บท
ตั้งค่า

บทที่ 1-1 บุตรสาวร้านเถากง

สิบปีต่อมา...

เกาซาน เมืองหลวงของแคว้นจ้าว

ช่วงนี้ตรงกับเทศกาลหยวนเซียว[] ธัญพืชสุกงามเก็บเกี่ยวได้ผลดี บ้านเมืองสงบสุขไร้กังวล ชาวเมืองหลวงจึงจัดงานฉลองทั้งกลางวันกลางคืนต่อเนื่องถึงเจ็ดวัน ทุกหัวถนนจัดการแสดงประชันกันครึกครื้นยิ่งนัก ถนนซึ่งกว้างและยาวตรงสู่ประตูอู่ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวง มีทั้งแบบแผงลอยและร้านใหญ่โต มีสิ่งต่างๆ มากมายชวนตื่นตาตื่นใจ เด็กๆ ชอบนักแสงดกายกรรมโยนบ่วง นักเล่านิทานริมถนน หมอดูมีแค่เก้าอี้กับธงผ้าก็พร้อมเปิดร้านทำนายทายทัก ช่างไม้ ช่างสีต่างง่วนอยู่กับงานของตัวเอง คนขายสมุนไพรก็เปิดร้านพลางตีฉาบเรียกความสนใจให้คนมาดูเห็ดดอกใหญ่แล้วโม้สรรพคุณ

เด็กๆ พากันไปดูการละเล่นเดินต่อขาไม้ แห่มังกร แห่สิงโตและกายกรรมต่างๆ เสียงฉาบเสียงกลองรัวเร้า ในขบวนแห่มีตัวตลก ตัวงิ้ว และนางรำ เสียงประทัดปังๆ ผสานกับเสียงคนค้าขายร้องเรียกลูกค้า พวกเด็กๆ เที่ยวเล่นไปตามแผงขายของเล่น ซื้อลูกแก้ว หน้ากากนักรบวิ่งถือดาบไม้ไล่กันสนุก แม้แต่คุณหนูในห้องหับก็พากันแต่งตัวออกไปสักการะศาลเจ้า ช่วงนี้ผู้คนจึงเบียดเสียดยัดเยียดโดยเฉพาะที่ร้านเถากง ร้านพาณิชย์ขายของทุกสิ่งอย่างใหญ่ที่สุดบนถนนชุนเหยียน

ปีนี้เก็บเกี่ยวได้ผลดี สาวๆ จึงพากันมาหาซื้อผ้าใหม่ และรุมซื้อเครื่องสำอางติดมือกลับไปด้วย เถาหยาเหนียง บุตรีของเถ้าแก่ นางเป็นคนเจ้าปัญญาและปฏิภาณวาจาดี คาดการณ์เรื่องต่างๆ แม่นยำ พวกสาวๆ ชาวบ้านชอบมาซื้อเครื่องสำอางที่ร้านจึงมักจะถามแกมหยอกว่าพวกนางจะได้แต่งงานภายในปีนี้หรือไม่

คำถามนี้ว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย แถมถ้าตอบไม่เข้าหูก็อาจเสียลูกค้า พาลขยายใหญ่วุ่นวาย เถาหยางเหนียงจึงยิ้มและพูดสั้นๆ ว่าให้ซื้อของจ่ายเงินให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะบอก

“เมื่อปรารถนาสิ่งใดก็จำเป็นต้องมีของแลกเปลี่ยน เบื้องบนจะอวยพรผู้ที่มีศรัทธาแรงกล้าเท่านั้น”

นางพูดไม่กี่ประโยคพลางหยิบถาดเครื่องสำอางออกมาวางเรียงราย สาวๆ ต่างมองหน้ากัน และแข่งกันซื้อของยกใหญ่ ด้วยคิดว่าถ้าซื้อเยอะๆ แล้วดวงจะขึ้น สินค้าที่พวกสาวๆ แย่งกันมากที่สุดก็คือแป้งหอมในตลับสวยงาม บนตลับเขียนลวดลายดอกไม้ประจำฤดูน่ารักน่าชัง เถาหยาเหนียงทำป้ายบรรยายสรรพคุณเอาไว้และติดดอกไม้ประดิษฐ์เล็กๆ เอาไว้ มีทั้งกุหลาบ ทานตะวัน ดอกบัว ดอกเสาวรส มะลิขาว เบญจมาศ เหมยแดงและมีโสมแดงประดับไว้ ดูละลานตาไปหมด

“ข้าชอบแป้งหอมสูตรดอกเหมยที่สุด บำรุงผิวพรรณดียิ่งนัก”

“ต้องสูตรผสมกลีบเบญจมาศนี่สิ หอมมาก”

“สูตรกลีบดอกบัวก็สูงส่ง หอมสะอาดดี ยามใดที่ข้าใช้แป้งของร้านนี้ ใครๆ ก็ล้วนชมว่าตัวข้าหอมมาก”

“ใครที่ว่า ใช่อากุ้ยที่อยู่ตรอกชิงหรือไม่เอ่ย” พวกสาวทั้งหลายหยอกเย้ากันคิกคัก แป้งหอมของร้านเถากงโด่งดังไปทั่วเมืองหลวง ไม่ว่าใครก็ต้องขวยขวายมาซื้อให้จงได้ คุณหนูร้านเถากงเองก็ผิวงามผุดผาดยิ่งนัก นางแนะนำคล่องแคล่ว สูตรไหนใช้แล้วผิวกระจ่างใส สูตรไหนบำรุงให้ผิวเรียบเนียนอ่อนนุ่ม ลดริ้วรอย เพิ่มความเปล่งปลั่ง แค่อึดใจเดียวเท่านั้นก็เกลี้ยงถาด

“แล้วคำทำนายล่ะ เร็วเข้า รีบบอกพวกเราเร็ว”

ลูกค้าซื้อของแล้วก็ถึงเวลารับโชค เถาหยาเหนียงไม่พูดอะไร เพียงหลับตานิ่งชั่วครู่แล้วยื่นนิ้วหนึ่งนิ้ว ไม่พูดอะไร

“หมายความว่าอย่างไรหรืออาเหนียง อธิบายให้พวกเราเข้าใจหน่อยสิ”

“ไปเถอะ! ความลับของสวรรค์ เมื่อถึงเวลาพวกเจ้าจะเข้าใจเอง”

นางไม่ยอมพูดอะไรอีก พวกสาวๆ ก็จำต้องจากไปแบบงงงวย เมื่อลูกค้าซาแล้ว เถาหยาเหนียงหยิบถังแป้งหอมออกมาแยกบรรจุใส่ตลับพร้อมขายต่อไป จะตลับสีไหนสูตรไหนก็ล้วนมาจากถังเดียวกัน ซึ่งทุกอย่างตกอยู่ในสายตาชายหนุ่มร่างกำยำที่กำลังเลือกซื้อแส้ม้า เขาลอบพิจารณาแม่หมอคนสวย นึกทึ่งกับกลวิธีการขายแปลกใหม่สุดแสนจะแสบสันของนางยิ่งนัก เขาไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่านางคนนี้นี่เองที่จะกลายเป็นหนึ่งเดียวในดวงใจ เป็นแสงสว่างที่เขาตามหามาชั่วชีวิต

“แม่นาง ตกลงแล้วพวกนางทั้งสามคนจะได้แต่งงานภายในปีนี้หรือไม่”

“จะได้หรือไม่ได้ ข้าให้คำตอบไปแล้วเจ้าค่ะ”

หญิงสาวตวงแป้งหอมใส่ตลับต่อไปอย่างตั้งอกตั้งใจ สายลมมาจากแห่งหนใดไม่รู้ พัดผ่านมาโลมไล้เรือนกายอย่างนุ่มนวล เส้นผมยาวสลวยของนางปลิวระใบหน้าไปวูบหนึ่ง หญิงสาวจึงยกมือขึ้นปัดออกโดยไม่ได้สนใจมองสิ่งใดเป็นพิเศษ เป็นเพราะนิสัยหากจดจ่อกับเรื่องใดแล้วก็จะไม่วอกแวกกับเรื่องอื่น ในตอนนั้นเองที่นางรู้สึกแปลกประหลาด เสมือนสายลมได้นำพาใครคนหนึ่งให้ปรากฏตรงหน้านาง

ชายวัยฉกรรจ์ที่อยู่เบื้องหน้ามีรูปร่างผึ่งผาย ใบหน้าสลักเสลาคมคาย แต่ละอย่างก้าวของเขาหนักแน่นประจุด้วยพลังงาน กิริยาท่าทางสุขุมหนักแน่น นางรู้สึกได้ถึงรังสีที่แผ่เป็นริ้วๆ ออกจากกายของชายผู้นี้... เพียงแค่มองก็รู้ว่าเขามีเขี้ยวเล็บซ่อนอยู่ ชุดที่ชายคนนี้สวมใส่ตัดเย็บจากผ้าเนื้อดีเป็นมันวาว ถึงกระนั้นก็มีกลิ่นเหล้าโชยออกมาจากลมหายใจของเขา ดูไม่แตกต่างจากกลุ่มลูกเศรษฐีที่มานั่งมั่วสุมอยู่ที่เหลาอีกฟากของร้าน

เขาไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่มาพร้อมผู้ติดตามประมาณสี่ห้าคน ทุกคนเรียกขานเขาว่า ‘นายท่าน’ นางมองเขาอย่างประเมิน ประสาทสัมผัสอันแหลมคมรับรู้ว่าคนผู้นี้มีสง่าราศีลึกล้ำและประมาทไม่ได้

“หนึ่งนิ้วของเจ้าหมายถึงปีนี้จะได้แต่งงานหนึ่งคน”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”

“แล้วหากได้แต่งสองคนเล่า”

“ก็แปลว่าจะมีหนึ่งคนที่ไม่ได้แต่ง” นางกล่าวเย็นชา ชายหนุ่มก็มิได้ลดละ

“แล้วหากพวกนางสามคนได้แต่งงานทั้งหมดล่ะ”

“ก็แปลว่าได้แต่งงานกันหนึ่งชุดครบสามคน หากไม่มีใครได้แต่งเลย ก็แปลว่าอดกันทั้งหนึ่งชุดครบสามคน”

“อ้อ... นับถือๆ ความลับสวรรค์เป็นเช่นนี้นี่เอง”

ทั้งคู่สบตากัน ดวงตาของนางสุกสกาว มองครั้งแรกให้ความรู้สึกสงบเงียบและเย็นสบาย แต่เมื่อพินิจให้ลึกลงไป กลับเสมือนก้นทะเลลึกที่ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้าไป แววตาของนางถ่ายทอดความเย็นชาออกมาได้น่าดูชม เขาประสานสายตาอยู่ครู่หนึ่ง นึกถึงคำทำนายเมื่อครู่แล้วก็อดยิ้มขันไม่ได้

“แม่นางช่างมีปฏิภาณไหวพริบยิ่งนัก”

“คุณชายเองก็ดูมีสง่าราศีมิใช่ธรรมดา ร้านเถากงแห่งนี้ยินดีต้อนรับผู้เก่งกาจขาดแหล่งสำแดงกำลัง[]เจ้าค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel