บท
ตั้งค่า

เปลี่ยนตัว

ในเรือนฮูหยินอันหย่งโหว เวลานี้มีหญิงงามรูปร่างหน้าตาคล้ายกันนั่งเคียงกันอยู่บนตั่ง หากพวกนางมิได้สวมชุดต่างกัน เกรงว่าคงจะแยกยากสักหน่อยว่าใครเป็นใคร

เสียงถอนหายใจของฮูหยินอันหย่งโหวดังขึ้นหลังจากที่ฟังคำบอกเล่าของแม่สื่อ หมัวมัวให้รางวัลแม่สื่อผู้นั้น ก่อนจะพานางออกไปส่ง หลังจากที่แม่สื่อออกไปแล้ว ตั้วจีกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ก็แค่ลูกอนุคนหนึ่ง เซียวหยางป๋อถึงกับต้องรอปรึกษากันเลยหรือ เป็นอนุลูกชายข้าไม่ดีตรงไหน?!”

ตั้วหลี่เองไม่ค่อยพอใจเช่นกัน “หากไม่ใช่ว่าเจ้าตัวดีนั่นเอาแต่มารบเร้าข้า เจ้าคิดว่าข้าอยากออกหน้ากระนั้นหรือ”

นึกไปถึงเมื่อคืนแล้ว ตั้วหลี่ยังหงุดหงิดไม่หาย เจ้าจอมวายร้ายนั่น ถึงกับนั่งเฝ้านางทั้งคืน อ้อนวอนให้นางไปสู่ขอหญิงสาวให้ คราแรกนางหลงดีใจนึกว่าหลานชายคิดได้แล้ว แต่ที่ไหนได้ กลับจะให้นางไปสู่ขอลูกอนุคนหนึ่งมาแต่งเป็นภรรยาเอก คิดแล้วช่างน่าโมโหจริงๆ “ว่าแต่เจ้าสี่ไปไหน มิใช่ว่าต้องมารอฟังข่าวหรอกหรือ?”

ได้ยินพี่สาวถาม ตั้วจีพึ่งจะนึกขึ้นได้

ส่วนผู้ที่ถูกถามถึงนั้น เวลานี้พึ่งจะลุกจากเตียงมาหมาดๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว สาวใช้นามเหวินอิงรีบเปิดประตูเข้ามาปรนนิบัติ ขณะที่เว่ยกงเยว่เดินเปลือยเปล่าเข้าไปหลังฉาก เหวินอิงพลันเหลือบมองหญิงสาวบนเตียงอย่างแค้นเคือง กลิ่นอายวสันต์ตลบอบอวล ทำให้นางอยากจะอาเจียน

เหวินอิงเป็นบุตรสาวของเหวินหมัวมัวแม่นมของฮูหยินอันหย่งโหว ปีนี้อายุสิบหก ด้วยความที่โตมากับเว่ยกงเยว่ นางจึงนับว่าเป็นสาวใช้ที่รู้ใจเขาที่สุด แต่รู้ก็ส่วนรู้ ทว่าความหึงหวงยังคงมีมากอยู่ดี นางดูแลคุณชายมาตั้งแต่เด็ก สตรีน่าตายพวกนี้มีสิทธิ์อันใดถึงได้ขึ้นไปอยู่บนเตียงเขา ที่ตรงนั้นสมควรต้องเป็นของนางมากกว่า เหวินอิงยิ่งคิดยิ่งริษยา ถึงขั้นบังเกิดความคิดอยากฆ่าคนขึ้นมาแล้ว

“มัวพิรี้พิไรอันใดอยู่ ยังไม่รีบเข้ามาอีก” เสียงเกียจคร้านของเว่ยกงเยว่ดังมาจากหลังฉาก ทำให้เหวินอิงได้สติ รีบตามเข้าไปปรนนิบัติเขาอาบน้ำ จึงไม่ทันได้เห็นสายตาเย้ยหยันของหญิงสาวบนเตียง

