บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 ไม่ได้คุยกับใคร

บทที่ 7 ไม่ได้คุยกับใคร

“อะแฮ่ม!” ทันทีที่มีเสียงดังอยู่บนศีรษะเกลวลินรีบเก็บโทรศัพท์ที่อยู่ในมือซ่อนไว้ใต้โต๊ะทันที

“อะไรของแกเปรี้ยวตกใจหมด” เกลวลินรีบขมุบขมิบปากบอกเพื่อนสาว แต่ก็ได้เป็นแววตาเรียวหรี่ที่จ้องมองเธออย่างจับผิด

“บอกมาซะดี ๆ ว่ากำลังแอบคุยกับใคร?” วินชีวาสังเกตเพื่อนสาวคนสนิทมาสักอาทิตย์หนึ่งแล้ว

จากหญิงสาวที่มักจะก้มหน้าก้มตาอ่านแต่ตำราเรียนช่วงนี้เอาแต่สนใจหน้าจอโทรศัพท์เสียมากกว่า

“เปล๊า! ไม่ได้คุยกับใครเลยนะ” เกลวลินรีบปฏิเสธเพื่อนก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือที่เปิดค้างอยู่บนโต๊ะไว้ต่อ แต่โทรศัพท์ไม่รักดีก็ส่งสัญญาณสั่นครืดขึ้นมา

“บอกมาเถอะว่าเป็นใคร ฉันไม่เอาไปพูดต่อหรอกน่า”

วินชีวานั่งลงข้างเกลวลินและเริ่มกระแซะร่างกายบอบบางน่าทะนุถนอมของเพื่อนสนิทเพื่อเอาคำตอบ

“ไม่ได้คุยกับใครจริง ๆ คือเขาเป็นรุ่นพี่แต่ไม่มีอะไร…”

ดวงตาเรียวรีของวินชีวาเบิกกว้างขึ้น เมื่อได้ยินคำตอบนั้นจากเพื่อนสนิท

“เรียนปีไหน? เขามาจีบแกเหรอ?” เกลวลินส่ายหน้าปฏิเสธแต่ใบหูกลับแดงระเรื่อ

ไม่ได้จีบ…เขาไม่เคยพูดแบบนั้น เพียงแต่ดีกับเธอมาก…มากเป็นพิเศษ

“ใบ้ ๆ หน่อยไม่ได้เหรอฉันอยากรู้ หล่อไหม?” วินชีวาจับแขนเรียวเล็กเขย่าด้วยความอยากรู้อยากเห็น

แต่ไม่ว่าจะหลอกถามอย่างไรก็ได้เพียงรอยยิ้มกับแววตาเป็นประกายความรักของเพื่อนสนิทกลับมา

วันนี้คนอยากรู้อยากเห็นจึงถอยทัพออกไปก่อน แต่ไม่ว่าอย่างไรวินชีวาก็จะต้องตามสืบให้ได้ว่าเกลวลินเพื่อนสนิทของเธอกำลังคุยกับผู้ชายคนไหนอยู่ แล้วคนคนนั้นเป็นคนที่ดีพอที่จะคบกับเพื่อนเธอหรือไม่!

รถสปอร์ตคันหรูป้ายแดงขับมาจอดเทียบป้ายรถเมล์เลยทางเข้ามหาวิทยาลัยไปสองป้าย ทันทีที่ดวงตากลมโตภายใต้แว่นสายตามองเห็น เท้าเล็กที่สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตารีบเร่งซอยให้เร็วขึ้น เมื่อเธอเดินมาใกล้ตัวรถยนต์ประตูฝั่งคนนั่งก็ถูกเปิดออกราวกับต้อนรับ

การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเจ้าของรถยนต์คันนี้กระแทกหัวใจคนง่ายดายเสียจริง

เกลวลินรีบแทรกตัวเข้าไปนั่งภายในรถคันนั้น ก่อนที่ตัวรถจะเคลื่อนตัวออกไป

“พี่คิดว่าเกลจะไม่ยอมมาเจอกันแล้ว” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นพร้อมกับลมหายใจที่ผ่อนออกมาราวกับโล่งใจ

