๒ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม (๑)
๒
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เมื่อบิดาบอกให้กลับมารับประทานอาหารที่บ้าน หญิงสาวจึงต้องขับรถจากคอนโดมิเนียมกลับบ้านที่ไม่อบอุ่นเหมือนเดิม หรือที่จริงมันไม่เคยอบอุ่นเลยต่างหาก การต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ช่วงวัยเด็กเธอต้องเรียนความสามารถพิเศษหลายอย่าง เพื่อให้มารดาสามารถเชิดหน้าชูตาได้
ขณะที่พิชญะไม่เห็นต้องทำอะไรแบบนั้น สามารถออกไปข้างนอกเล่นกับเพื่อนได้อย่างสบายใจ มีเพียงหล่อนต้องนั่งคัดตัวอักษรให้สวยเพื่อไปประกวดคัดลายมือ
ไม่เคยได้เล่นแบบเพื่อนคนอื่นเขาหรอก...นอกจากต้องแอบออกไปไม่ให้มารดาทราบ
ตอนนี้ท่านถูกสั่งห้ามไม่ให้เขาใกล้ลูกสาว ย้ายไปอยู่ต่างประเทศอย่างถาวร แต่คุณรุ่งวิภาก็โทรมาบอกว่าอาจจะกลับไทยเร็วๆ นี้
ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการกลับมาเพียงชั่วคราว ไม่อาจอยู่แบบถาวรได้แล้ว คุณธิปกคงไล่บี้สุดกำลังถ้าเป็นอย่างนั้น ผ่านเรื่องราวน่าหดหู่มาสามปีความโกรธของบิดาไม่ลดลงสักนิด เธอเองก็โกรธแม่เช่นเดียวกัน
แต่คำว่าสายเลือดไม่มีทางตัดกันขาด จึงยังติดต่อกับท่านอยู่เรื่อยมา ดีตรงที่คุณรุ่งวิภาไม่สามารถบงการชีวิตเธอได้อีกต่อไป
“กว่าจะได้เจอหน้า พ่อต้องโทรไปขอร้องทุกครั้งเลยไหม” ทรุดกายลงบนโซฟากว้างข้างบิดาแล้วสวมกอดท่านด้วยความคิดถึง มาบ้านหลังใหญ่ครั้งล่าสุดเมื่อสองสัปดาห์ก่อน แน่นอนว่าเป็นคุณธิปกที่โทรเรียก
ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เห็นหน้าบุตรสาวเพียงคนเดียวของตนเอง
“โธ่คุณพ่อคะ เพลงยุ่งกับร้านจริงๆ ค่ะ ช่วงนี้ยังไม่อยู่ตัวนี่คะ พี่ธีมก็ชอบขู่จะปิดร้านอยู่เรื่อยเลยถ้ายอดไม่ถึงเป้า” ทำหน้าบึ้งยามคิดถึงคำขู่ของพี่ชาย แต่เขาก็ไม่ได้พูดจริงจังนักหรอก ดีใจด้วยซ้ำที่น้องสาวบริหารร้านจนอยู่ตัว
“ปิดก็ดีสิ จะได้มาทำงานที่บริษัทเรา ให้พี่เขาทำคนเดียวไหวที่ไหนล่ะ เหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้ว” หล่อนผละออกจากท่านแล้วมองใบหน้าที่เริ่มเหี่ยวย่นตามกาลเวลา นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ดูว่าพ่อแก่ลงมากแค่ไหน
หล่อนเองก็กลัวการจากลาอย่างไม่มีวันกลับ แต่เพิ่งได้ใช้ชีวิตของตัวเองเป็นครั้งแรกยังไม่อยากบินกลับเข้ากรงทอง
หญิงสาวยังมีความสุขกับอิสระที่ได้รับ...