ข่าวที่คุณชายสี่ฉุดบุตรีบัณฑิตซิ่วไฉเมื่อสองเดือนก่อน ไม่มีผู้ใดในเมืองฉางอันที่ไม่รู้ เพียงแต่ความจริงเป็นเช่นไรนั้น คงมีแต่เหอเจียเหม่ยเท่านั้นที่รู้ นางแอบต้องตาคุณชายสี่มานาน และเป็นนางเองที่พาตนเองไปเสนอตัวให้เขา

เว่ยกงเยว่เป็นคนชมชอบของสวยงาม เพียงพบนางครั้งแรกก็ประทับตรานางโดยไม่สนใจสถานที่ ข่าวลือนั่นเป็นนางปล่อยออกไปเอง เพื่อให้จวนโหวรับผิดชอบ ถึงได้เข้ามาเป็นอนุสมใจ และอีกไม่นาน นางต้องได้เป็นฮูหยินของเขาอย่างแน่นอน เหอเจียเหม่ยมีความมั่นใจเช่นนี้

เรื่องที่ฮูหยินอันผิงโหวออกหน้าเป็นแม่สื่อไปทาบทามบุตรีอนุจวนป๋อ อันหย่งโหวยังคงไม่ทราบเรื่อง กงเยี่ยนโหวเยว นับเป็นคนมีจิตใจบริสุทธิ์ยุติธรรมผู้หนึ่ง สำหรับพฤติกรรมชั่วช้าของบุตรชายคนเล็ก เขาไม่เคยสนับสนุน ไม่แน่ว่าพอได้ยินเรื่องนี้แล้ว อาจจะมีโทสะก็เป็นได้ ตั้วจีจึงมิได้นำเรื่องนี้มาปรึกษาหารือ

ขบวนของฮูหยินผู้เฒ่ากลับถึงจวนในตอนเย็น เซียวหยางป๋อเห็นว่ามารดาพึ่งกลับมาเหนื่อยๆ จึงไม่อยากไปรบกวน รอจนถึงรุ่งเช้าของอีกวัน ค่อยไปคารวะมารดาพร้อมกับภรรยา

ภายในเรือนของท่านผู้เฒ่า นอกจากสองสามีภรรยา ยังมีอี๋เหนียงทั้งห้ารวมถึงหลานสาวทั้งหกมาคารวะทักทายยามเช้าตามปกติ รอให้พวกนางทยอยกลับกันไปหมดแล้ว หยางอวี้เซื่งถึงได้บอกกล่าวกับมารดาเรื่องที่จวนอันหย่งโหวส่งแม่สื่อมาทาบทามอวี้ฮวาเมื่อวาน

ฮูหยินเฒ่าฟังแล้ว ถึงกับตะลึงไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว ก่อนที่สีหน้าจะแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามอง “เวรกรรมแท้ๆ ไฉนจวนอันหย่งโหวถึงส่งคนมาได้เล่า! ฮวาเอ๋อพึ่งจะกลับจวนยังมิทันได้เดือนเลย อาเซิ่งเจ้าแน่ใจหรือ ว่าที่แม่สื่อกล่าวถึง คือฮวาเอ๋อ”

“แน่ใจขอรับ ได้ยินคราแรก ลูกเองยังตกใจ” หยางอวี้เซิ่งตอบมารดาไปแล้ว ทอดถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม อวี้ฮวานับว่าเป็นบุตรสาวที่เขาห่วงใยที่สุด ปีนั้นเขาเพียงเลอะเลือนไปชั่วขณะ ถึงได้ยอมให้มารดาส่งนางไปอารามชี พอคิดขึ้นมา ยังรู้สึกผิดไม่หาย หากยังต้องบังคับให้นางไปเป็นอนุคนเช่นนั้นอีก คงทำใจได้ยากยิ่ง ทว่าการปฏิเสธจวนอันหย่งโหว นับว่ามิใช่เรื่องดีเช่นกัน “ท่านแม่ พวกเราควรทำอย่างไรดีขอรับ”