เกลวลินเม้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะขยับดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด แต่ก็มีมือหนาขยับมาจับดึงช่วยเธอคาดอย่างใส่ใจ

ดวงตากลมโตภายใต้แพขนตางอนยาวกะพริบเชื่องช้ามองเขาไม่วางตา

“เกลไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์ค่ะ” แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่หญิงสาวบอก เธอไม่ได้ตอบข้อความเพราะไม่อยากจะเปิดอ่าน

“ปกติเกลตอบแชตพี่ไวจะตายไป…” ใบหน้าคมคายอิดโรยประมาณหนึ่งแต่ก็ยังคงความหล่อเหลาใจดีเหมือนเดิม

เธอเพียงแค่มองก่อนจะหลุบสายตาลงต่ำและหันหน้าหนีไปอีกทางหนึ่ง

“เมื่อคืนพี่กลับจากร้านดึกมากเพราะมีคนทะเลาะกันกว่าจะเคลียร์จบเกือบเช้า พี่ถึงห้องก็สลบเลยค่ะ ขอโทษนะคนดีที่พี่ไม่ได้ไลน์หา…” คำบอกเล่าที่หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าทำให้หัวใจที่แห้งแล้งของเกลวลินชุ่มชื้นขึ้นอย่างประหลาด

หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของจรัสพงศ์เกลวลินก็ลืมสิ้นถึงความขุ่นเคืองใจเล็กน้อยที่เขาหายไปไม่ตอบข้อความเธอตั้งแต่ช่วงสามทุ่ม และทักมาอีกทีก็ช่วงเที่ยงของวันนี้

“ค่ะ…” เกลวลินตอบรับแค่นั้นก่อนจะหันหน้าออกไปจดจ่อรถราที่สัญจรไปมาข้างนอก แดดช่วงบ่ายร้อนระอุ ดีหน่อยที่มีรถมารับไม่ต้องเดินฝ่าแดดฝ่าลมกลับคอนโด

“เรียนเป็นยังไงบ้างคะนักบัญชีคนเก่งของพี่”

บทสนทนาที่แสดงถึงความสนิทสนมระดับหนึ่งออกมาจากจรัสพงศ์และไม่เพียงแค่คำพูดเท่านั้นแต่ฝ่ามือหนาก็มาจับมือเธอไปด้วย

“อย่างอนพี่เลยนะคะ เกลก็รู้ว่าพี่ต้องดูร้าน นอนก็เช้าแล้วนี่พี่ก็รีบมาหาเกลสุด ๆ วันนี้เราไปดูหนังสือกันเสร็จ แล้วไปดูหนังห้องพี่ไหมคะ…ไปไหมเรื่องนั้นที่เกลอยากดูมาแล้วนะ” จรัสพงศ์บีบมือนุ่มก่อนจะยิ้มให้อย่างรอคอยคำตอบ

เกลวลินจึงเบนหน้ากลับไปมองเขา ท่าทางของเธอลังเลมากทีเดียว แต่เมื่อหลังมือถูกดึงไปจูบหญิงสาวก็ตอบตกลงกลับไปโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความไปบอกพี่ชายว่าวันนี้เธอมีติวหนังสือกับเพื่อน

ความสัมพันธ์ที่ไร้ชื่อเรียกของเราเรียกว่าก้าวกระโดดไปไกลจนเกลวลินเองก็คาดไม่ถึงว่าตัวเองจะกล้ามานั่งอยู่ในคอนโดผู้ชาย

“มักกะโรนีต้มใส่กระดูกหมูอ่อนอีกสักพักพร้อมเสิร์ฟแล้วครับ”

ความขุ่นข้องหมองใจหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อมองไปเห็นร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนขายาวพอดีตัว เขากำลังยืนทิ้งสะโพกอยู่หน้าเตาไฟฟ้า พร้อมกับเสียงเครื่องดูดควันที่กำลังทำงานอยู่…

