แม่ทัพผู้อ่อนต่อโลก
...หยางอิงซั่ว...
ข้ามาเดินที่ตบาดกลางคืนพร้อมกับแม่ทัพชิวหรง ตอนนี้ใครไต่างก็รับรู้ว่าข้ากับแม่ทัพขิวหรงคบหากันแบบเปิดเผยจนคนหลายคนอิจฉาตาร้อนใส่ข้าที่มีบุรุษรูปงามมาชอบพอเช่นนี้
"ทำโคมลอยกันดีหรือไม่เจ้าคะ"
"ข้าไม่เคยทำแต่ข้าจะพยายามนะ"
"ข้าทำเป็นเจ้าคะ ท่านเพียงแค่เป็นลูกมือข้าเท่านั้นเจ้าค่ะ"
"ได้ๆ ข้าจะเป็นลูกมือเจ้าเอง"
"งั้นเริ่มทำกันดีกว่าเจ้าค่ะ"
ข้าลงมือทำโคมของเราสองคนโดยได้รับการช่วยเหลือจากแม่ทัพชิวหรง ที่ตอนนี้กำลังช่วยอย่างสุดความสามารถของเขาดูแล้วข้าเอ็นดูนัก เพียงไม่นานโคมลอยของสองเราก็เสร็จสิ้นจนได้
"ดูนางทำเข้า บ่งบอกผู้อื่นหรือว่าคุมจวน"
"สตรีเช่นนางอยากเป็นเพียงแต่ผู้นำเท่านั้น ไม่เหมาะกับการเป็นสตรีในห้องหอเลยสักนิด"
"พอเถอะเจ้าจะว่านางทำไงกัน บิดานางมีภรรยาตั้งสิบคนนางมีอำนาจมากมายเพียงนั้นใครจะกล้าขัดคำสั่งนางกัน เจ้าอย่าพูดมากอีกเลยพี่สาวนางเป็นถึงไทเฮาเชียวนะ"
"เจ้ารู้แล้วเหตุใดทำกิริยาวาจาย้ำแน่เช่นนี้เล่า"
"หยางอิงซั่ว"
"เจ้าคิดว่าข้าจะใสซื่อยอมโดนพวกเจ้าต่อว่าอน่างไรเหตุผลหรือไร เจ้านี้นะวาสนาคนนั้นไม่เท่ากันใยเจ้าถึงอิจฉาข้าด้วยเล่า อยากมีวาสนาดีก็ต้องมั่นทำบุญทำความดีบ่อยหน่อยไม่ใช่อิจฉาคนที่วาสนาดีกว่าตนเอง มันไม่ดูน่าสงสารแต่น่า..."
"เจ้า!!!!"
"นี้เจ้าจะตบข้าหรือคุณหนูฟ่าน เจ้าไม่รู้หรือว่าข้านั้นเป็นบุตรของใคร นายท่านหยางแห่งตระกูลหยางที่มีบุตรสาว เป็นถึงฮองไทเฮา เป็นแม่ทัพ เป็นชายาอ๋อง เป็นอะไรอีกนะ อ้อ เป็นคนใหญ่คนโตกว่าบิดามารดาเจ้าเสียอีก ข้าเกิดมานั้นล้วนไม่อาจพูดได้ว่าต่ำต้อยเพราะข้ามีบิดามารดาที่เพียบพร้อมทั้งนั้น"
"เจ้า!!!!"
"เดี๋ยวๆ เจ้าลืมไปใช่หรือไม่มารดาทั้งสิบคนของข้าล้วนเป็นผู้มีขื่อเสียงทั้งนั้น ท่านแม่ใหญ่เป็นบุตรชายของแม่ทัพหฯิงสกุลมู่ แม่รองเป็นแม่ทัพใหญ่ แม่สามเป็นกุนซือผู้เก่งกาจ แม่สี่เป็นหมอเทวดา แม่ห้าเป็นผู้ทำนายโชคชะตา แม่กกเป็นจอมมารที่แข็งแกร่ง แม่เจ็ดเป้นเจ้าสำนัก แม่แปดเป็นเจ้าของร้านอาภรณ์ที่ใหญ่ที่สุด แม่เก้าเป็นท่านอ๋องของแคว้นนี้เป้นเสด็จอาของอดีตฮองเต้ ส่วนแม่สิบเป็นแม่ทัพพยัคฆ์เดินดินสังหารคนเป็นอย่างเดียว แค่นี้พวกเจ้ากล้าว่าท่านพ่อข้าไม่คิดว่าท่านแม่ข้าจะตามไปคิดบัญชีพวกเจ้าและคนรอบครัวหรือ"
"จะ ข้า..."