“เจ้าใจเย็นก่อน ขอแม่คิดสักหน่อย” ความคิดของฮูหยินผู้เฒ่ามิได้แตกต่างจากบุตรชายเท่าใดนัก หากแต่นางกลับคิดได้ลึกซึ้งกว่า หลานสาวคนหนึ่งได้แต่งเข้าจวนโหว มีอันใดไม่ดีกันเล่า ถึงเว่ยกงเยว่จะเลวร้าย แต่จะอย่างไรก็ยังเป็นถึงบุตรชายท่านโหว นั่นยังไม่นับสายตระกูลที่เชื่อมโยงกัน เทียบศักดิ์ศรีกันแล้ว เป็นอนุของบุตรชายท่านโหว ย่อมดีกว่าเป็นภรรยาเอกของสามัญชนเป็นไหนๆ เพียงแต่ต้องไม่ใช่ฮวาเอ๋อ สำหรับการแต่งงานของอวี้ฮวา นางย่อมมีแผนที่ดีกว่า

“ทางนั้นมิได้เร่งรัดเอาคำตอบใช่หรือไม่” ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปถามบุตรชาย

“ขอรับ”

“ดี ถ้าอย่างนั้นพวกเราแสร้งทำเฉยไปก่อน เวลานี้ ฮวาเอ๋อเป็นคนโปรดของกั๋วฟูเหรินไม่แน่ว่านางอาจจะได้แต่งเข้าจวนกั๋วกง แม่เชื่อว่าซื่อจื่อน่าจะมีใจชอบพอฮวาเอ๋อของพวกเราไม่มากก็น้อย รอดูท่าทีอีกสักหน่อย ถ้ามั่นใจเมื่อใด พวกเราค่อยปล่อยข่าวไปกระตุ้นพวกเขา”

หยางอวี้เซิ่งถามอย่างฉงน “ฮวาเอ๋อไปเป็นคนโปรดของกั๋วฟูเหรินตั้งแต่เมื่อใดขอรับ ไฉนลูกไม่เคยรู้”

ฮูหยินผู้เฒ่าพึ่งจะนึกขึ้นได้ ว่าตนยังไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่วัดให้บุตรชายฟัง นางจึงเล่าตั้งแต่ต้น ครั้นหยางอวี้เซิ่งฟังแล้ว นัยน์ตาพลันทอประกายขึ้นมาทันที หากอวี้ฮวาได้แต่งให้เสวียนหรงซื่อจื่อ ไม่เพียงเป็นวาสนาของนาง ยังเป็นวาสนาของตระกูลด้วย เรื่องนี้เขาสนับสนุนเต็มที่

“ยังคงฟังท่านแม่ขอรับ” อวี้เซิ่งกล่าวกับมารดา สีหน้าท่าทางมิได้กลัดกลุ้มเหมือนเมื่อครู่อีก

“เจ้าไม่ต้องห่วง เรื่องนี้แม่จัดการเอง ส่วนทางด้านจวนโหว บุตรสาวของเจ้ายังมีอีกตั้งห้าคนมิใช่หรือ ต่อให้ตัดอวี้หรัวออก ยังเหลืออีกสี่คน แค่ส่งคนหนึ่งขึ้นเกี้ยวไปแทนอวี้ฮวาก็ได้แล้ว”

หยางอวี้เซิ่งเชื่อฟังมารดายิ่งกว่าอะไร ย่อมไม่มีความเห็นเป็นอื่น เมื่อปรึกษาหารือกันดีแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าจึงสั่งให้คนไปตามอวี้ฮวามาพบ

เรื่องที่มีแม่สื่อมาทาบทามอวี้ฮวาไปเป็นอนุ มิใช่ความลับแต่อย่างใด ไม่นานทุกเรือนต่างรู้กันทั่ว แต่ละเรือนพากันหัวเราะเยาะในความโชคร้ายของนาง

มีเพียงเรือนฉางซิ่นของซุนอี๋เหนียง ที่ไม่รับรู้เรื่องราวภายนอก ซุนไฉ่เยี่ยกับบุตรสาวล้วนมีนิสัยเหมือนกัน หากมิใช่เรื่องมาถึงตนเอง ย่อมไม่เก็บมาใส่ใจ ซุนอี๋เหนียงนั่งปักผ้าอยู่ในห้องโถง ส่วนอวี้ซื่อยังคงนั่งอ่านตำราอยู่บนตั่ง สองแม่ลูกทำประหนึ่งว่าโลกของพวกนางมีเพียงเรือนหลังนี้เท่านั้น

หลังจากที่รู้ว่าคนสารเลวผู้นั้นเป็นใคร อวี้ฮวาถึงกับใจสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นนางหน้าซีดเซียว อดนึกเป็นห่วงมิได้

“ฮวาเอ๋อ อย่าได้กังวลไป ย่าหาทางออกไว้ให้แล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวกับนางเสียงอ่อนโยน ยามนี้ อวี้ฮวาคืออีกหนึ่งความหวังของตระกูล มีความสำคัญพอๆ กับอวี้หรัว ท่านผู้เฒ่าย่อมรักและเอ็นดูนางมากกว่าแต่ก่อน

อวี้ฮวาได้แต่พยักหน้า เอ่ยวาจาไม่ออกไปชั่วขณะ ในหัวคิดไปถึงเรื่องของเว่ยกงเยว่ที่นางเคยได้ยินในอดีต ชาติที่แล้ว อีกสามปีหลังจากนี้ หลังจากที่เว่ยกงเยว่อายุได้ยี่สิบ เขาจะฆ่าล้างตระกูลบัณฑิตซิ่วไฉผู้หนึ่งจนต้องโทษประหาร คนชั่วผู้นี้จะตายในอีกสามปีข้างหน้า หากต้องแต่งให้เขา มิสู้นางกัดลิ้นตายไปตอนนี้เลยเสียยังดีกว่า มิได้ นางปล่อยให้เกิดขึ้นมิได้

“ท่านย่า ท่านพ่อ หลานพึ่งจะได้กลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัว โปรดเห็นใจหลานด้วยเถิดเจ้าค่ะ” อวี้ฮวาหันไปอ้อนวอนฮูหยินผู้เฒ่าน้ำตาคลอหน่วย

หยางอวี้เซิ่งเห็นแล้วปวดใจยิ่ง รีบเอ่ยปลอบ “เจ้าอย่าได้ร้อนใจไป เชื่อฟังท่านย่าของเจ้าเถิด พวกเรามิยอมให้เจ้าไปเป็นอนุคุณชายสี่แน่”

ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวสำทับไปอีกว่า “ไม่ต้องห่วง น้องสาวของเจ้ายังเหลืออีกสี่คน ย่าจะหาทางส่งคนอื่นไปแทน” วาจานี้ของท่านผู้เฒ่าฟังดูแล้วออกจะใจไม้ไส้ระกำกับหลานสาวคนอื่นไปเสียหน่อย แต่ใครใช้ให้อวี้ฮวากลายเป็นสิ่งล้ำค่าเล่า หลานสาวอีกสี่คนจะอย่างไรก็ยังเป็นแค่ลูกอนุ นับค่าอันใดมิได้เลยสักกระผีก ใยจะสละมิได้ ฮูหยินผู้เฒ่ามีความคิดเช่นนี้

ฟังจากที่บิดาและท่านย่าพูดแล้ว อวี้ฮวาพลันฉุกคิดถึงแผนการหนึ่งขึ้นมาได้ รีบหันไปกล่าวกับคนทั้งสอง

“หลานมีข้อเสนอ มิรู้ว่าควรกล่าวหรือไม่เจ้าค่ะ”

“ว่ามาเถิด เรื่องนี้เกี่ยวกับเจ้าโดยตรง ย่ายินดีรับฟัง”

“ในกระบวนน้องสาวทั้งหมด หลานมีความเห็นว่าน้องสี่เหมาะสมที่สุดเจ้าค่ะ เพราะน้องสี่เป็นคนไม่ค่อยพูด ทั้งยังว่านอนสอนง่าย หากว่าแต่งไปแทนหลานได้ ไม่แน่ว่าบางที นางอาจจะทำให้คุณชายสี่ลุ่มหลงก็เป็นได้นะเจ้าคะ หรือต่อให้ไม่เป็นเช่นนั้น แต่หลานเชื่อว่านางต้องได้ใจท่านโหวอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ ท่านย่ากับท่านพ่อเห็นเป็นเช่นไรเจ้าคะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากับท่านป๋อหันมาสบตากัน เดิมที ที่ทั้งคู่ปรึกษากัน คือจะส่งอวี้จิ้นไปแทน พอได้ยินอวี้ฮวาเสนออวี้ซื่อขึ้นมา พึ่งจะนึกถึงหลานสาวคนนี้ขึ้นมาได้ ครั้นคิดไปถึงหลานสาวที่ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในเรือนผู้นั้นแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าคิดว่ามีความเหมาะสมอยู่บ้าง

การรับอนุเข้าจวน หากจวนโหวต้องการ สามารถรับเด็กสาวไปเลี้ยงดูได้เลย ส่วนจะร่วมหอเมื่อใดนั้น สุดแต่ฝ่ายชายจะปรารถนา หากเป็นอวี้ซื่อนับว่าดีกว่าอวี้จิ้นจริงๆ

“อาเซิ่ง เจ้าคิดเช่นไร” ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปถามบุตรชาย

หยางอวี้เซิ่งแทบจะจำหน้าบุตรสาวลำดับที่สี่ไม่ได้ จะเอาความรักความเอาใจใส่มาจากที่ใด เขาย่อมต้องเห็นด้วย “แล้วแต่ท่านแม่จะตัดสินใจขอรับ”

“ดี ถ้าอย่างนั้นเอาตามนี้เถิด” ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าคราหนึ่ง จากนั้นหันมากล่าวกับอวี้ฮวา “ส่วนเจ้ามีหน้าที่ต้องกระตุ้นคนจวนกั๋วกง ให้พวกเขาแสดงท่าทีออกมา ย่าเชื่อว่าซื่อจื่อคงไม่เต็มใจจะให้เจ้ากลายไปเป็นอนุของผู้อื่นอย่างแน่นอน”

“เจ้าค่ะ” อวี้ฮวารับคำ ทว่าในใจยังรู้สึกกังวล นางเคยพบเว่ยกงเยว่มาแล้ว คนที่ลงมือโดยไร้หัวคิดเช่นนั้น ต่อให้นางได้หมั้นหมายกับเสวียนหรงซื่อจื่อจริง คนอย่างเว่ยกงเยว่ไม่มีทางปล่อยนางไปด้วยเรื่องแค่นี้เป็นแน่ มีทางเดียวคือนางต้องหลบไปก่อน

อันที่จริงอวี้ฮวาคิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว นางจำได้ว่าอีกไม่กี่วันฝนจะตกหนัก พื้นที่ทางใต้จะเกิดน้ำท่วม จนเกิดเหตุการณ์โรคระบาด นางจะเดินทางไปที่นั่น ชาติก่อน สูตรยารักษาโรคระบาดเป็นหมอหลวงเกาหย่วนคิดค้นขึ้นมา ภายหลังทางการได้ประกาศสูตรยาต่อสาธารณชน นางยังจดจำสูตรยานั่นได้ ไปครานี้ อวี้ฮวามิเพียงต้องการหนีจากเว่ยกงเยว่ ยังต้องการไปสร้างชื่อ แต่เรื่องนี้คงต้องรอให้เกิดขึ้นก่อน นางถึงจะบอกกล่าวกับฮูท่านย่าและบิดาได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel