๓ ทนกับภาพบาดตา (๒)
“วันนี้แต่งหล่อเลยนะเอื้อ” ฝาแฝดหยินหยางทักเพื่อนร่วมงาน ถึงจะอายุมากกว่าชายหนุ่มแต่กลับรู้สึกเกร็งยามเวลาพูดกับอีกฝ่าย
มุมปากหยักยกยิ้มแล้วมองชุดของตน เขาไม่อยากมางานนี้เท่าไหร่แต่เพราะท่านประธานต้องการแนะนำให้รู้จักกับคนในวงการก่อสร้าง ทำให้จำใจตกปากรับคำ ต้องไปยืมชุดจากห้องเช่าเพราะในตู้เสื้อผ้าแทบไม่มีสูทสำหรับใส่ออกงาน
ส่วนผมและหน้าก็เข้าร้านให้ช่างจัดการ เขาไม่ค่อยเก่งเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ถ้าอยู่บ้านคงให้น้องสาวคนเล็กอย่างอัยย์ญาดาช่วยแล้ว รายนั้นเป็นนักแสดงที่ผันตัวไปทำอาชีพเกษตรกรฟาร์มโคนม แต่ก็ยังมีฝีมือไม่เป็นสองรองใครเรื่องการแต่งหน้า
“พวกพี่ก็ดูดี” ชมสองหนุ่มทำเอาถึงกับยิ้มหน้าบาน
“สวัสดีค่ะพี่เอื้อ เพิ่งมาเหรอคะ” ยังไม่ทันได้พูดคุยกันมากกว่านั้น ก็มีสาวประชาสัมพันธ์เดินเข้ามาทักซะก่อน ยังเข้ามาในงานไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ
เสน่ห์แรงไม่มีใครเกิน
“ครับ” ตอบรับสั้นและเป็นการตัดบทสนทนาไปในที
เขาไม่ค่อยอยากสานสัมพันธ์กับคนในบริษัทเดียวกัน ไม่ชอบปัญหาที่จะตามมาภายหลัง อีกอย่างคือไม่มีคนถูกใจ
ไม่รู้ว่าเลือกมากหรือยังไม่ลืมคนในใจกันแน่
“หิวไหมคะ เดี๋ยวป่านพาไปโซนอาหาร วันนี้ท่านประธานจัดอาหารมาให้ทุกภาคทุกประเทศเลยนะคะ” ผายมือไปทางอาหารที่เรียงรายอยู่ด้านข้าง เขากวาดตามองแล้วค่อยพยักหน้าตอบกลับเล็กน้อย ไม่มีเสียงใดลอดออกจากลำคอ
วเรณย์ถึงกับยิ้มขำเมื่อเห็นสาวเจ้าหน้าเสีย อุตส่าห์มาชวนคุยแต่วิศวกรหน้าหล่อกลับไม่หือไม่อือ แทบไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ
“คุณเอื้อคะ มีโต๊ะนั่งหรือยัง โต๊ะพวกเรายังว่างนะคะ” สาวบัญชีเดินเข้ามาทัก หล่อนน่ารักจนหนุ่มโสดอย่างทินภัทรใจสั่น รีบกระทุ้งสีข้างของรุ่นพี่คนสนิท บ่งบอกว่าชอบเธอมากเพียงใด และตอนนี้เป็นโอกาสอันนี้ที่จะเริ่มจีบอย่างจริงจัง
โดยใช้พระเอกของงานอย่างเอื้ออังกูรให้เป็นประโยชน์ อย่างไรอีกฝ่ายคงไม่ชอบเธออยู่แล้ว ฉะนั้นคนนี้พี่ขอแล้วกัน
“ว่างเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมกับพี่วินขอไปนั่งด้วยนะ” บอกหน้าเป็น แต่หล่อนกลับหันมายิ้มจืดเจื่อนแล้วปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ดูจะไม่เข้าท่าเท่าไหร่
“เหลือแค่ที่เดียวค่ะ ขอโทษนะคะ” ค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นการขอโทษ แล้วหันมามองเอื้ออังกูรที่ยืนนิ่งไม่ตอบอะไร
แล้วเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นที่หน้าประตู เรียกความสนใจจากพวกเขาให้หันไปมอง ก่อนจะพบซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าของเมืองไทยอย่างพันดารา หล่อนมาในชุดเดรสยาวปักเลื่อมสีแดง ช่วงบนเป็นคอวีแขนกุด ทำให้เห็นทรวงอกที่เบียดชิดกันจนผู้ชายหลายคนมองตาวาว
สะโพกผายยามก้าวเดินช่างน่ามองจนสาวๆ ต่างอิจฉากับหุ่นที่สวรรค์ช่างปั้น แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเธอต้องออกกำลังกายหนักแค่ไหนกว่าจะได้หุ่นแบบนี้ มาจากความพยายามทั้งนั้นไม่ใช่คนบนฟ้าประทาน
ผมยาวถูกรวบเป็นหางม้าต่ำไว้ด้านหลัง ปล่อยปอยผมด้านข้างเล็กน้อย หล่อนสวยเสียจนคิดว่าอยู่บนสรวงสวรรค์แล้วเจอนางฟ้าซะอีก
โทรศัพท์ถูกยกมาเก็บภาพเอาไว้ ทุกท่วงท่าการเดิน รอยยิ้มพิมพ์ใจและหุ่นสะโอดสะอง แค่เห็นก็นึกอิจฉาสามีในอนาคตแล้ว
โดยไม่รู้เลยว่าเอื้ออังกูรต้องกำหมัดแน่นแค่ไหนในการระงับอารมณ์ ทั้งที่บอกว่าเกลียดหล่อนแต่เขากลับไม่ชอบที่อีกฝ่ายแต่งตัวเปิดเผยมากเกินไป
อยากโชว์ให้ผู้ชายดูหรือไง...
คิดในใจแต่ไม่เอ่ยออกไป เขาหยิบแชมเปญที่บริกรถือเสิร์ฟมาดื่ม ไม่อยากเชื่อว่าคุณวิบูลย์จะลงทุนกับเครื่องดื่มจนถึงขั้นเสิร์ฟไวน์ แชมเปญ และพั้นช์ ไม่น่าเล่าทำไมถึงกำชับนักหนาให้แต่งตัวดูดี เพราะดูรอบงานทุกคนจัดเต็มกันหมด
ดวงตาคมมองร่างบางก่อนจะผินไปทางอื่นเมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังจะหันมา เขาดื่มรวดเดียวหมดแก้วโดยไม่กลั้วปากเพื่อรับรสชาติจากเครื่องดื่มราคาแพง อกมันร้อนรุ่มแปลกๆ แต่ก็ยังหน้านิ่งเช่นเดิมเหมือนไม่รู้สึกอะไร
“ตัวจริงสวยกว่าในทีวีอีก หุ่นอย่างแจ่ม” สองหนุ่มที่ยืนใกล้เอื้ออังกูรหันมาคุยกันถึงเรื่องของดาราหน้าสวย
“นายเห็นนิตยสารที่เขาขึ้นปกชุดว่ายน้ำไหม ฉันซื้อเก็บไว้เรียบร้อย ตอนไปร้านเหลือเล่มสุดท้ายเกือบไม่ทัน” คิดถึงเรื่องนั้นก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พันดาราจะถ่ายชุดว่ายน้ำลงปก ถึงจะอยู่วงการบันเทิงมานานแต่หล่อนก็แต่งตัวมิดชิด
แต่ครั้งนี้คงยอมเพราะบรรณาธิการเป็นคนสนิท แถมยังลงทุนขอร้องด้วยตัวเองเพื่อเพิ่มยอดขายให้หนังสือที่อาจจะต้องปิดตัวลง และเมื่อภาพเซ็ตนั้นถูกขายออกไปกลับเพิ่มรายได้เป็นกอบกำ ทำให้รู้ว่าหล่อนมีมูลค่าหลายสิบล้าน เป็นที่ต้องการตัวอย่างมาก