"ใจไม่ไหวผู้อยู่เบื้องหลังเจ้าไม่เก่งพออย่ามามีเรื่องกับข้าเชี่ยวนะ ข้าน่ะอ่อนแอไม่สู้คนหรอก"
สุดท้ายพวกนางก็รีบจากไปทำเอาจ้าอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ยิ่งเห็นแม่ทัพชิวหรงอ้าปากค้างตอนที่ข้าสาธยายเรื่องของท่านแม่ พี่สาวพี่ชายข้าทำเอาข้าหลุดหัวเราะออกมาจนได้
"เรื่องที่เจ้ากล่าวมาจริงทั้งหมดหรือ"
"ฮ่ะฮ่าๆๆ"
"เจ้าหัวเราะเพราะสิ่งใด"
"เจ้าน่ะอ่อนต่อโลกเสียจริง เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้เจ้าคิดว่าท่านแม่ของข้าจะสนใจหรือ ข้าแค่ขู่คนพวกนั้นเท่านั้นเอง พวกนางเป็นบุตรสาวของขุนนางย่อมเย่อหยิ่งเป็นเอาเรื่องคนอื่นมาพูดสนุกปากเท่านั้น"
"เจ้าดุดันจนข้าตกใจ"
"เจ้ากลัวข้าหรือ ถ้าเจ้ากลัวก็ถอนตัวตอนนี้ย่อมทันหน่อยนะ"
"ข้าชอบเจ้า ไม่มีทางเปลี่ยนใจหากใจโลเลย่อมไม่อาจทำงานใหญ่ได้"
"งั้นเรารอให้โคมนี้แห้งแล้วไปบอยโคมกันนะเจ้าคะ"
"ได้สิ ขนมน้ำตาลตรงนั้นข้าจะไปซื้อให้เจ้ากินระหว่างรอนะ"
"เจ้าค่ะ"
เป็นแม่ทัพที่อ่อนต่อโลกยิ่งนัก ข้าชอบเขามากขึ้นแล้วสิ มองตรงใดก็หล่อเหลาตนใจข้าละลายไปหมด หุ่นก็ดีรูปร่างโดนใจข้าเขินจนหน้าแดงไปหมดแล้วจะบ้าตาย บุรุษผู้นี้ทำให้ข้าหวั่นไหวได้มากจริงๆ
"เจ้าอธิษฐานว่าอย่างไร ตอนที่เราปล่อยโคม"
"ใครเขาบอกคำอธิษฐานกันเจ้าคะ"
"จริงด้วยแต่ข้าบอกเจ้าได้นะ"
"ไม่ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวมันจะไม่สมปราถนา"
"ข้าปราถนาอยากครองคู่กับเจ้าไปจนแก่เฒ่า เกิดชาติใดก็ตามเจ้าไปทุกภพชาติ"
"นี้ท่านแม่ทัพคิดการไกลเพียงนั้นเลยหรือเจ้าคะ"
"ทั้งชีวิตข้าอยากแต่งกับเจ้าเพียงผู้เดียว ไม่มีคนอื่นอีก"
"ท่านรู้หรือไม่พี่แปดของข้าก็เคยพูดเช่นนี้สุดท้ายสมรสพระราชทานก็ทำให้เขาต้องจำยอมแต่งงาน ดีหน่อยที่ฮูหยินรองเป็นคนดีพี่สะใภ้แปดก็เป็นคนจิตใจกว้างขวาง ผิดกับข้าที่ไม่อาจใจกว้างได้ขนาดนั้น"
"เจ้าดีแล้วที่จิตใจคับแคบ ข้าก็จะทำให้เจ้าไม่เจ็บแค้นเกี่ยวกับเรื่องนี้"
"ขอให้ท่านทำได้เจ้าค่ะ"
"ข้าทำได้ ถ้าเราแต่งงานกันเจ้ายอมไปอยู่ที่บ้านเกิดกับข้าหรือไม่"
"แคว้นหรงหรือเจ้าคะ พี่สาวของข้าเคยแต่งงานกับท่านอ๋องผู้นั้น แม้เขาจะตายไปแล้วแต่ข้าก็ไม่ชอบคนพวกนั้นอยู่ดี"
"จวนแม่ทัพห่างออกมาจากวังหลวงอยู่มากเพราะต้องการความสันโดด จวนแม่ทัพและจวนตระกูลของข้าล้วนแล้วแยกตัวออกห่างจากความหวาดระแวงของฮองเต้ ตระกูลเราเป็นตระกูลที่มีเชื้อสายของทางฝั่งฮองเฮาเลยไม่อยากมีปัญหา จึงจำต้องออกห่างเจ้าสบายใจได้ เจ้าจะไม่ค่อยพบเหล่าเชื้อพระวงศ์ง่ายถึงเพียงนั้น"
"ท่านพ่อท่านแม่ของท่านจะชอบข้าหรือไม่เจ้าคะ"
"ต้องชอบเจ้าอยู่แล้ว อย่างไรเสียเจ้าคือคนที่ข้าอยากแต่งงานด้วย คุณหนูหยางคือคนที่ข้ารักและอยากอยู่ไปด้วยนานตราบสิ้นลมหายใจ"
"ท่านพูดอะไรก็ไม่รู้ ข้าอายนะเจ้าคะ"
"แก้มขาวๆของเจ้าแดงจนข้าเองก็เขินอายตามเจ้าแล้ว"
"บ้าหรือเจ้าคะ ท่านชอบพูดอะไรก็ไม่รู้ เราเดินเล่นต่อเถอะเจ้าค่ะ"
"เดินเล่นอีกหน่อยก็ได้ ขนมเหล่านี้น่าลิ้มลองหรือไม่ ข้าจะซื้อให้เจ้า"
"ท่านอยากซื้ออะไรก็ตามใจท่านเลยเจ้าค่ะ"
"งั้นเอาถังหูลู่อีกหลายๆไม้ก็แล้ว"
"ท่านจะให้ข้าอ้วนตายหรือเจ้าคะ หึๆ"
"เจ้าอ้วนข้าก็รัก"
"บ้า!"
"ฮ่ะฮ่าๆ เจ้างดงามถึงเพียงนี้อ้วนขึ้นอีกหลายชั่งก็ยังงดงามเช่นเดิม"
"เจ้าคะ ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ คนมองกันหมดแล้วนะเจ้าคะ"
"งั้นเราก็เดินเล่นต่อเสียเถอะ"
"เจ้าค่ะ"
ข้าแอบขวยเขินจนร่างบีดซ้ายขวา คนปากหวานแต่ซื่อตรงของเขาทำเอาข้าไปต่อไม่ถูก ข้าเดินเล่นอยู่สักพักก็เดินไปเล่นทายบทกลอนจนเบื่อหน่ายจนข้าเองก็อยากกลับจวนแล้ว ข้าขึ้นรถม้าเพื่อกลับจวนสกุลหยาง บิดามารดาของข้าต่างก็ไม่ว่าอันใดหากข้าจะไปกับบุรุษที่กำลังจัหมั้นหมายในอีกไม่ช้านี้ เพราะท่านพ่อเป็นผู้ที่ตามใจเราเสมอมาไม่จำเป็นต้องยึดทำเนียมโบราณคร่ำครึเหล่านั้น เพียงแต่ลูกของตนมีความสุขก็เป็นพอ
"เจ้าชอบเขาจริงหรือไม่หยางสิบสาม"
"เจ้าค่ะ"
"เจ้าทำเรื่องนั้นได้ลงหรือ เขาอ่อนแอถึงเพียงนี้ไม่ใช่ว่าเขาตอนเข้าหอจะไม่เป็นอะไรไปหรอกนะ"
"พี่สามคิดแต่เรื่องไม่ดี ข้าไม่พูดกับท่านแล้วนะเจ้าคะ"
"เด็กๆนี้ขี้อายกันเหลือเกิน"
"เจ้าสาม สามีเจ้ามาตามเจ้ากลับเรือน"
"เฮ้อ...คนงามเช่นข้าอยู่ที่นี้นานไปก็โดนสามีตามจนได้ พี่ใหญ่ท่านใช้ความงามไม่เป็นจริงๆเลยนะ"
"ช่างเรื่องของข้าเสียเถอะ ข้าพอใจในตอนนี้อยู่แล้ว ข้าจะแก่ตายผู้เดียวมันจะทำไมกัน"
"พี่ใหญ่ ตอนนี้พี่น้องคนอื่นๆ ต่างก็เริ่มแต่งงานกันแล้ว ท่านอาวุโสสุดท่านยังไม่ยอมแต่งงานเลย ตอนนี้หลานชายท่านคนแรกอายุน้อยกว่าเจ้าสิบห้าเพียงไม่กี่ปีเอง ท่านควรเร่งหาคนรู้ใจได้แล้ว"
"เจ้าดูแลสามีทั้งสองคนของเจ้าเถอะ"
"ข้าพูดแทงใจท่านอีกแล้วหรือขอรับ เฮ่อออ..."