๗ ความหลังที่เจ็บปวด (๑)
๗
ความหลังที่เจ็บปวด
เหนื่อยจะร้องไห้จากการถูกทำร้ายจิตใจ ดวงตากลมเหม่อมองรายทางที่รถขับผ่าน ถึงจะเป็นช่วงดึกแต่ก็ยังมีร้านรวงเปิดบริการ ผู้คนนั่งจับจองพื้นที่จนโต๊ะเต็มแทบไม่ว่าง ไม่ว่าจะเช้าหรือค่ำก็ยังต้องทำมาหากินเลี้ยงปากท้อง
เธอเองก็เช่นกันที่ไม่สามารถหยุดงานทุกอย่างเพื่อตามง้อผู้ชายคนเดียวได้ ในตารางของพันดารายังมีงานละครและโฆษณาอีกหลายชิ้น พรุ่งนี้ก็ต้องไปถ่ายโฆษณาคิดว่าคงเช้าจรดเช้าของวันเหมือนเดิมตามเจ้าของผลิตภัณฑ์จะพึงพอใจ
ค่อยปิดเปลือกตาลงช้าๆ แล้วคิดว่าควรทำอย่างไรกับชีวิตของตนเอง บิดาจากไปเมื่อสิบเก้าปีก่อนจนหล่อนแทบลืมใบหน้าของท่าน น้ำเสียงอบอุ่นของพ่อยังทุ้มในใจแต่ก็จำไม่ได้แล้วว่าเสียงนั้นเป็นอย่างไร
มีเพียงความรักและรอยยิ้มของท่านที่ยังประทับอยู่ในใจไม่ลืมเลือก พร้อมกับความโกรธที่มีต่อมารดาค่อยทุเลาลง การมีแม่คอยดูแลแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ใช่เรื่องดี หล่อนเหมือนถูกควบคุมตลอดเวลา ยังนึกนับถือตนเองที่ปิดเรื่องคบกับเอื้ออังกูรมาได้กว่าห้าปี
จะว่าไปเธอก็เก่งเหมือนกันนะดาว...
“ขอบคุณนะคะ” ถึงหน้าคอนโดมิเนียมก็ขอบคุณคนขับรถประจำตัว หล่อนหยิบข้าวของแล้วเข้าไปในลิฟต์พิเศษที่แยกสำหรับเพนท์เฮาส์โดยเฉพาะ ดวงตากลมหลับลงแล้วพิงผนัง พลางคิดว่าควรทำอย่างไร
ตัดใจจากเอื้ออังกูรแล้วปล่อยเขาไปดีไหม
“ไม่ได้ ทำไม่ได้หรอก” บอกกับตนเสียงเบา ถ้าเลิกรักชายหนุ่มได้หล่อนคงทำไปนานแล้ว ไม่ต้องมานั่งเจ็บปวดแบบนี้
ระยะเวลาแปดปีมันนานพอจะลืมใครสักคน ทว่าไม่ใช่กับเอื้ออังกูร เธอไม่สามารถลบแฟนคนแรกออกจากหัวใจได้ ไม่รู้เพราะอะไร ทั้งที่พยายามรักและเริ่มต้นกับคนใหม่ สุดท้ายก็พังลงไม่เป็นท่า
สงสัยคงต้องทำบางอย่างเสียแล้ว...ถึงมันจะเป็นเรื่องไม่สมควรก็ตาม
“ไม่น่าเชื่อว่าดาวจะมาถ่ายละครที่บริษัทของพี่เอื้อได้ โลกกลมจริงๆ เลยนะคะ” มาถึงห้องทำงานของทีมเฉพาะกิจก็มองอย่างสำรวจ เห็นว่าเป็นห้องขนาดเล็กที่จัดวางเป็นสัดส่วน ทว่าบนโต๊ะของร่างสูงกลับรกไปด้วยเอกสารและแบบร่าง
เขาพาเธอเดินมาโซนรับแขกของห้อง มีโซฟาตัวยาวและโต๊ะเล็ก ซึ่งส่วนมากใช้เป็นที่พักผ่อนซะมากกว่า ไม่ค่อยมีใครเข้ามาห้องนี้หรอก ถ้าไม่ใช่มีธุระสำคัญ
ช่วงแรกที่เอื้ออังกูรเข้ามาทำงานก็มีหญิงสาวหลายคนแวะเวียนไม่ขาดสาย แต่พอเจอดวงตาคมมองดุก็แทบไม่กล้าอย่างกรายเข้าใกล้ กำแพงในใจของวิศวกรหนุ่มสูงจนไม่มีใครปีนเข้าไปอยู่ข้างในได้
พอพูดจบก็มองใบหน้าคมที่ยังคงตีสีหน้าเรียบ ไม่ยินดียินร้ายกับคำพูดของรุ่นน้อง ทำเอาพรนลัทต้องคิดไตร่ตรองครู่หนึ่งว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่ออดีตเพื่อนสนิทยังเหมือนเดิมหรือเปล่า
แต่มันก็ผ่านมานานแล้ว บางทีพี่เอื้ออาจจะลืมพันดารา ตัดขาดไม่เหลือเยื่อใยเพราะสิ่งที่ดาราสาวทำกับร่างสูงก็ไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับได้
การคบซ้อนใครบ้างจะชอบ...
คิดแล้วแอบอมยิ้มไม่ให้เขาเห็น หยิบอาหารที่อยู่ในถุงผ้าออกมาวางเรียงบนโต๊ะ การกลับมาเมืองไทยคราวนี้หล่อนคิดจะรุกให้เต็มที่ไม่อยากเสียโอกาส และไม่อยากเป็นเพียงรุ่นน้องอีกต่อไปแล้ว
“พี่เอื้อได้คุยกับดาวบ้างไหมคะ” เห็นเขาไม่ยอมตอบจึงถามต่อ ร่างสูงนั่งลงบนโซฟาแล้วมองอาหารที่หล่อนทำมาให้
ตอนแรกก็ปฏิเสธแต่พอได้ยินว่าหญิงสาวรออยู่ข้างล่างแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากลงไปรับจนเจอพันดาราที่กลับค่ำ
ถึงจะทำงานอาคารเดียวกันแต่ก็แทบไม่เจอหญิงสาวอีกเลย ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นร่างบางก็ไม่มาก่อกวนหรือวุ่นวายอีก ข้อความที่เคยได้รับวันละหนึ่งถึงสองข้อความก็หายไปด้วย ชายหนุ่มพยายามบอกตัวเองไม่ให้สนใจ อย่าหลงกลจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เด็ดขาด
หญิงคนนั้นมีมารยาร้อยเล่มเกวียน เขาจะไม่มีทางเผลอใจอ่อนให้เธอ
“คุยบ้าง” อาหารญี่ปุ่นกินง่ายและค่อนข้างสะดวกปรากฏตรงหน้า วัตถุดิบน่าจะเป็นของดีเพราะดูสีสันสดใสทั้งนั้น
“อ้อ เอ่อ ผึ้งทำอาหารญี่ปุ่นมาให้คิดว่าพี่เอื้อน่าจะชอบ ลองทานดูสิคะว่าอร่อยไหม ผึ้งทำสุดฝีมือเลยนะ” พยักหน้าแล้วมองร่างสูงตาปริบ การเอาชนะใจเอื้ออังกูรค่อนข้างยาก และเธอก็อยากทำให้ได้สักครั้งเหมือนที่พันดาราสามารถเข้าไปนั่งในใจของชายหนุ่ม
วิศวกรหน้าคมหยิบตะเกียบแล้วคีบซูชิหน้ากุ้งมากิน เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยเพราะความหิว ช่วงนี้เขาต้องเคลียร์งานที่คั่งค้าง มีนัดไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อน พยายามปฏิเสธแต่ฝ่ายนั้นก็โทรมาวันละสามเวลาจนรำคาญจึงเผลอตอบรับเพื่อตัดปัญหา
คิดว่าวันจริงค่อยหาข้ออ้างอีกรอบ แต่เหมือนทุกคนจะรู้จึงกดดันเขาทุกทาง จำต้องจ่ายเงินค่าที่พักและเป็นคนขับรถชั่วคราวให้กลุ่มเพื่อน
“อร่อยดี” ได้รับคำชมก็ยิ้มหน้าบาน ตักอาหารใส่จานเขาอย่างมีความสุข ลอบมองกรอบหน้าคมแล้วนึกวาดฝันถึงภาพในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้น
เขาคงไม่รู้ว่าหล่อนแอบชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า รุ่นพี่สุดหล่อคณะวิศวกรรมศาสตร์...