“เพลงยังสนุกกับงานนี้อยู่เลยค่ะ อีกอย่างคุณพ่อก็อนุญาตแล้วด้วย ลืมคำพูดตัวเองแล้วเหรอคะ” คุณธิปกยังจำได้ถึงวันแรกที่ลูกมาลาออกจากบริษัท ถึงจะมีหุ้นแต่ก็ไม่อยากทำงานบริหารแล้ว พิณพรอยากเปิดร้านขายเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง
วางแผนและขอทุนสำรองจากท่านเพื่อเริ่มกิจการ ย้ายออกจากบ้านไปอยู่ตามลำพัง เล่นเอาแม่บ้านที่เรียกหล่อนมาแต่อ้อนแต่ออกน้ำตาซึมเป็นแถว กลัวคุณหนูของตนจะใช้ชีวิตคนเดียวไม่ได้
จึงหมั่นเอาอาหารไปใส่ตู้เย็นให้สัปดาห์ล่ะสองครั้ง หรือทำความสะอาดที่ห้องสามวันครั้งไม่ให้มีฝุ่นจับ เล่นเอาเธอต้องบอกว่าจะทำทุกอย่างเอง
แต่มีหรือแม่บ้านจะฟัง...มีคุณพ่อให้ท้ายเพื่ออำนวยความสะดวกให้บุตรสาวขนาดนี้
“ไม่ลืมหรอก อะไรที่เป็นความสุขของลูกพ่อก็สนับสนุนทั้งนั้นแหละ ว่าแต่ไม่คิดจะหาลูกเขยมาให้พ่อหรือไง” อายุของหล่อนเข้าสู่วัยเบญจเพสแล้ว แต่กลับไม่มีข่าวคราวเรื่องความรักเลย
ตั้งแต่เด็กจนโตพิณพรไม่เคยมีปัญหาเรื่องความรักมาให้ท่านระคายใจ มุ่นมั่นเรียนจนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เป็นเด็กดีของพ่อแม่อยู่ในโอวาท ท่านโชคดีที่ได้ลูกสาวคนนี้...
ดีกว่าลูกชายที่เก่งทุกอย่างแต่แค่อ้าปากก็หาเรื่องชวนทะเลาะไม่เว้นวัน เดี๋ยวนี้ดีขึ้นแล้วเพราะมีเมีย ท่านเองก็วางมือจากงานธุรกิจแล้วเกษียณออกมาปลูกต้นไม้ มีเวลาว่างก็ไปออกรอบกับกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกัน
ความสุขหลังจากตรากตรำทำงานมาหลายสิบปี
“ยัง..ยังไม่มีหรอกค่ะ แต่ถ้ามีจะรีบพาแนะนำทันทีเลย คุณพ่อไม่เกี่ยงใช่ไหมคะว่าเขาจะยากดีมีจน” ไม่กล้าบอกท่านว่าตอนนี้กำลังตามจีบผู้ชายคนหนึ่ง และคุณธิปกรู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี แต่คิดดูอีกทีเอาไว้จีบสำเร็จแล้วได้เป็นแฟนกันค่อยบอกท่านดีกว่า
“ได้หมดแหละ ขอแค่รักลูกพ่อด้วยใจจริงไม่คิดมาหลอกก็พอแล้ว ลูกรักใครพ่อก็รักด้วย”
“เพลงรักพ่อที่สุดเลยค่ะ” กอดท่านอย่างรักใคร่ เธอรู้สึกสบายใจยามอยู่กับบิดา เสียดายที่ช่วงเด็กของเธอมีเพียงแม่ที่ดูแล เพราะคุณธิปกยุ่งกับงานบริษัทจนแทบไม่ได้กลับบ้าน
ซึ่งพิณพรเข้าใจเป็นอย่างดีและไม่เอามาเป็นปมด้อยแต่อย่างใด ถึงคุณพ่อไม่มีเวลาให้แต่ยามว่างก็มอบให้บุตรสาวตลอด หล่อนจึงรักท่านมาก
“ไง กลับบ้านได้แล้วเหรอ” แทบไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ที่ขับเข้ามาในรั้วบ้าน กระทั่งเห็นร่างสูงของพี่ชายคนโตก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นแล้วเอ่ยทักเสียงเรียบ ด้วยใบหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์จนดูเหมือนคนไร้ความรู้สึก
ไม่รู้ว่าพี่สะใภ้ของเธอชอบเข้าไปได้อย่างไร...
