ไร้เดียงสา
“ทุกคนล้วนต้องถวายตัวจริงดังเจ้าว่า แต่ข้าตั้งแต่ถวายตัวฝ่าบาทยังไม่เคยเรียกหาข้าอีกเลย จริงสิข้าเย็บถุงหอมและเลือกกลิ่นหอมด้วยตัวเองอาศัยสอบถามนางกำนัลและขันทีเรื่องกลิ่นหอมที่ฝ่าบาทโปรดปราน รอว่าสักวันฝ่าบาทจะเรียกหาข้าแต่จนป่านนี้ผ่านไปสามเดือนกับยี่สิบสี่วันแล้วฝ่าบาทไม่เคยเรียกข้าเข้าไปปรนนิบัติ ข้าจึงอยากจะฝากถุงหอมนี้ไว้กับเจ้า หากเจ้าจะแค่เพียงมอบมันให้กับฝ่าบาทแล้วบอกว่าเป็นของข้า จะได้ไหม”
มอบถุงหอมที่เย็บด้วยความประณีตกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยออกมา
“โอ้โห้สวยจัง การปักละเอียดสวยงามพี่สาวเก่งจัง”
อิงจื่อยิ้มเศร้าๆ
“สวยแล้วอย่างไรสวยแล้วรอคนมาเชยชม หวังเพียงเจ้าส่งให้ถึงมือฝ่าบาทแทนข้าจะได้ไหมน้องหญิง เจ้ามีโอกาสดีกว่าข้า ฝ่าบาทแวะเวียนวันละสองสามครั้ง ไม่เหมือนข้าที่รอฝ่าบาทมาแรมเดือนก็ไม่เคยได้พบหน้า ข้าแม้จะเป็นสนมที่ขอยัดเยียดตัวเองเข้ามาในวังหลวง แต่ในใจข้าก็มีฝ่าบาทเพียงคนเดียวรอคอยฝ่าบาทเพียงคนเดียว”
หนิงอันกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ สงสารอิงจื่อจับใจ
อิงจื่อจากไปแล้วเสี่ยวเองเดินมายืนตรงหน้าหนิงอัน
“พระสนม ถุงหอมนั่นเอามันไปซ่อนไว้เสีย”
หนิงอันเคี้ยวขนมในมือแล้วเลิกคิ้วสูง
“ทำไมกัน”
“พระสนม ข้ากับพระสนมและท่านหมอไป๋เยว่เทียนเราเติบโตมาด้วยกันหากท่านหมอหวังดีกับคุณหนูที่สุด เสี่ยวเอิงก็หวังดีกับคุณหนูเท่าๆ กับท่านหมอ เช่นนั้นถุงหอมนั่นมอบให้เสี่ยวเอิงนำมันไปซ่อนไม่อย่างนั้นก็เอาไปคืนพระสนมหวังเสีย บอกกับนางว่าเรื่องที่นางไหว้วานพระสนมไม่อาจตัดใจทำให้นางได้”
“ไม่ได้นะนางน่าสงสาร แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี พวกเจ้าสองคนหวังดีแล้วเกี่ยวอะไรกับถุงหอมเล่า”
“พระสนมฝ่าบาทโปรดปรานถือว่าเป็นโชคและเป็นโชคใหญ่ไม่มีใครแบ่งปันโชคใหญ่ของตัวเองให้คนอื่นหรอกเจ้าค่ะ ถึงพระสนมหวังจะน่าสงสารแต่ พระสนมในวังหลวงแห่งนี้ไม่มีใครใจดีกับใครหรอกเจ้าค่ะ พระสนมตัวคนเดียวอย่าหวังว่าจะไว้ใจคนอื่นได้”หนิงอันยิ้มตาหยี
“ไม่ได้ตัวคนเดียวมีเจ้าอย่างไรเล่าเสี่ยวเอิง อ๋อแล้วก็ฝ่าบาทด้วยแค่นี้…ข้าก็ดีใจแล้ว”ยิ้มสดใส
“แค่ไหนกัน แค่สองคนหรือ ลืมข้าไป๋เยว่เทียนได้อย่างไรกัน”
ร่างสูงที่สวมแว่นตาขาเดียวคล้องสายสร้อยทองคำรับกับใบหน้าขาวสะอาดท่าทีองอาจแต่สูงไปหน่อย เดินเข้ามาพร้อมกับหลวมยาในมือ
“ว้า สิ่งที่ไม่อยากเจอที่สุดกำลังมาแล้ว”
หนิงอันบ่นงึมงำ เสี่ยวเอิงหัวเราะเบาๆ ไป๋เยว่เทียนอมยิ้ม
“ท่านหมอรีบมาพระสนมคิดถึงแย่แล้วเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเอิงพูดยกจานขนมหลบไปให้ไป๋เยว่เทียนได้ตรวจร่างกายหนิงอัน หลวมยาถูกวางลงข้างๆ คนมาใหม่ขยับแว่นตาใสมองลอดแว่นตาดวงตาอบอุ่นห่วงใย
“ได้เวลาตรวจร่างกายแล้วพ่ะย่ะค่ะพระสนม เข้าวังมาตั้งแต่เมื่อวานเยว่เทียนไม่ได้มาตรวจอาการป่วย เพราะเห็นว่าพระสนมจะต้องพบหน้าฝ่าบาทเสียก่อนวันนี้ได้โอกาสจึงรีบมา”
“รีบมาหรือ นี่ใกล้จะค่ำแล้วนะ”
“ทันเวลาอาหารเย็นพอดี กินข้าวแล้วก็กินยา”
“เฮ้อข้าเบื่อกินยา เมื่อไรจะได้เลิกกินเสียที”
“จนกว่า…จะดีขึ้นขอรับ ตอนนี้ก็ต้องดูแลกันไปก่อนรอจนกว่าจะมียารักษา ท่านพ่อของพระสนมขอประทานอนุญาตให้เย่วเทียนเข้ามาในวังหลวงในตำแหน่งผู้ช่วยหมอหลวงเผื่อว่าจะได้ดูแลพระสนมได้ใกล้ชิด”
“ข้าก็แค่เป็นหวัดบ่อยๆ ก็เท่านั้น อย่างอื่นไม่มีอะไรน่าห่วงเสียหน่อย”หนิงอันงอแง
“นั่นก็ไม่ควรประมาทท่านพ่อกับท่านแม่ของพระสนมห่วงพระสนมมากจริงๆ ฉะนั้นอย่าดื้อให้ตรวจร่างกายแล้วก็ ….วันนี้ตั้งใจมาตรวจว่าพร้อมจะตั้งครรภ์ได้ทันทีเลยไหม”
“หะ ต้องตรวจอะไรแบบนั้นด้วยหรือ ข้าจะต้องตั้งครรภ์แล้วหรือ บรื้อน่ากลัวจังนี่พวกท่านจะให้ข้าตั้งครรภ์เลยหรือไรข้าเพิ่งเข้าวังนะ”
ไป๋เยว่เทียนยิ้ม เสี่ยวเอิงกลั้นขำ
“หืม ตรวจคร่าวๆ พ่ะย่ะค่ะ แค่สอบถามเรื่องทั่วไปแล้วก็ดูสีหน้า ซึ่งตอนนี้ก็แช่มชื่นดีก็คงจะพร้อมอย่างไม่ต้องสงสัย”
“แต่ข้ายังไม่อยากตั้งครรภ์นี่”
พูดอ้อมแอ้มแก้มแดงแปร๊ด ไป๋เยว่เทียนส่ายหน้าไปมา
“ใครๆ ที่เขาถวายตัวก็อยากจะตั้งครรภ์กับฝ่าบาท แต่เท่าที่รู้ว่าฝ่าบาทเองต่างหากที่ไม่เปิดโอกาสให้กับเหล่าสนม หากว่าพระสนมคนดื้อคนนี้มีโอกาสก็ควรจะรีบคว้าไว้”หนิงอันนิ่งฟัง
“ด้วยความหวังดีเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเอิงแทรกขึ้นดังๆ ไป๋เยว่เทียนยิ้ม พยักหน้าขึ้นลงสนับสนุนคำพูดของเสี่ยวเอิง
หนิงอันทำหน้าเง้า
“ว่าแต่ถ้าจะตั้งครรภ์จะต้องทำอย่างไร”
ไป๋เยว่เทียนกับเสี่ยวเอิงหัวเราะเสียงดังลั่นตำหนักสวรรค์ประทาน