๔ คนที่ไม่เคยสำคัญ (๒)
ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของพิณพรที่พูดกับคุณป้า จึงเข้าไปดูในครัวเห็นหล่อนกำลังชิมแกงในหม้อที่กำลังเดือด
“ได้เลยค่ะ ป้าเต็มใจสอน” เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ชายหนุ่มมองแผ่นหลังเล็กที่กุลีกุจอหยิบจานซ้อนกันเพื่อเอาไปวางที่โต๊ะรับประทานอาหาร คีบปลาออกจากเตาย่างแล้ววางลงบนจาน ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของเขาหมด ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาแอบมองหล่อนก็ตาม
“พี่ฟ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” ร่างบางหันมาเห็นเขาพอดี คุณหมอฟันจึงรีบทำหน้าเรียบเฉย ไม่รู้ตัวสักนิดว่าเมื่อครู่เผลอมองหล่อนด้วยแววตาที่อ่อนโยนมากแค่ไหน
ถ้าเขารู้ตัวบางทีเรื่องมันอาจจะง่ายกว่านี้ก็ได้...
“ลินล่ะ” เลือกจะถามถึงผู้หญิงอีกคนจนพิณพรที่อยู่ตรงหน้าชะงัก แล้วก้มหน้าเพื่อตักแกงสายบัวใส่ถ้วย
“พี่ลินกลับแล้วค่ะ พี่ธีมมาที่นี่พอรู้ว่าพี่ลินตกน้ำเลยพากลับไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล” หมื่นฟ้าขมวดคิ้วแล้วนิ่งไปสักพัก เขาไม่รู้ว่าน้องสาวกลับไปก่อนแล้ว ไม่น่าล่ะถึงได้นอนหลับแบบสงบสุขหลายชั่วโมง
“ไม่เห็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้นเลย” พึมพำกับตัวเองเรื่องที่ธีมาลากภรรยาไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเพียงแค่หล่อนตกน้ำ
“พี่ฟ้าจะกินข้าวเลยไหมคะ อาหารใกล้เสร็จแล้วเดี๋ยวเพลงจะได้ยกออกไปตั้งโต๊ะ” รีบถามเพื่อเป็นการตัดบท แค่ต้องเห็นความห่วงใยที่เขามีให้คนอื่นก็เจ็บปวดพอแล้ว หล่อนไม่อยากต้องรู้สึกแบบนั้นอีก
ตอนเย็นพวกเขาจึงได้กินข้าวด้วยกันสองคนอย่างเงียบเชียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมานอกจากจัดการอาหารตรงหน้าให้หมด ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างอึมครึมจนตอนแรกอ๊อดที่จะเข้ามากินข้าวด้วยต้องถอยทัพทันที
“พี่ฟ้ายังไม่นอนอีกเหรอคะ” หลังรับประทานอาหารเสร็จเธอก็เข้าสวนไปเก็บผลไม้เพื่อจะได้นำกลับบ้าน ส่วนร่างสูงเลือกจะอยู่ที่บ้านไม่ยอมตามมา
พอตกเย็นรอบข้างก็เงียบสงัด ยิ่งฟ้ามืดทุกอย่างก็เหมือนหยุดหมุนไปด้วย บ้านแถบชนบทนอนเร็วจนไม่อยากเชื่อว่าตอนนี้เพิ่งหนึ่งทุ่มครึ่งเท่านั้นเอง ถ้าอยู่ที่บ้านหล่อนก็เพิ่งรับประทานอาหารเสร็จและกำลังนั่งเล่นอยู่โถงบ้านกับบิดา หรือเหล่าแม่บ้าน
แต่พออาบน้ำเรียบร้อยและอ่านผลประกอบการของร้านขายเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เลือกออกมานั่งเล่นข้างนอก ลมพัดเย็นสบายไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ
“ยังไม่ง่วง” เห็นร่างสูงที่นั่งมองท้องฟ้าก็เอ่ยถาม พอมาอยู่ที่นี่ได้เห็นดาวเยอะกว่าปกติ พระจันทร์เสี้ยวสีเหลืองนวล ล้อมไปด้วยดาวหลายดวง
เห็นแล้วก็รู้สึกสงบอย่างไม่เคยเป็น...