จรัสพงศ์ทำอาหารให้เธอรองท้อง อาหารที่เขาบอกว่าง่าย ๆ เธอมองแล้ววิธีการทำค่อนข้างยุ่งยากทีเดียว

จากที่เดินซื้อหนังสือในห้างสรรพสินค้า เราสองคนก็แวะซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อเลือกของสดมาทำกับข้าว มีขนมขบเคี้ยวอีกนิดหน่อยและก็พวกของใช้ที่จำเป็นของเธอ

ตอนแรกเกลวลินไม่คิดจะซื้อแต่เขาคะยั้นคะยอให้ซื้อติดห้องเขาไว้ หญิงสาวจึงตามใจคนจ่ายเงิน

“มาแล้วครับ” กลิ่นของอาหารที่เขาทำลอยกรุ่นจนท้องเธอส่งเสียงร้องให้น่าอับอาย มือเล็กของเธอรับชามกระเบื้องลายการ์ตูนมาถือไว้

“ระวังร้อนนะ เดี๋ยวพี่ไปหยิบน้ำให้ค่ะ” จรัสพงศ์พูดแค่นั้นก่อนจะยิ้มและเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง

ความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขายิ่งทำให้ความรู้สึกเกลวลินถูกผสมรวมร่างอย่างชัดเจนโดยใช้เวลาไม่นาน

และมันก็ชัดเจนขึ้นมาก ๆ เมื่อปลายลิ้นของเธอได้สัมผัสถึงรสชาติที่อร่อยของอาหารที่เขาทำ

อาหารที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับตัวเองได้กลับมาที่บ้าน…ได้อยู่กับครอบครัวที่มีคุณพ่อและคุณแม่

“อร่อยมากเลยค่ะพี่เจค…เกลชอบกินที่สุดเลย” เธอเอ่ยบอกเขาพร้อมกับหัวใจดวงน้อยที่พองโตคับอก

“พี่ดีใจที่เกลชอบค่ะ…ทานเยอะ ๆ นะคะ” ฝ่ามือหนาวางลงมาบนศีรษะทุยก่อนจะลูบเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู

หลังจากที่ได้เจอกันอีกครั้งที่ห้างสรรพสินค้าและพูดคุยกันต่อมาเรื่อย ๆ และมันมาพีกสุด ๆ จนถึงขั้นเธอยอมเปิดใจคือช่วงเดือนก่อนที่เกลวลินทะเลาะกับพี่ชายจนหนีออกจากคอนโดมา

มีอยู่คืนหนึ่งจรัสพงศ์ได้รับสายโทรศัพท์จากหญิงสาวในตอนดึกซึ่งมันผิดปกติมาก ๆ เพราะจากที่คุยกันมาเกลวลินเป็นคนที่นอนไม่เคยเกินสี่ทุ่มช้าสุดคือห้าทุ่ม แต่คืนนั้นเที่ยงคืนกว่าไปแล้วหญิงสาวโทร. มาหาเขา

พอจรัสพงศ์รับสายเขาก็ทิ้งร้านขับรถฝ่าฝนตกหนักมารับเกลวลินที่สวนสาธารณะที่มหาวิทยาลัยของเธอ

ตอนที่เขารับโทรศัพท์เธอว่าตกใจแล้ว แต่ตอนเห็นสภาพในตอนนั้นยิ่งตกใจมากกว่าเดิมอีก

ใบหน้าซีกซ้ายของหญิงสาวแดงไปทั้งแถบแบบที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไปโดนอะไรมา จรัสพงศ์จึงพาเธอกลับมาพักที่คอนโดด้วยรู้ว่าหญิงสาวไม่มีญาติคนอื่นอีกนอกจากพี่ชาย เพราะเธอเคยบอกว่าครอบครัวเหลือกันแค่นี้

จรัสพงศ์รับรู้ปัญหาน้อยใหญ่ในชีวิตเกลวลินจากการบอกเล่าอย่างไม่ปิดบังของเธอ บิดา - มารดาของเธอเสียชีวิตไปแล้วทั้งคู่ และตอนนี้ก็มีเพียงพี่ชายคนเดียวที่เป็นผู้ปกครอง