“ถึงเพลงไม่กลับบ้านแต่ก็เอาผลประกอบการไปให้พี่ธีมอ่านทุกเดือนอยู่แล้วค่ะ” ผละจากบิดาแล้วพูดคุยกับพี่ชายที่วางของทั้งหมดลงบนพื้น ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นของภรรยาแทบจะไม่มีชิ้นไหนเป็นของเขาเลย
“ไม่เหมือนกัน” นั่งลงยังโซฟาเดี่ยวเยื้องกัน ไม่รู้ทำไมพิณพรเลือกจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอก ช่วงแรกเขาค่อนข้างเป็นห่วงแต่เห็นว่าน้องใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ดีก็คลายกังวล ปล่อยให้หล่อนได้โผบินตามใจตัวเอง
ส่วนเรื่องร้านเสื้อผ้าก็ช่วยดีและเคี่ยวเข็ญ ไม่อยากให้น้องล้มเหลวตั้งแต่ลงทุนครั้งแรก พิณพรอาจไม่รู้แต่พนักงานทุกคนในร้านเขาเป็นคนหาให้ทั้งสิ้น แล้วส่งไปช่วยเหลือหล่อนให้ดำเนินกิจการจนรอดในแต่ละไตรมาส
“น้องเพลง กลับมาแล้วเหรอคะ วันนี้นอนที่บ้านหรือเปล่าพี่มีชุดจะให้ลอง ซื้อมาเยอะเลยนะแต่พี่ใส่ไม่ได้เลยว่าจะให้เพลง กะจะโทรไปชวนอยู่แล้วเชียว ดีใจที่ได้เจอ” พี่สะใภ้เดินตัวปลิวเข้ามาในบ้าน เมื่อครู่เพิ่งวางสายจากเพื่อนสนิทเลยตามเข้ามาช้า
คนท้องอ่อนทำตัวปกติเหมือนไม่มีอีกหนึ่งชีวิตกำลังอาศัยด้วย มีเพียงสามีที่มองเธอไม่คลาดสายตา กลัวหญิงสาวจะสะดุดขาตัวเองล้ม
แต่พอเห็นไรลินยามานั่งข้างตนจึงพอเบาใจ แล้วฟังเธอร่ายยาวถึงเสื้อผ้าที่ซื้อมาแล้วคนเป็นสามีไม่ยอมให้ใส่เพราะมันค่อนข้างรัด กลัวลูกจะอึดอัด ใช้เวลาโต้แย้งมาตลอดเส้นทางตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าถึงบ้านจนร่างบางต้องยอมแพ้
จึงคิดจะเอาชุดทั้งหมดให้พิณพร...เชื่อว่าอีกฝ่ายต้องใส่ออกมาสวยอย่างแน่นอน
“นอนที่บ้านค่ะ ถ้าไม่นอนเดี๋ยวคุณพ่อจะงอน” มองบิดาที่นั่งเงียบมองลูกพูดคุยกัน เล่นเอาคนถูกเอ่ยถึงต้องส่ายศีรษะ
“พูดเหมือนพ่อเป็นคนแก่ขี้งอนไปได้” เธอหัวเราะร่วนที่ได้เย้าแหย่ท่าน บางทีการอยู่ห้องคนเดียวก็เหงาเหมือนกัน อยู่บ้านยังได้คุยกับเหล่าแม่บ้านหรือเล่นสนุกในครัวบ้าง
พออยู่คนเดียวหล่อนก็มองเพียงโทรศัพท์...รอสายเรียกเข้าจากคนที่อยู่ห้องตรงข้ามแต่เขาก็ไม่เคยทักมาสักที
ถ้าไม่ต้องการระบายอารมณ์กับร่างกายของเธอ
“เมื่อไหร่เพลงจะย้ายกลับมาล่ะ คุณพ่อบ่นคิดถึงทุกวันเลย มาอยู่ด้วยกันบ้านจะได้ครึกครื้นไง” ไรลินยากล่าวชวน ทุกวันนี้เธอต้องไปนอนสอง