“ผมก็มีเก็บเอาไว้อย่างดี ของแรร์แบบนี้ใครจะไม่อยากได้” เอื้ออังกูรไม่อยากฟังคนทั้งสองพูดกัน จึงเดินเลี่ยงไปทางอื่น
เขาเลือกมาโซนอาหารเพราะยังไม่ได้กินข้าวเย็น หวังจะมาฝากท้องไว้ที่งาน หยิบจานแล้วตักตามความอยากของตนเอง
“พี่เอื้อ มานานหรือยังคะ” ผินหน้ามองคนที่เข้ามาทัก ก่อนจะพบหญิงสาวที่ตกเป็นประเด็นสนทนาเมื่อครู่ หล่อนฉีกยิ้มกว้างให้เขาอย่างคุ้นเคย แต่ร่างสูงกลับทำหน้านิ่งแล้วหันกลับมาตักอาหารเช่นเดิม
คนตัวเล็กหน้าเสียแต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ เธอเข้าใจที่เขาจะโกรธและเกลียดตนเอง ใครบ้างจะยอมให้อภัยผู้หญิงที่ทิ้งในวันบาดเจ็บ แถมไม่กี่วันต่อมายังมีข่าวคบกับชายอื่นที่พ่อร่ำรวย
เอื้ออังกูรคงมองเธอเป็นคนหิวเงินไปแล้ว
“ช่วงนี้ดาวไม่ค่อยว่างไปเรียนรู้งานเลย ถ้ายังไง..” พยายามหาเรื่องชวนคุย ถึงมันจะมีน้อยนิดก็ตามเพราะอีกฝ่ายไม่ตอบรับหรือยืดบทสนทนา
เธอรู้สึกเหมือนตนคุยกับกำแพงหรือก้อนหิน ทำไมเขาจีบยากอย่างนี้นะ ไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อนเลย
ไม่รู้ทำไมพันดาราถึงยังยึดติดกับอดีตเช่นนี้ มักเปรียบเทียบเขาในปัจจุบันกับอดีตว่าแตกต่างกันมากเพียงใด ถึงจะเป็นคนเดียวกันก็ตาม
“ไม่ต้องมาหรอก ยังไงเธอก็ไม่อยากรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ตอบชัดตรงประเด็น มีหรือที่วิศวกรหนุ่มจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามเข้าหาตนเองโดยมีเรื่องงานเป็นข้ออ้าง
สองดวงตาจ้องกันไม่มีใครหลบ ก่อนหล่อนจะเลือกหันมองทางอื่นเพราะอับอายที่เขารู้ทัน คิดว่าเนียนแล้วแท้ๆ ยังไม่สามารถตบตาชายหนุ่มได้เลย
ขายาวก้าวออกจากโซนอาหารปล่อยหล่อนยืนอยู่เพียงลำพัง ดวงตาหวานมองตามเขาแล้วถอนหายใจอย่างหนักอก โดยมีสายตาหลายคู่จับจ้องอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าคนทั้งสองไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน แล้วเหตุใดเอื้ออังกูรจึงมีท่าทีเย็นชากับนักแสดงสาวเช่นนั้น
ผู้จัดการเข้ามาตามดาราในสังกัดเมื่อเห็นท่าไม่ดี เธอได้สติจึงรีบเดินไปหาคุณวิบูลย์แล้วกล่าวทักทายพร้อมพูดคุยกับนักธุรกิจท่านอื่น
พันดาราชินกับการเข้าสังคมเสียแล้ว การอยู่ในวงการบันเทิงมากกว่าสิบปีทำให้หล่อนต้องรู้จักปรับตัว ถึงเรื่องไหนไม่รู้หรือไม่เข้าใจก็พยายามทำทีฟังอย่างสนใจแทน
เสียงคุยกันดังทั่วห้องกลบเพลงที่กำลังบรรเลง เจ้าของงานเดินทักทายไปเรื่อยก่อนจะเปิดงานโดยมีสาวสวยอย่างพันดาราอยู่ข้างกาย นักข่าวมาถ่ายภาพไปลงช่องของตน แสงแฟลชพรึบพรับจนคนที่มองอยู่ข้างล่างยังแสบตาแทน
ทว่าคนข้างบนกลับยิ้มสู้กล้อง โดยที่ดวงตากลมค่อยเหลือบมองหนุ่มหล่อที่นั่งดื่มด่ำกับน้ำสีเข้มซะหลายแก้ว จนตาคมเริ่มเลื่อนลอย
เวลาผ่านไปสักพักเขาก็ถูกดึงเข้าไปสนทนากับนักธุรกิจระดับสูง เอื้ออังกูรเปลี่ยนโหมดเป็นการงาน พูดเกี่ยวกับอาชีพได้เป็นอย่างดี จนคนในกลุ่มประทับใจเป็นอย่างมาก
กว่าจะถูกปล่อยก็ผ่านไปเป็นชั่วโมง เขาจึงใช้โอกาสนี้เพื่อกลับห้องเพราะเริ่มมึนศีรษะแล้ว ดื่มไปกี่แก้วก็จำไม่ได้ รู้เพียงหยิบมาดื่มทุกครั้งที่เหลือบคนร่างบางยิ้มหวานให้คนอื่น แถมผู้ชายหลายคนยังจ้องทรวงอกหล่อนตาเป็นมัน
พยายามบอกตัวเองว่าไม่หึง เธอจะทำอะไรแต่งตัวอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย
เราเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น
“พี่เอื้อจะกลับแล้วเหรอคะ” ออกมาข้างนอกก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตาม พอเขาหันไปมองจึงเห็นพันดารายืนหอบเพราะกลัวตนมาไม่ทัน
ร่างสูงไม่ตอบอะไรจะเดินออกจากโรงแรม ตอนนี้พวกเขาอยู่หน้าห้องจัดเลี้ยงที่มีคนเดินผ่านประปรายแต่ไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะส่วนมากอยู่ข้างในกันหมด
“ทำไมพี่ชอบเดินหนีดาวอยู่เรื่องเลยค่ะ ตอบดาวสักคำมันจะตายหรือไง” โมโหจนเผลอขึ้นเสียงใส่ ดวงตากลมแดงก่ำหลังจากพยายามเก็บความน้อยใจเอาไว้ตลอด
ชายหนุ่มไม่รู้หรือไงว่าการเป็นคนโดนเมินมันก็เจ็บเหมือนกัน ใช่ว่าหล่อนหน้าหนาไม่รู้สึกรู้สา แต่ทุกครั้งที่ถูกปฏิเสธหล่อนรู้สึกเสียใจ ทว่าไม่อาจแสดงออกให้เขาเห็นได้
“แล้วมาตามฉันทำไม เรื่องระหว่างเรามันจบไปหลายปีและเธอเป็นคนเลือกทางนี้เอง จะมาถามหาความยุติธรรมกับฉัน ถามสิ่งที่ตัวเองทำก่อนเถอะว่ามันเลวร้ายมากแค่ไหน” ไม่เข้าไปบีบแขนเล็กแล้วเขย่าตัวเรียกสติก็ดีแค่ไหนแล้ว
วันที่เขาต้องการเธอกลับทิ้งไปไม่ไยดี แล้ววันที่กำลังจะเริ่มต้นใหม่ทำไมถึงเข้ามาในชีวิตกันอีกครั้ง มาทำให้คิดถึงวันวาน นึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับจากหล่อนทำไม
“ดาวขอโทษ ดาวไม่ได้ตั้งใจ” บอกเสียงเครือ น้ำตาคลอเบ้าอย่างคนสำนึกผิด เธอก้าวเข้าหาเขาหวังจับมือหนาแต่อีกฝ่ายก็ถอยหลัง