หญิงสาวไม่ค่อยจะถูกกับพี่สะใภ้จึงต้องระหกระเหินออกมาอยู่คอนโดข้างนอก ส่วนพี่ชายก็อยู่ที่บ้านกับภรรยาและลูกอีกสองคน เกลวลินเป็นคนอื่นสำหรับครอบครัวนี้ไปแล้ว

จรัสพงศ์รับฟังพร้อมกับปลอบเธอในบางครั้ง แต่ยิ่งปลอบเกลวลินก็ยิ่งร้องไห้ วูบหนึ่งที่เขารู้สึกสงสารและเห็นใจจึงบอกให้เธอพักอยู่กับเขาไปก่อน

‘พี่ชายเกลรู้ว่าเกลกำลังคุยกับพี่และเขาบังคับให้เกลเลิกคุย’

นั่นคือเหตุผลที่แท้จริงของการทะเลาะครั้งนี้หรือไม่ จรัสพงศ์ก็ไม่อาจแน่ใจ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องเข้าไปยุ่งวุ่นวายอย่างลึกซึ้งอะไรขนาดนั้น

‘พี่ชายเกลรู้จักพี่เหรอคะ?’ หญิงสาวส่ายหน้าทั้งน้ำตา

‘พี่กันต์ไม่ได้รู้จักพี่เจคค่ะ แต่เขาเห็นไลน์ที่คุยกับพี่ เรา…เลยทะเลาะกัน’

พอได้ยินแบบนั้นจรัสพงศ์ก็เปิดเผยรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะรวบร่างเล็กมากอดปลอบ

‘แล้วเกลจะเลิกคุยกับพี่ไหมคะ?’

ตอนที่โดนจู่โจมกอดเกลวลินตัวแข็งแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน แต่ผ่านไปสักพักเธอก็ยินยอมให้เขากอดอยู่แบบนั้น และมันก็น่าแปลกมากที่แค่เท่านี้เธอกลับรู้สึกดี

เริ่มแรกจรัสพงศ์เพียงแค่ชอบเกลวลินจากรูปลักษณ์ภายนอก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นผู้หญิงเซ็กซี่ตามแบบฉบับที่เขาชอบ แต่ก็มีมุมน่ารักและมีเสน่ห์แบบที่หากใครได้สนทนาด้วยก็ต้องชื่นชอบเธอไม่แพ้เขาในตอนนี้

จากที่เจอกันที่ไนต์คลับ และมาเจอกันอีกทีที่ห้างสรรพสินค้า มันไม่ได้แย่เลยทีเดียวเพราะเกลวลินดูแล้วจะเป็นผู้หญิงที่คอนโทรลได้ง่าย

“พี่เจคเปรี้ยวโทร. มาค่ะ เกลรับสายได้ไหมคะ” มุมปากหยักของเขายกขึ้นก่อนจะกดใบหน้าคมคายลง

การพูดคุยของหญิงสาวสองคนที่คนหนึ่งนั่งสบตาเขา ส่วนอีกคนกำลังพูดอยู่ในโทรศัพท์อย่างออกรสออกชาติตามนิสัย นานเป็นสิบนาทีกว่าที่วินชีวาจะยอมวางสาย

“ขอบคุณนะคะที่เกลไม่บอกใครเรื่องของเรา…”

คำว่าเรื่องของเราทำให้หัวใจของเธอคล้ายตกจากที่สูง แล้วก็มีบางอย่างตีตื้นแทรกเข้ามา แต่พอสมองจับใจความ ความหมายในประโยคคำพูดของเขากลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนคนจมน้ำเสียมากกว่า

“ไม่ใช่อะไรนะคะ แต่เพื่อนเกลคงไม่ชอบพี่…”

ไม่ใช่ว่าเกลวลินไม่รู้ชื่อเสียงของผู้ชายตรงหน้า แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อเขาดีกับเธอ และเธอเชื่อในสิ่งที่หัวใจสัมผัสได้มากกว่าน้ำคำของคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับเรา

พี่เจคไม่ใช่ผู้ชายใจร้ายและก็ไม่ใช่คนที่จะหาเศษหาเลยอะไรด้วย ทั้งที่เขาก็มีโอกาสกับเธอหลายครั้ง แต่ก็ไม่ทำอะไรที่เธอนึกกลัว อย่างมากเขาก็จับมือ จูบหลังมือ จิ้มแก้มก็เท่านั้น

หากเขาเป็นอย่างที่คนอื่นพูด เกลวลินคิดว่าตัวเองคงไม่อยู่รอดจนถึงป่านนี้

“พี่ไม่อยากให้คนรู้เรื่องของเราเยอะ พอคนรู้เยอะคนก็จะมองว่าพี่มาหลอกเกล…เขาอาจจะกีดกันเราก็ได้”

ไม่เพียงแค่สีหน้าที่หมองลง แต่น้ำเสียงของจรัสพงศ์ก็ฉายแววตึงเครียดจนเธอรู้สึกได้ เกลวลินหันไปมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลานั่นแล้วก็เผลอคิดตาม

“กีดกันเหรอคะ…ไม่หรอกค่ะ พี่เจคกับเกลไม่ได้เป็นแฟนเสียหน่อย” ท้ายประโยคเธอพูดเสียงเบาและก็บีบมือที่กุมกันไว้บนตัก

จรัสพงศ์ชื่อเสียงไม่ดีเรื่องผู้หญิง แต่นั่นมันก็คืออดีตของเขา…ทุกคนมีอดีตเพราะเราไม่ได้เกิดเมื่อวาน เธอเชื่อแบบนั้น

“เหรอคะ…ก็เอาที่เกลสบายใจนะคะ” เขายิ้มพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ทั้งยังก้มหน้าลงมาหรี่สายตามองเธอด้วย

คำตอบที่อยู่ในแววตาคู่นั้น เกลวลินเม้มริมฝีปากแล้วกลั้นยิ้ม

ใช่เธอรู้…เกลวลินรู้ว่าเขากับเธอมีความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก และมันเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างรวดเร็ว

“หรือว่าเกลรังเกียจพี่…” เธอส่ายหน้าออกไปในทันที ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะแบมาตรงหน้าและเกลวลินก็เอามือวางลงไป

“เรื่องของเราก็ให้เป็นเรื่องของคนสองคนเถอะค่ะ แค่เกลมีความสุขก็พอแล้วไม่ใช่เหรอคะ” จรัสพงศ์บอกเธอ เกลวลินเม้มริมฝีปาก มือทั้งสองข้างกำแน่น หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว

ความอุ่นร้อนของฝ่ามือข้างนั้นมันเหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านเข้าไปสู่หัวใจของเธอในทันที

“พี่เจคคะ เปรี้ยวไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลค่ะ…”

“ไว้โอกาสเหมาะ ๆ ค่อยบอกดีไหมคะ ตอนนี้เกลอย่าเพิ่งบอกใครเรื่องของเรา พี่อยากให้เกลทำตัวสบาย ๆ ไม่ต้องคิดมาก เรามีความสุขไปด้วยกันทุกวันแบบนี้ตลอดไปดีไหมคะ?”

ตลอดไปงั้นเหรอ...เธอคิดว่าก็ดีนะ

ที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากโกหกเพื่อน แต่ก็เกรงใจจรัสพงศ์มาก มันอาจจะเร็วไปและก็อาจจะเกิดคำถามขึ้นมาก็ได้

เกลวลินนึกถึงตอนที่โดนเพื่อนซักฟอก ก็เริ่มจะเห็นด้วยกับเขาแล้วว่ายังไม่ควรบอกเรื่องของเราให้ใครรู้

มีความสุขไปด้วยกันทุกวัน…คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นแบบฉับพลัน

ใช่…ตอนนี้เธอกำลังมีความสุข มีความสุขมากทีเดียว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel