บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เสร็จงาน

บทที่ 4 เสร็จงาน

หลังจากส่งแขกคนสุดท้ายในงานฌาปนกิจพี่ชาย เกลวลินก็รีบเดินทางกลับไปหาลูกสาวที่โรงพยาบาล

เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องลูกเธอก็ไม่ได้มาร่วมงานพี่ชายเลยเพราะยังไม่พ้นขีดอันตราย ส่วนเธอก็ต้องไปมาหาลูกทุกวัน กินนอนกันที่โรงพยาบาล

วันนี้ยิ่งห่วงมากเพราะออกมาจัดการอะไรที่วัดตั้งแต่เช้า ทิ้งเกลรดาไว้กับพยาบาลพิเศษที่จ้างงานเป็นรายวัน

ตอนนี้เกลรดาออกจากห้อง ICU มาพักอยู่ที่ห้องธรรมดาคนเป็นแม่ก็เบาใจลงไปมาก แต่ก็ยังไม่ใช่ที่สุดอยู่ดีเพราะลูกยังต้องรอดูอาการจากทีมคุณหมออีกครั้งว่าจะต้องรักษาตัวอีกนานเท่าไหร่

พวกแผลในปากก็มีอาการดีขึ้น แต่ที่น่าห่วงก็คงจะเป็นระบบทางเดินหายใจ เกลรดายังมีอาหารเหนื่อยหอบอยู่เป็นบางครั้ง และหากดีขึ้นคุณหมอก็จะอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้

ครึม! ครึม! เสียงฟ้าร้องดังขึ้นส่งสัญญาณว่าอีกสักพักฝนฟ้าคงคะนองกระจายเต็มพื้นที่

เกลวลินรีบจ้ำเท้าเดินออกมายืนรอรถแท็กซี่ที่หน้าวัด เธออยู่เกือบสิบนาทีแล้วแต่ก็ยังไม่มีรถว่างผ่านมาสักคัน

สองมือเธอถือสัมภาระและข้าวของหลายอย่างที่ฝากญาติพี่สะใภ้ซื้อมาให้ลูกสาว เธอไม่ได้ตั้งใจอยู่ที่เมืองไทยนาน เสื้อผ้าจึงเตรียมมาแค่พอประมาณ แต่มีเหตุแบบนี้ก็คงต้องอยู่กันนานกว่าที่วางแผนไว้สักพักหนึ่ง

ในขณะที่เธอกำลังล้วงหยิบโทรศัพท์เพื่อต่อสายหาลูกสาวเม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมาแล้ว โทรศัพท์ที่โทร. ไปหาลูกเหมือนว่าจะสายไม่ว่าง เธอจึงกดต่อสายซ้ำอีกที

“ทำไมสายไม่ว่าง…” เกลวลินขมวดคิ้วจ้องมองหน้าจอมือถือก่อนจะกดต่อสายซ้ำไปอีกครั้ง แต่มันเป็นจังหวะเดียวกับที่รถซีดานคันหรูมาจอดเทียบอยู่ข้างหน้า

“คุณแม่ขา คุณแม่ขึ้นรถเร็วค่ะ ลุงเจคมารับแล้ว”

เกลวลินจ้องมองใบหน้ากลมเกลี้ยงที่ยิ้มแป้นออกมาจากโทรศัพท์เครื่องหรูในมือของจรัสพงศ์

“ขึ้นรถเถอะเกลฝนจะตกแล้ว” เกลวลินมองหน้าจรัสพงศ์และเผลอกำมือแน่น จนเขาเปิดประตูรถยนต์วิ่งฝ่าเม็ดฝนมาแย่งข้าวของในมือเธอเพื่อเอาไปใส่หลังรถเขาอย่างรวดเร็ว

“คุณแม่รีบมานะคะ รดาคิดถึงคุณแม่…”

เสียงในโทรศัพท์ฉุดรั้งสติที่กำลังจะถูกโทสะมอดไหม้ของเธอให้กลับมา จรัสพงศ์ไม่เพียงดันร่างเธอขึ้นมาบนรถยนต์ของเขา แต่ก็ยัดโทรศัพท์เครื่องนั้นใส่มือเธอไว้ด้วย

ทันทีที่รถออกเสียงของลูกสาวร้องตะโกนดีใจกระโดดโลดเต้นอยู่ในหน้าจอแบบนั้น เกลวลินบอกไม่ถูกว่าตัวเองต้องรู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของลูกเธอก็ยิ้มออกมา

“อย่ากระโดดค่ะ แม่จะวางแล้วถึงนั่นค่อยคุยกันนะคะ”

นั่นคือสิ่งที่เธอบอกลูก น้ำเสียงก็พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้มันเป็นปกติที่สุด

“ค่าคุณแม่กับลุงเจครดารอนะคะ” และลูกสาวก็กดวางสายไป เกลวลินไม่ต้องเขวี้ยงโทรศัพท์คืนจรัสพงศ์อย่างที่ใจคิด เพราะเขาพูดดักทางเสียก่อน

“เธออยากจะซื้ออะไรเพิ่มให้ลูกหรือเปล่าเราจะผ่านห้างกัน”

จรัสพงศ์ขับเคลื่อนรถยนต์คันหรูออกไปโดยไม่สนใจว่าคนที่นั่งเบาะข้าง ๆ จะมองเขาด้วยแววตาแบบไหน

“คุณทำแบบนี้ทำไม?” เกลวลินไม่เห็นประโยชน์ของการต่อล้อต่อเถียงกับจรัสพงศ์ เธอไม่ได้ต้องการเพิ่มเชื้อไฟและต้องการเพียงแค่เขาไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายชีวิตเธอและลูก

“เธอจะเอาเรื่องไหนก่อนล่ะ?”

น้ำเสียงของจรัสพงศ์ราบเรียบ แต่ในความหมายของประโยคที่เขาพูดมันทำให้ร่างกายของเกลวลินชาหนึบ

“ฉันถามว่าคุณทำแบบนี้ทำไม?” เธอหันไปถามด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม จรัสพงศ์หันมามองหน้าเธอ มุมปากหยักของเขายกขึ้นและหันหน้ากลับไปมองถนนดังเดิม

“จอดรถฉันจะลง!” เกลวลินคว้าที่จับประตูในทันทีที่พูดจบ ส่วนจรัสพงศ์กลับเร่งเครื่องยนต์ให้ไวขึ้น

“จะทำอะไรก็อย่าลืมคิดถึงหน้าลูกด้วย…” เพียงแค่คำพูดเดียวของจรัสพงศ์ก็เหมือนสติสัมปชัญญะที่หายไปทั้งหมดของเกลวลินจะกลับคืนมา

หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะคว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาด สองมือของเธอกุมกันไว้บนตัก ภายในรถยนต์ซีดานคันหรูมีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังสลับแผ่วเบาของเราสองคน

“คุณมีอะไรจะพูดก็พูดมา ฉันให้เวลาแค่ถึงโรงบาลเท่านั้น”

เกลวลินพูดจบก็เบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างรถยนต์

การเดินทางระหว่างวัดไปโรงพยาบาลไม่ได้นานนัก ถนนสายนี้รถไม่ติดมากแม้จะเป็นยามเย็นก็ตาม เธออดทนได้ที่จะหายใจร่วมกับเขาบนรถคันนี้

“ฉันรู้แล้วว่าเกลรดาเป็นลูกฉัน…”

คำพูดของจรัสพงศ์ไม่ได้ทำให้เกลวลินตื่นตกใจเท่ากับซองสีน้ำตาลที่เขาเหน็บเอาไว้ในช่องประตูด้านคนขับและมันก็ถูกวางไว้บนตักเธอ

“เอกสารหลักฐานยืนยันการเป็นพ่อลูก” เกลวลินได้ยินเช่นนั้นเธอก็หยิบเอกสารนั้นและฟาดไปบนลำแขนของจรัสพงศ์ ร่างกายของเธอสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ขอบตาร้อนผ่าวน้ำตาของความเคียดแค้นใจแทบจะทะลักทลายออกมา

“คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้! สารเลว!” จรัสพงศ์ไม่ปฏิเสธว่าเขาเป็นคนเช่นนั้น การขโมยเลือดสักหลอดของเกลรดาไปตรวจพิสูจน์หาความเป็นพ่อลูก หรือจะให้ทำทุกวิถีทางที่จะล่วงรู้ความจริงในข้อนี้เขาสามารถทำได้เลย

“แล้วเธอดีนักเหรอ? เก็บลูกไว้คนเดียว…เธอเป็นคนดีนักเหรอเกลวลิน!” จรัสพงศ์กำพวงมาลัยรถแน่นและหันมามองเธอด้วยแววตาวาวโรจน์

“ฉันก็ดีกว่าผู้ชายเฮงซวยอย่างคุณแล้วกัน!” เธอตอกกลับมาด้วยถ้อยคำเจ็บแสบ หยาดน้ำตาปลิวหายไปกับความรวดร้าวที่กักเก็บไว้ภายในใจนานหลายปี

“เธอไม่เคยบอกฉันเรื่องรดา เธอไม่คิดจะบอกอะไรฉันเลยด้วยซ้ำมันถูกต้องเหรอ! ใช่! ฉันมันเลวแต่ฉันไม่สมควรรู้เลยหรือไงว่ามีลูก!”

“คุณจะให้ฉันแบกหน้าไปบอกคนที่หลอกใช้ฉันเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ความสะใจที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อของฉัน เจค…ฉันเชื่อว่าถ้าวันนั้นฉันบอกคุณว่าท้องคุณก็ไม่มีทางรับผิดชอบฉันหรอก!”

“...”

“เราต่างรู้หัวใจตัวเองดี คุณอย่ามาทำเหมือนโกรธมากทั้ง ๆ ที่วันนั้นคุณ…เป็นคนทำลายทุกอย่างด้วยมือคุณเอง คุณอย่ามาโทษว่ามันเป็นความผิดของฉัน!”

จรัสพงศ์ได้แต่มองไปที่ถนนด้านหน้าด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นมา ก้อนเนื้อข้างซ้ายมันเหมือนหลุดลอยออกไปไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

เขายังคงจดจำทุกอย่างได้ดี…วันที่เขาเข้าหาเกลวลินเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง

จรัสพงศ์เป็นคนเขียนมันด้วยมือและลบมันด้วยเท้า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel