บท
ตั้งค่า

๒ คนเคยเจ็บก็ต้องจำ (๒)

เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ตนขับรถยนต์มาเอง เธอไม่ค่อยได้แตะรถเท่าไหร่แต่เพราะวันนี้คนขับรถต้องไปโรงพยาบาลในช่วงเช้า ดาราสาวจึงเลือกมาเอง ผกาพรรณติดดูแลนักแสดงใหม่ ส่วนผู้ช่วยอีกคนก็ต้องไปดูแลพระเอกอีกคนเช่นเดียวกัน

พันดาราจึงต้องลุยเดี่ยว เรียกกำลังใจให้ตนเองมาตลอดเส้นทางจนมาหยุดอยู่หน้าบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ เธอเห็นร่างสูงยืนรอโดยการพิงรถยนต์พลางสวมแว่นตา เท่ห์จนมองไม่ละสายตา

แต่พอเห็นวิศวกรหนุ่มหันมาจึงได้สติรีบดับรถแล้วเปิดประตูออกมาข้างนอกทันที จากคนที่สวมชุดเดรสสีหวานกลายเป็นไปรเวททะมัดทะแมง เสื้อแขนยาวสีเข้มและกางเกงยีนส์เข้ารูป ผมยาวถูกมัดเป็นมวยไม่ให้เกะกะ สวมรองเท้าผ้าใบแทนส้นสูง

เตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีเพื่อรอรับคำชม ทว่าคงคิดเข้าข้างตนเองมากเกินไป

“ขับตามมา” เพียงแค่สามพยางค์แล้วเดินไปขึ้นรถของตน ปล่อยหล่อนยิ้มค้างพร้อมคำทักทายที่กำลังจะเอ่ย ถอนหายใจยอมจำนนค่อยเดินไปขึ้นรถตนแล้วขับตามเขา

ทั้งที่ความจริงน่าจะไปคันเดียวกันแท้ๆ

ระหว่างทางก็คิดว่าจะต้องพูดอะไรกับเขาบ้าง หล่อนไม่ต้องการมาเรียนรู้งานหรอกเพราะอย่างไรฉากพวกนี้ก็มีคนคอยบอกอยู่แล้ว แต่มันคือโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดเอื้ออังกูรต่างหาก

เมื่อก่อนนึกสงสัยที่เพื่อนหลายคนบอกเข้าหาชายหนุ่มยาก สำหรับเธอแล้วฝ่ายชายค่อนข้างเปิดใจและเปิดประตูต้อนรับ โดยที่หล่อนไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ ได้รับรอยยิ้มและอ้อมกอดอบอุ่นจากรุ่นพี่ผู้นี้เสมอ

ทำให้เผลอคิดไปเองว่าตอนนี้เขาจะยังเป็นแบบนั้น ซึ่งความจริงต่างกันราวฟ้ากับเหว

เข้าใจอย่างท่องแท้ว่าที่ทุกคนพูดไม่เกินจริงเลย เขาเว้นระยะห่างกับคนไม่รู้จัก สร้างกำแพงหนากับคนที่เกลียด และสำหรับเธอแล้ว...ก็โบกปูนปิดทับอีกรอบ

หญิงสาวเข้าหาเอื้ออังกูรยากเหลือเกิน

ขับมาถึงไซต์งานก่อสร้างที่อยู่ชานเมือง หล่อนจอดข้างทางที่เป็นพื้นหญ้าโล่ง ไม่ค่อยมีหมู่บ้านแถวนี้แต่หน้าปากซอยก็มีทั้งตลาดและห้างสรรพสินค้า อำนวยความสะดวกสบายทั้งยังสายรถเมล์เพื่อต่อเข้าตัวเมืองอีก

มือเล็กคว้ากระเป๋ามาสะพายแล้วรีบเดินตามร่างสูง ก้าวขาแทบขวิดเพราะเขาเดินเร็วและไม่รอกันเลย แถมเข้าไปทักทายคนหน้างานอย่างสนิทสนม

“มาเช้าเลยนะครับ คนงานยังไม่มาเลย” คุณลุงร่างท้วมผิวคร้ามแทนเอ่ยทัก

ดวงตาคมเหลือบมามองคนเดินตาม ซึ่งตอนนี้หล่อนมาหยุดยืนข้างเขาพร้อมมอบรอยยิ้มพิมพ์ใจให้คนที่ไม่เคยเห็นหน้า

“พาดารามาดูงานน่ะครับเลยต้องรีบมาแต่เช้า เดี๋ยวคนเยอะจะทำให้เธอโปรยเสน่ห์จนไม่เป็นอันทำงาน” ไม่รู้ว่ามันคือคำประชดหรือเปล่า แต่หล่อนไม่ชอบเอาเสียเลย หันมามองเขาแล้วค้อนใส่แต่ก็ต้องรีบหลบสายตาเพราะเอื้ออังกูรจ้องเอาเรื่อง

ลืมไปเสียสนิทว่าตนไม่ใช่แฟนของอีกฝ่ายแล้ว

“โอ๊ะ อย่าบอกนะครับว่านี่คือคุณพันดารา ตัวจริงสวยมากเลย ผมชื่อสมุทรเป็นหัวหน้างานไซต์ก่อสร้างนี้ ขอ ขอลายเซ็นหน่อยได้ไหมครับ ลูกผมชอบคุณมากเลย ไม่สิ ขอถ่ายรูปคู่หน่อยนะครับ” พูดลิ้นแทบพันกัน เพิ่งเคยเจอดาราระดับแนวหน้าตัวเป็นๆ ครั้งแรก

ยิ้มกว้างมีความสุขจนหล่อนหัวเราะเสียงใส รีบพยักหน้าตกลงแล้วเดินไปยืนข้างคนมากกว่าวัย ทำให้หัวหน้าไซต์งานดีใจก่อนรีบส่งโทรศัพท์ของตนให้วิศวกรหน้าหล่อ

“ฝากถ่ายหน่อยครับ” เอื้ออังกูรถึงกับหน้าบึ้ง เขาลืมคิดไปว่าหล่อนเป็นขวัญใจคนทุกเพศวัย แม้กระทั่งคนเคร่งขรึมอย่างคุณสมุทร เจอหน้าเขาครั้งแรกก็ตั้งท่าหาเรื่องและขัดกันเรื่องงานตลอด ใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเข้ากันได้

แต่พอเจอพันดารากลับต่างออกไป หัวเราะยิ้มแย้มจนความสุขฉายชัดทางสายตา เห็นแล้วก็หมั่นไส้จนต้องถอนหายใจแรง

เขากดถ่ายรูปมองคนทั้งสองยิ้มให้กล้องจนพอใจ แล้วยื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของ ส่วนดาราหน้าสวยก็เดินมายืนข้างเอื้ออังกูรเช่นเดิม

“อ่ะใส่เอาไว้ คนจะได้ไม่มอง” ยื่นหน้ากากอนามัยให้หล่อนเพื่อใส่ปิดบังใบหน้า หญิงสาวรับมาแล้วกล่าวขอบคุณในลำคอ

หยิบหมวกนิรภัยจากหัวหน้าคนงานก่อสร้างมาสวมเอาไว้เพื่อป้องกันความปลอดภัย ไม่นานก็เริ่มมีคนงานเข้าประจำที่ แล้วเริ่มทำงานทันทีโดยมีเอื้ออังกูรคอยเดินตามตรวจเช็ค

การสร้างอาคารมีวิศวกรหลายตำแหน่งมาดูแลทุกขั้นตอน ซึ่งเขามีหน้าที่ควบคุมทั้งหมด เป็นหัวหน้าโครงการตามประธานบริษัทมอบหมาย

ไม่ได้เข้ามาทุกวันแต่ก็มาดูงานสัปดาห์ละสามถึงสี่วัน สลับกับโครงการคอนโดมิเนียมและห้องสมุด ทำให้เอื้ออังกูรไม่ค่อยมีเวลาว่างไปพบปะเพื่อนหรือสังสรรค์

ร่างบางเดินตามหลังเขาแล้วแอบถ่ายรูปเก็บไว้ หล่อนอมยิ้มมีความสุขยามเห็นชายหนุ่มเข้าสู่โหมดจริงจังของการทำงาน อีกฝ่ายอาจไม่รู้ว่าตนเองมีเสน่ห์มากแค่ไหน แค่เห็นก็ทำให้ยิ้มได้ไม่หุบ เหงื่อที่ไหลออกมาตามใบหน้าเธอก็อยากซับให้

แต่กลัวโดนปฏิเสธ

“วันนี้พาแฟนมาด้วยเหรอคุณเอื้อ” คนงานเอ่ยแซวเมื่อเห็นผู้หญิงเดินตามไม่ห่าง และดูท่าจะไม่ใช่วิศวกรซะด้วยเพราะทำเพียงมองร่างสูง ไม่ได้จดหรือฟังหัวหน้าคนงานก่อสร้างสักนิด

แก้มนุ่มที่ถูกปิดแดงปลั่งกับคำกล่าวนั้น เธอเม้มปากแน่นกลั้นยิ้มก่อนหันมองร่างหนาที่ทำหน้าเรียบเฉย ไม่ยินดียินร้ายกับคำแซวเท่าไหร่ เพราะอย่างไรมันก็ไม่ใช่ความจริง

“เปล่า คนของท่านประธานแค่อยากมาดูงาน” ปฏิเสธเสียงเรียบ ทำให้คนอื่นเลิกสนใจเพราะหล่อนรู้จักกับประธานบริษัท ใครเล่าจะกล้าต่อปากต่อคำ

พันดารามองวิศวกรหนุ่มที่ยังคงตีหน้านิ่ง ทำงานในส่วนของตนเองไม่หันมาสนใจหล่อนสักนิดว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ร่างบางจึงตัดสินใจกระทำบางอย่างที่เป็นการเรียกร้องความสนใจ ถึงจะไม่ควรก็ตาม

“โอ๊ย” ทางตรงหน้าต่างระดับ จึงใช้โอกาสนี้ในการสะดุดและค่อนข้างแนบเนียนเพราะเล่นบทนี้มาเป็นร้อยครั้งแล้ว

เธอลงนั่งอยู่บนพื้นทำเอาหัวหน้าทั้งสองที่เดินนำต้องหันมอง คุณสมุทรรุดเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง กำลังจะเอ่ยชื่อของเธอแต่โดนเอื้ออังกูรกระแอมห้ามซะก่อน ไม่อยากให้คนอื่นทราบว่าดารามาเดินเล่นที่ไซต์ก่อสร้าง

“เป็นอะไรไหมครับ” คนที่ต้องการให้ถามกลับยืนมองเงียบๆ ใช้สายตาสำรวจโดยไม่เอ่ยปากหรือแสดงความเป็นห่วงสักนิด

มันน่าน้อยใจจริง

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่สะดุด” ปัดฝุ่นตามกางเกงแล้วค่อยลุกยืนโดยมีคุณสมุทรช่วยพยุง ทั้งที่ความจริงเธอไม่เจ็บสักนิด

ดวงหน้าหวานมองร่างสูงที่ยังคงเงียบเหมือนใบ้กิน เขาสำรวจเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วยอมเปิดปากในที่สุด

“เจ็บตรงไหนไหม” พันดาราฉีกยิ้มกว้างถึงเขาจะไม่เห็นก็ตาม เธอส่ายศีรษะแต่ก็ยังคงคอนเซ็ปว่ารู้สึกขัดยอกกับการล้มเมื่อครู่

“ไม่ค่ะ” ตอบเสียงเบา

“ดีแล้ว เดินดูงานต่อเลย ไปชั้นสามเลยไหมครับผมอยากรู้ว่าโครงสร้างตรงนี้ที่ให้เปลี่ยนวัสดุจัดการเรียบร้อยหรือยัง” หันไปสนใจงานและปล่อยหล่อนไว้อย่างนั้น คุณสมุทรทำหน้าไม่ถูกเมื่อหัวหน้าวิศวกรพูดเช่นนั้น

เขากังวลว่าดาราสาวจะเจ็บ ความจริงอยากให้เธอไปนั่งพักแต่ก็ไม่กล้าขัดเอื้ออังกูร ตอนแรกที่เขม่นคนรุ่นลูก แต่พอได้ทำงานและเห็นถึงฝีมือจึงได้ยอมรับ ตอนนี้กลายเป็นเกรงใจไปโดยปริยาย

มองตามรุ่นพี่ร่วมมหา’ลัยก็ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ทีเมื่อก่อนหล่อนสะดุดนิดเดียวเข้ามาประคองราวกับบาดเจ็บหนัก คิดถึงอดีตก็มีแต่ความอิจฉาให้ตัวเองจนต้องสะบัดศีรษะไล่ความคิดเหล่านั้น ค่อยเดินตามคนทั้งสองไปยังชั้นสาม

แล้วจากนี้หล่อนจะทำอย่างไรให้เขาหันมามอง แค่ในฐานะคนรู้จักยังยากเลย

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เธอไม่อาจเดินตามเขาได้จึงมานั่งรอข้างล่าง หลบหลีกผู้คนไปดื่มน้ำเย็นดับกระหายแล้วหยิบพัดลมพกพาเครื่องเล็กมาพัดหน้า ดีที่นำติดตัวมาด้วยไม่อย่างนั้นคงต้องนั่งร้อนอยู่แบบนี้

มองคนงานทำหน้าที่ของตนไม่เกี่ยงงอน เพื่อค่าแรงขั้นต่ำที่น้อยจนน่าตกใจกับงานเสี่ยงเช่นนี้ หล่อนคิดว่าตนเองโชคดีที่มีต้นทุนชีวิต อาชีพนักแสดงแม้จะต้องแลกด้วยเวลาและสุขภาพ แต่เม็ดเงินที่ได้ก็คุ้มค่าเหนื่อย

หล่อนมองร่างสูงที่จริงจังในการทำงาน ยกยิ้มชื่นชมอดีตแฟนหนุ่ม เขาเคยอยู่ในระดับท็อปมาตลอด พอเริ่มงานวิศวกรก็ไต่เต้าได้รวดเร็ว แซงหน้าเพื่อรุ่นเดียวกันไปแล้ว

“อ้าว วันนี้นายมาดูไซต์งานเหรอ” บุคคลที่สามเดินเข้าไปทักเอื้ออังกูร เห็นอย่างนั้นหล่อนก็มองตามอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

หญิงสาวรูปร่างผอมบาง ลำตัวสูงโปร่งเหมือนนางแบบ แต่งตัวทะมัดทะแมงและมัดผมหางม้าพร้อมสวมหมวกนิรภัยเอาไว้ ในมือถือแปลนแบบบ้านเพื่อมาคุยเรื่องงานโดยเฉพาะ

“อือ” ตอบสั้นจนแทบไม่ได้ยิน

“ฉันไปคุยกับลูกค้ามาเขาบอกอยากเปลี่ยนชั้นสามบางส่วน น่าจะแก้ไขทัน” แล้วคนทั้งสามก็เดินไปจับกลุ่มคุยกัน ปล่อยพันดาราให้นั่งรออยู่อย่างนั้นหลายนาที

ดาราสาวคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงเป็นสถาปนิกออกแบบประจำไซต์งานนี้ จึงไม่สนใจเท่าไหร่จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะของเอื้ออังกูร หล่อนหันไปมองทันทีพร้อมเบิกตากว้างเมื่อเขายกมือขึ้นลูบศีรษะเธอ

หัวใจเต้นรัวจนดังก้องหู ไม่สามารถละสายตาจากภาพตรงหน้า ทำไมเธอถึงได้รู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน หล่อนได้รับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ตนไม่มีทางได้เป็นเจ้าของ การพูดคุยสนิทสนมบ่งบอกว่าเป็นมากกว่าคนร่วมงาน

ดวงตากลมน้ำตาคลอจนต้องรีบเช็ดออกอย่างรวดเร็วแล้วหันหน้าหนี ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าตนกำลังอ่อนแอ

มือบางจิกเข้าที่กางเกงแล้วสูดลมหายใจลึกแล้วผ่อนออก มองท้องฟ้าอากาศไปเรื่อยก่อนฝ่ายหญิงจะเดินออกจากตัวอาคารแล้วขึ้นรถออกไป ปล่อยเธอมองตามด้วยความอิจฉาเช่นเดิม

“ทำไมไม่กลับ” เสียงทุ้มดังขึ้นปลุกให้ตื่นจากภวังค์ ร่างบางรีบลุกยืนแล้วหันมาหาเขาด้วยรอยยิ้ม แต่อีกฝ่ายคงไม่เห็นเพราะใบหน้าหวานมีหน้ากากอนามัยปกปิดไปกว่าครึ่ง

“รอพี่เอื้อค่ะ” หล่อนยังคงสดใสเหมือนเดิม จนคนมองชักหงุดหงิดอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาเมินร่างบางแล้วเดินกลับไปยังรถยนต์ของตน

“ไม่ต้องรอ แยกกันกลับเลย” บอกอย่างเร่งรีบ ขณะที่กำลังจะกลับไปทำงานยังบริษัทสายตาคมก็เหลือบไปเห็นรถยนต์ที่จอดต่อท้าย ซึ่งเป็นของนักแสดงชื่อดังอย่างพันดารา

มันจะไม่แปลกถ้าล้อทั้งสี่ไม่แบนจนติดถนนเช่นนั้น คิ้วหนาขมวดเข้าหากันพลางถอนหายใจ ไม่รู้ใครเล่นพิเรนทร์มาปล่อยลมรถผู้อื่น ก่อนจะเบนสายตามองยี่ห้อรถหรูที่เธอเลือกขับมา

ไม่แปลกใจเลยถ้ามีคนเห็นแล้วอยากเล่นงาน รถออดี้รุ่นใหม่ล่าสุดที่รวมภาษีนำเข้าก็ปาไปยี่สิบกว่าล้าน พันดาราคิดอย่างไรถึงขับคันนี้มาดูไซต์งาน

“ขึ้นรถ ฉันจะไปส่งหน้าปากซอย” นึกว่าตนเองหูฝาด ตาเป็นประกายมีความสุขจนคนมองนึกรำคาญมากกว่าเดิม

“จริงเหรอคะ” ถามอย่างไม่เชื่อ จนเขาต้องชี้ไปยังล้อรถของหล่อนว่าสภาพตอนนี้ต่างจากขามามากแค่ไหน

“ไม่ดูหน่อยเหรอว่ารถเธอยางรั่ว จะขับไปทั้งอย่างนั้นหรือไง” ร่างบางรีบเดินไปดูก่อนจะเบิกตากว้างไม่คิดว่ารถที่เพิ่งขับไม่ถึงสิบครั้งจะมีล้อลีบแบน แทบร้องไห้ออกมาแล้วเดินอ้อมไปสำรวจพบว่ายางรั่วทั้งสี่ล้อ

“ทำไมยังไงดีคะ” เงยหน้ามองคนตัวสูงตาปริบ

“โทรบอกศูนย์ให้มาเอารถ ถ้าจ้างช่างแถวนี้ดูจะไม่สมราคารถคันละยี่สิบล้าน” อดจิกกัดไม่ได้กับความรวยของหล่อน

หลังพูดจบวิศวกรหน้าหล่อก็ขึ้นรถตำแหน่งคนขับ ส่วนร่างบางเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งมาเปิดประตูข้างคนขับแล้วนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้เขาทันที เธอถอดหน้ากากอนามัยออกแล้วโทรหาผู้จัดการให้ติดต่อศูนย์เพื่อมารับรถไปซ่อม

หญิงสาวไม่ต้องจัดการเองและมีคนคอยบริการจนเอื้ออังกูรรู้สึกไม่ชอบหล่อนมากกว่าเดิมเสียอีก

ไม่ชอบอย่างไม่มีเหตุผล...

ก็แค่ไม่ชอบเท่านั้นเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel