงสาวชอบใจ
เธออ่านตำราที่ได้มาใหม่อย่างขะมักเขม้นจนเวลาล่วงเลยไปจนเย็นหญิงสาวก็แทบไม่รู้ตัว
“ตายแล้ว! ขอโทษค่ะพี่เจค เรากลับกันเลยไหมคะ?”
เกลวลินหมุนนาฬิกาข้อมือเพื่อดูเวลา เกือบหกโมงเย็นแล้ว เธอเจอเขาตอนบ่ายกว่า
นี่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันหลายชั่วโมงโดยคุยกันผ่านความเงียบ และผู้ชายตรงหน้าก็มานั่งมองเธอพร้อมรอยยิ้มอยู่เหมือนเดิม
เกลวลินคิดว่าหลังจากที่เราบังเอิญเจอกันในร้านอาหาร จรัสพงศ์ทักทายเธอมาทางข้อความและก็อาสาเลี้ยงข้าว
ก่อนจะไปเดินเลือกตำราเรียนเป็นเพื่อน ช่วยถือหนังสือกองโต แถมยังมานั่งเป็นเพื่อนเธอที่คาเฟอีกด้วย
คือมันดีมาก ๆ แบบที่ก็ไม่คิดว่าจะรู้สึกดีขนาดนี้ มันเหมือนได้เจอคนที่เข้าใจเธอ
“พี่เจคไม่ทานเหรอคะ” เพราะเขาสั่งขนมมาให้เธอแต่ตัวเองแตะต้องแค่เพียงกาแฟดำเท่านั้น หญิงสาวเก้อกระดากจึงถามขึ้นมา
“พี่แพ้พวกถั่วค่ะ ทานอะไรจะเลือกมากนิดหนึ่ง เกลทานเถอะค่ะ ร้านนี้ขนมรสชาติโอเคไหมคะ” เกลวลินหลังจากที่ทราบว่าเขาแพ้อาหารชนิดใดเธอก็จดจำไว้ในทันที
“พี่เจคน่าจะถามก่อนว่าเค้กนี่มีถั่วไหม จริง ๆ เกลทานได้หมดเลย แบบนี้เหมือนเอาเปรียบพี่ เกลได้กินคนเดียว” เขาเปิดเผยรอยยิ้มในหน้าทันทีที่ได้ยินหญิงสาวพูด กิริยาเป็นธรรมชาติของผู้หญิงตรงหน้าหาดูได้ยากยิ่งในชีวิตของจรัสพงศ์
เค้กก้อนละไม่กี่บาทแต่สามารถซื้อความเห็นใจจากเกลวลินได้ง่ายดาย จรัสพงศ์รู้สึกว่าเกินกว่าที่เขาจินตนาการไปหน่อย
“ถ้าเกลไม่อยากเอาเปรียบพี่ก็ขอไลน์ได้ไหมคะ เผื่อพี่เจอร้านหนังสือดี ๆ เราจะได้นัดไปเดินดูหนังสือกัน” เกลวลินละสายตาจากทอฟฟี่เค้กเคลือบคาราเมลและมองหน้าเขาด้วยแววตาตื่น ๆ
จรัสพงศ์ยิ้มก่อนจะล้วงมือหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนเองส่งให้หญิงสาว
“ปากเลอะค่ะ” มันเป็นเรื่องที่น่าอับอาย เกลวลินคว้าผ้าเช็ดหน้าเขามาก่อนจะยกขึ้นซับริมฝีปาก แต่เมื่อมองไปข้างหน้าก็พบว่ายังคงเป็นสายตาคู่เดิมที่มองเธออย่างเอ็นดู
“ค่อยเอามาคืนพี่ครั้งหน้านะคะ…เอาโทรศัพท์มาให้พี่สแกนไลน์หน่อย เร็วคนดี” เกลวลินไม่รู้ว่าตอนไหนที่เธอปลดล็อกหน้าจอและยื่น QR CODE ให้เขาสแกนเพื่อเพิ่มเพื่อนในไลน์ แต่รู้ตัวอีกทีก็พบว่าตอนนี้เธอกับเขาได้รู้จักกันอีกขั้นหนึ่งแล้ว
“ขอบคุณพี่เจคที่มาส่งนะคะ” หญิงสาวปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ผู้ชายที่อาสาขับรถมาส่งเธอที่คอนโด
“ครั้งหน้าอย่าลืมเอาผ้าเช็ดหน้ามาคืนพี่นะคะ” เธอเผลอกัดริมฝีปากก่อนจะกดใบหน้ากลมเกลี้ยงลงเบา ๆ
“ขึ้นห้องเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่เข้าร้านต่อ อย่าลืมส่งข้อความมาบอกพี่นะคะถ้าถึงห้องแล้ว” มือหนาเอื้อมมือเปิดประตูให้เธอและเขาก็หดกายกลับไปที่เดิม
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใจลึก ๆ ของเธอคิด จรัสพงศ์เป็นคนมีน้ำใจ และความใจดีของเขามันกระจายไปรอบ ๆ กายเธอ
ทั่วทุกบริเวณที่เขาอยู่ เกลวลินรู้สึกว่ามันมีกระไอความร้อนบางอย่างจากตัวเขาไหลผ่านเข้ามาสู่ตัวเธอ
จรัสพงศ์จ้องมองแผ่นหลังบางเล็กของหญิงสาวในชุดนักศึกษาพอดีตัวกับกระโปรงพลีตสีน้ำเงินเข้มคลุมเข่า รองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดสะอ้านกำลังเดินเข้าไปในตัวตึกคอนโดใจกลางเมือง