ร่างบางเลือกจะนั่งลงข้างเขา เหลือบมองใบหน้าคมที่นิ่งจนไม่อาจคาดเดาความรู้สึกได้ อยากรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ
“บรรยากาศดีจังเลยนะคะ” ลดพัดต้องกายไม่ได้ทำให้หนาวจนห่อไหล่ แต่กำลังเย็นพอให้คลายใจที่ร้อนรุ่ม เป็นครั้งแรกหรือเปล่าไม่อาจทราบที่พวกเธอได้นั่งดูดาวด้วยกัน ส่วนมากอยู่ในห้องก็แทบไม่ได้ทำอะไรนอกจากกอดก่ายบนเตียง
หรือไม่หล่อนก็ทำตัวเป็นแม่บ้านจัดการห้องของหมื่นฟ้าให้สะอาด เตรียมของใส่ในตู้เย็นให้เต็มตลอดเวลา เผื่อเขาหิวจะได้เปิดกินตลอดไม่ต้องกังวลเรื่องของหมด
“นั่นสิ” ตอบรักเสียงเบา ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วปล่อยกายไปตามสายลม สูดกลิ่นหญ้า ต้นไม้ และดอกแก้วที่พัดโชยมาจากสวน
รู้สึกสงบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน กระทั่งมีคนมากวนให้มันขุ่นอีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ...พิณพรคิดว่าหล่อนควรถามเขาเพื่อความแน่ใจ แต่จะให้เอ่ยไปตรงๆ ก็ไม่กล้าจึงเลือกจะถามแบบอ้อม
“พี่ฟ้าเคยรักใครสักคนหรือเปล่า” เลือกจะไม่เจาะจงชื่อของผู้หญิงคนนั้น หมื่นฟ้าไม่เคยบอกใครว่าแอบชอบน้องสาวต่างสายเลือด แต่คนที่มองเขามาตลอดทำไมจะไม่รู้
สายตาของร่างสูงมักอ่อนโยนเสมอเวลาที่มองไรลินยา เหมือนแววตาของเธอยามมองเขาไม่มีผิด เหตุการณ์วันนี้ยิ่งตอกย้ำไปอีกว่าคนสำคัญของอีกฝ่ายเป็นใคร
ที่ไม่ใช่เธอ...
“เคย เคยสิ...” ตอบเสียงแผ่ว นึกถึงใบหน้าของไรลินยาแล้วยกยิ้มมุมปาก ความสุขของเขาคือการได้มองเธอ ก่อนมันจะกลายเป็นความเจ็บปวดเมื่อหญิงสาวกลายเป็นของคนอื่น โดยที่ตนไม่สามารถทำอะไรได้เลย
เป็นเพียงแค่พี่ชายที่แอบรักหล่อนตลอดไป กระทั่งความรู้สึกที่มียังไม่อาจเอ่ยออกไปให้ได้รู้ เก็บงำไว้กับตนหลายสิบปี
“แล้วตอนนี้ยังรักไหม” ถึงรู้ว่าคำถามจะเหมือนศรที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง แต่หล่อนก็เลือกจะถามเพื่อให้เขาได้ตกตะกอนความคิด แล้วเลิกรอคนที่ไม่มีวันหันมารักตัวเองสักที
แค่มองคนข้างๆ ที่ภักดีกับเขามาตลอดอย่างเธอไม่ได้เลยเหรอ
“รัก...แต่เป็นไปไม่ได้” หมื่นฟ้าเองก็รู้แต่ยากจะตัดใจ เมื่อรักครั้งนี้มันเป็นสายสัมพันธ์ที่ถักทอมาหลายปี การจะตัดครั้งเดียวให้ขาดเป็นไปไม่ได้เลย
“ถ้าเพลงอยากให้พี่ฟ้าลืมเขา แล้วหันมาหาเพลงได้ไหม” พิณพรถามอย่างองอาจแล้วเอื้อมมือไปประคองใบหน้าคมเพื่อให้หันมองตนเอง เธอกล้าเพื่อจะไม่ได้สูญเสียเขา การลองครั้งนี้หญิงสาวทุ่มหมดใจและกาย
ผลสุดท้ายจึงหวังเพียงการถูกรักตอบจากเขา เธอเชื่อว่าหมื่นฟ้าต้องใจอ่อนให้ตนบ้างล่ะ...
“ยอมใช้ร่างกายแลกไหมล่ะ” ประโยคที่ทิ่มแทงใจแต่ร่างบางก็จำต้องกลืนก้อนสะอื้นลงคอ พยายามฝืนยิ้มที่มีเพียงความเจ็บปวด
เขาจะใช้หัวใจรักเธอไม่ได้เลยเหรอ ทุกครั้งที่ร่างสูงแตะต้องการมันมีเพียงความใคร่ที่อยากปลดปล่อย ไม่ได้เกิดจากความรักสักนิด เธอจึงขมขื่นทุกครั้งยามคิดว่าตนเป็นเพียงเงาของใครอีกคน
“ถ้ามันจะทำให้พี่ฟ้าหันมามองเพลงแค่คนเดียว...เพลงยอม” โน้มเข้าไปจุมพิตเขาแล้วแช่ค้างเอาไว้อย่างนั้น ค่อยผละออกมาเพื่อให้ชายหนุ่มเป็นคนตัดสินใจว่าควรทำอย่างไรต่อไป จะปลดมือเธอออกจากใบหน้า
หรือทำทุกอย่างให้เป็นเหมือนอย่างที่เคย...
ซึ่งหมื่นฟ้าก็เลือกจะปลดมือบางออกแล้วจุมพิตหญิงสาวอย่างดุดัน ไม่มีความอ่อนโยนนอกจากกระแทกกระทั้นเอาแต่ใจ แล้วอุ้มคนตัวเล็กเข้าไปในห้องนอนของหล่อนโดยไม่ผละจากริมฝีปากสีเชอร์รี่
ปิดประตูแล้วลงกลอนด้วยมือเพียงข้างเดียว แล้วประคองบั้นท้ายงอนเอาไว้ หญิงสาวก็ให้ความร่วมมืออย่างดีเกี่ยวขากับเอวสอบ แล้วกอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตก จากนั้นร่างบางก็ถูกวางลงบนเตียงกว้าง
มือหนาเลิกเสื้อยืดขึ้นไปกองไว้บนเนินอก ก่อนจะจัดการกับชุดชั้นในที่ปกปิดความงดงามเอาไว้ด้วยการปลดตะขอด้านหลัง แล้วบีบทรวงอกนุ่มทั้งสองข้างเอาไว้พร้อมกับครอบครองด้วยริมฝีปาก กัดเม้มยอดถันที่ชูชันจนร่างบางเจ็บต้องเปล่งเสียงครางแหลม
“อ๊ะ พี่ฟ้า เจ็บ เพลงเจ็บ” ร้องประท้วงเพื่อบอกให้เขาผ่อนแรง แต่ชายหนุ่มกลับยิ่งดูดกลืนและฝากรอยเอาไว้เพื่อระบายความหงุดหงิดของตัวเอง
พิณพรไม่เคยสมเพชตัวเองเท่านี้มาก่อน เพิ่งตระหนักว่าตนเองเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาก็เมื่อเห็นแววตาคมที่มองแผ่นหลังบางของไรลินยา แฝงแววเจ็บปวดมากเพียงใดที่รักแต่ไม่อาจได้ครอบครอง