อยากบอกความจริงทุกอย่างแต่สถานที่ไม่เอื้ออำนวย แค่การคุยกับเขาในที่สาธารณะก็ถูกจับจ้อง หากทำเกินกว่าเหตุอาจเป็นข่าวลงหน้าหนึ่ง ทั้งยังถูกซุบซิบใส่สีตีไข่ ประเคนข่าวคาวให้ทั้งที่มันไม่เป็นความจริง
พันดาราจึงไม่สามารถทำได้อย่างใจคิด หล่อนกำมือแน่นเกลียดอาชีพของตนเองก็วันนี้ แสงที่ส่องมามากเกินไปมันก็ทำให้อึดอัดได้เหมือนกัน
“ฉันไม่ต้องการคำขอโทษของเธอ เพราะตอนนี้ฉันเริ่มต้นใหม่แล้ว” พูดไปอย่างนั้นเพราะอยากให้หล่อนเจ็บเหมือนที่เขาเคยเป็น
วันที่เห็นข่าวการคบหาของพันดารากับกนต์ธร พฤกษากรหัวใจเหมือนแตกออกเป็นเสี่ยง ร้องไห้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยม นอนกอดขวดเหล้าอยู่อย่างนั้นจนเพื่อนต้องมาเรียกสติ กว่าจะกลับมาเป็นผู้คนเหมือนทุกวันนี้ใช้เวลาพอสมควร
เขาหนีจากเมืองไทยไปเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศ ทิ้งแผนงานแต่งลงถังขยะหลังจากฉีกมันเป็นชิ้น
หวังจะลืมแฟนเก่าที่รักหมดหัวใจ คิดว่าทำได้แล้วแท้ๆ แต่หล่อนก็กลับมาทวงคืนตำแหน่งเดิม ใครเล่าจะยอมกลับไปเจ็บ
“ไม่จริง พี่โกหก” ส่ายศีรษะช้าๆ ไม่เชื่อลมปากคนตรงหน้า หล่อนตรวจเช็คมาแล้วว่าเขายังไม่มีใคร เอื้ออังกูรโสดมาตลอดตั้งแต่เลิกกัน
มีเพียงข่าวคราวว่าเปลี่ยนคู่นอนให้หล่อนเจ็บบ้าง...
“ฉันพูดความจริง นั่นไงผู้หญิงที่ฉันรัก” หันไปมองคนที่ออกมาจากงาน จำได้ว่าหล่อนเป็นสถาปนิกที่เจอตอนไปไซต์ก่อสร้างกับ
ร่างสูงเดินผ่านเธอไปหาหญิงผู้นั้น ก่อนจะโอบไหล่เล็กเอาไว้พร้อมฉีกยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย มันดูเหมือนการแสดงละครมากกว่าความจริงจนไม่อยากเชื่อ
“อะ อะไร” คนมาใหม่เริ่มเห็นท่าทีไม่ชอบมาพากลของคนทั้งสอง ระแวงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับตนเอง จนตั้งป้อมเพื่อรอตั้งรับ
“คุณเป็นแฟนพี่เอื้อเหรอคะ” ถามตรงประเด็น นักแสดงสาวไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา และคนที่ได้ยินก็เบิกตากว้าง กำลังจะส่ายหน้าปฏิเสธก็ถูกประคองใบหน้าให้หันมามองร่างสูงเสียก่อน
และไม่ทันที่ทุกคนจะคาดคิด เอื้ออังกูรก้มลงจุมพิตบุคคลที่สามทันที เล่นเอาพันดาราเข่าอ่อนเกือบทรุดลงกับพื้น มันเป็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นด้วยซ้ำ มือเล็กยกขึ้นมากุมอกอย่างเจ็บปวด เม้มปากแน่นไม่ให้ส่งเสียงร้องขณะที่สั่นไหวไปทั้งกาย
การมองเขาจูบกับผู้หญิงอื่นมันไม่ง่ายสักนิด