ไม่รู้เอื้ออังกูรจำได้ไหมวันปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัยแล้วเขาเดินชมเธอ ร่างสูงกล่าวขอโทษพร้อมช่วยเก็บของที่หล่นบนพื้น นั่นคือความประทับใจแรกที่มอบให้แก่รุ่นพี่ต่างคณะ หลังจากนั้นก็แอบมองชายหนุ่มมาโดยตลอด ไม่กล้าเข้าไปทำความรู้จักหรือพูดคุย
จนกลายเป็นคนอกหักเพราะเพื่อนในกลุ่มเป็นแฟนกับเขา เสียใจมากแค่ไหน ร้องไห้เยอะเท่าไหร่มีเพียงแค่ตนเองที่รู้เพราะไม่กล้าบอกใคร ถึงปากจะอวยพรแต่ในใจก็อิจฉาพันดารา
ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนั้นที่ได้ทุกอย่าง เป็นที่รักของคนอื่นแถมยังได้ครอบครองดวงใจของเอื้ออังกูร
เป็นเธอไม่ได้หรือไง
“อร่อยก็ทานเยอะๆ เลยนะคะ เดี๋ยวผึ้งจะทำให้อีก” ตอบรับด้วยการพยักหน้าแล้วกินอาหารให้หมดเพื่อจะได้ทำงานในส่วนของตนต่อให้เสร็จ
การลางานสี่วันเพื่อไปเที่ยวไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หัวหน้าก็อนุมัติเพียงแค่ขออย่างเดียวให้งานในความดูแลของเอื้ออังกูรเสร็จเรียบร้อย ลำบากร่างสูงต้องมาเคลียร์ทุกอย่างและฝากกฤตินเข้าไปดูไซต์งานเป็นครั้งคราว
เพื่อนต่างล้อว่าเขาทำงานเหมือนบ้านติดหนี้ ทั้งที่ความจริงครอบครัวเข้าขั้นร่ำรวย ถึงจะไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีเมืองกรุง แต่ก็รวยติดอันดับในจังหวัดเพราะถือครองพื้นที่เยอะและมีกิจการในความดูแล ทั้งมารดายังทำร้านอาหารคนเข้ามาอุดหนุนไม่ขาดสาย
จะเรียกว่าจนก็คงไม่ถูกนัก เป็นเพราะฝ่ายชายชอบทำงานเยอะเพื่อให้สมองไม่มีเวลาว่างไปคิดเรื่องอื่นด้วยแหละ
ร่างสูงลงมาส่งหล่อนที่ใต้ตึกอาคาร ถึงพรนลัทจะบอกว่าอยากอยู่เป็นเพื่อนแต่เขาก็เห็นว่ามันไม่เหมาะ อาจทำให้ฝ่ายหญิงเสียหายถ้าใครมาพบเข้า เธอจึงต้องบอกลาเขาแล้วกลับบ้าน ไม่ลืมหันมองชายหนุ่มผ่านกระจกมองหลัง
ไม่ค่อยมั่นใจว่าเขาตัดพันดาราออกจากใจได้อย่างเด็ดขาด หลังจากเลิกกันไม่เห็นฝ่ายชายจะคบใครจริงจัง อยากมากก็แค่คุยคลายเหงา ไม่มีสถานะที่ชัดเจน
ใบหน้าหวานเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เพราะหล่อนอยากเข้าไปแทนที่คนในดวงใจของเอื้ออังกูร ต่อให้ยากเท่าไหร่ก็จะลองดูสักตั้ง
ถึงจะใช้วิธีสกปรกก็ตาม...
หล่อนมาทำงานที่บริษัทยูทีแอลที-มีเป็นวันสุดท้าย การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่นโดยมีประธานบริษัทมาดูแลด้วยตนเอง พอผู้กำกับบอกคัททุกคนต่างเฮเพราะเหลืออีกแค่ไม่กี่คิวก็จะปิดกล้อง ต่างเข้ามาเก็บของเตรียมกลับ
วันมะรืนต้องไปถ่ายละครที่ต่างจังหวัด กว่าจะหาคิวนักแสดงทุกคนให้ว่างตรงกันได้ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าหน่อย
“ขอบคุณสำหรับสถานที่นะคะ” เข้ามาคุยกับคนอายุมากกว่า พลางค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณยกใหญ่ คุณวิบูลย์พยักหน้าพลางยกยิ้ม
ถึงไม่ค่อยว่างแต่ก็ยังหาเวลาเพื่อมาบอกลาเหล่าทีมงาน ถ้าฉากนี้ได้ฉายออกอากาศผู้คนคงได้ชมบรรยากาศในบริษัท ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ไปในตัว แถมยังบอกเล่าเรื่องราวของเหล่าวิศวกรอีกต่างหาก แม้จะไม่เยอะก็จาม
“ไม่เป็นไร คนกันเองทั้งนั้น” ก่อนกลับท่านก็ขอเลี้ยงข้าวที่ร้านอาหารใกล้บริษัท พวกเขาจึงพากันเคลื่อนย้ายไปยังร้านใกล้ๆ เหลือเพียงร่างบางกำลังเก็บของแล้วจะตามไปทีหลัง
แอบใจหายเมื่อคิดว่าจะไม่ได้มาบริษัทก่อสร้าง การเจอกันของตนและเอื้ออังกูรคงห่างไกลออกไปทุกที การทำงานที่ไม่ค่อยเป็นเวลา ไม่มีสถานที่ชัดเจนอาจยากถ้าต้องการเจอหน้าเขา
แถมฝ่ายชายยังไม่ยอมเปิดโอกาสให้อีกต่างหาก คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักอกแล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายข้างไว้ ส่วนข้าวของก็ให้ผู้ช่วยนำไปเก็บไว้ที่รถส่วนตัว
“นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว” เดินมาถึงโถงกลางของบริษัทก็พบร่างสูงที่อยู่ในชุดสูทมาดเนี้ยบ ผมถูกเซตเป็นทรงอย่างหล่อเหลา เล่นเอาพนักงานหญิงหลายคนหันมามองด้วยความสนใจ ทว่าตาของเขากลับจ้องเพียงหญิงตรงหน้าผู้เดียว
“คุณทัพมาได้ยังไงคะ” อุตส่าห์ดีใจที่ชายหนุ่มไม่มาหาสองวัน
ถ้าให้บอกตามตรงก็ไม่ค่อยชอบการถูกตามจากอีกฝ่ายเท่าไหร่ หล่อนไม่ค่อยชอบการรุกของเขาที่ซ้อของให้ทุกอย่าง ถึงจะไม่ต้องการก็ตาม แถมยังเข้าทางคนรอบข้าง ผู้จัดการเอยหรือเพื่อนดาราคนสนิท คอยถามหรือตามเธอตลอด
มันชวนให้อึดอัดถึงจะบอกตามตรงว่าไม่ชอบเขา แต่ดูเหมือนฝ่ายชายจะไม่เก็บมาใส่ใจเท่าไหร่ ยังคงติดตามอยู่อย่างนั้น
“ได้ข่าวว่าคุณวิบูลย์จะเลี้ยงข้าว ผมเลยขอตามไปแจมด้วยครับ” ไม่แปลกใจที่เขาจะรู้จักประธานบริษัทยูทีแอลที-มี แวดวงธุรกิจไม่ได้กว้างเท่าไหร่หรอก ผู้บริหารระดับสูงมีหรือจะไม่รู้จักกัน
“ถ้างั้นก็เชิญค่ะ” ตอบแล้วยิ้มเพียงเล็กน้อย แต่มันเป็นเหมือนน้ำเย็นฉ่ำชโลมใจให้คนมองยิ้มตาม เขารีบเดินเคียงข้างหล่อนเพื่อไปยังร้านอาหารใกล้บริษัท ไม่สนใจว่ามีสายตานับสิบคู่มองมาด้วยความสนใจ ทว่าไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้เพราะประธานบริษัทบอกเสียงเฉียบห้ามมีข่าวลือใดๆ ทั้งสิ้นออกไปจากคนภายใน
ไม่อย่างนั้นจะลงโทษขั้นเด็ดขาด แล้วอย่างนี้ใครเล่าจะกล้า
“อีกไม่นานคุณดาวของฉันต้องเป็นแฟนกับหมอนั่นแน่เลยว่ะ” ถอนหายใจหลังกลับมาจากกินข้าวข้างนอก
วันนี้ทีมเฉพาะกิจนำทัพโดยหัวหน้าอย่างวโรดมพากันออกไปกินข้าวข้างนอก เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีและทำให้เป็นอันหนึ่งเดียวกัน แต่เหมือนเป็นแค่เหตุผลให้หัวหน้าเลี้ยงข้างเท่านั้น
ทินภัทรมองตามสองหนุ่มสาวที่สมกันยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่กลับเอื้อมไม่ถึงนางในดวงใจสักที หล่อนเหมือนอยู่สูงเกินกว่าจะไขว้คว้าได้ แถมยังไม่โน้มลงมาให้จับอีกต่างหาก
ดวงตาคมของวิศวกรหน้าหล่อหันหนีภาพตรงหน้า เขาไม่รอฟังคนอื่นพูดกลับสาวเท้ายาวกว่าเดิมเพื่อเดินเข้าลิฟต์ แค่เห็นภาพเมื่อครู่ความรู้สึกไม่พอใจก็ตีตื้นจนไม่อาจบังคับสีหน้าได้ ทำให้คนที่เหลือต้องรีบเดินตามเช่นกัน
พอจะหันมาถามก็เจอเอื้ออังกูรมองดุจึงต้องรีบปิดปากเหมือนเดิม ไม่รู้เพื่อนร่วมงานไปกินรังแตนที่ไหนถึงได้กราดมองเหมือนพร้อมสร้างสงครามทุกเวลา
บรรยากาศในลิฟต์อึดอัดจนภาวนาให้ถึงชั้นที่หมายโดยเร็ว พอเลขบ่งบอกว่าถึงห้องทำงานก็รีบพากันเดินออกมา ไม่เว้นคุณวโรดมที่เป็นหัวหน้าทีม รอบตัวของร่างสูงมีความรู้สึกน่าเกรงขาม จนอดคิดไม่ได้ว่าในอนาคตคงได้เป็นใหญ่เป็นโต
หากไต่เต้าถึงระดับผู้บริหารได้ ไม่แน่ว่าถ้าคุณวิบูลย์เกษียณและมีคนสนับสนุนคงได้นั่งตำแหน่งประธานบริษัท
