พร้อมหรือยัง
“พี่หญิงหากไม่ใช่ท่านแล้วจะใครที่สมควรจะสั่งสอนนางให้รู้จักที่ต่ำที่สูงท่านเป็นถึงพระญาติของไทเฮา”
ฟางจิวยี่สนมอันดับสองต่อจากกู้สุ่ยเอ่อพูดขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อม
“เจ้าเอาแต่ยุยงข้าแล้วอิงจื่อคนนั้นเล่านางทำอะไรอยู่”
จิวยี่เแค่นยิ้ม
“นางนะหรือวันๆ เอาแต่เย็บถุงหอม อยู่ในตำหนักวันก่อนนางอุตส่าห์ย้ายก้นนางไปที่ตำหนักสวรรค์ประทานไปยินดีกับสนมคนใหม่หลี่หนิงอัน เหอะนางคงหวังพึ่งบารมีสนมหลี่หารู้ไม่ว่าคนที่ควรจะฝากชีวิตไว้คือพี่หญิงกู้สุ่ยเอ่อ”
สุ่ยเอ่อยิ้มมุมปาก
“ไปที่ตำหนักสวรรค์ประทานกับข้า เราไปยินดีกับสนมหลี่ด้วยกันดีไหม”
จิวยี่หน้าถอดสี
แค่ยุยงไม่อยากไปที่นั่นเพราะเกรงว่าหากฝ่าบาทรู้ว่าพวกนางไประรานสนมคนโปรดจะต้องถูกลงทัณฑ์ หลายวันมานี้ข่าวลือหนาหูบ้างก็ว่าฝ่าบาทเอาใจนางราวกับคนรัก บ้างก็ว่าก่อนนั้นฝ่าบาท มีรักแรกพบคือ..สนมหลี่
“เอ่อ เอ่อข้าว่าข้าไม่อยากไปที่นั่น”
“เฮอะ เจ้ามันก็แค่สุนัขที่มีไว้เพื่อช่วยตรวจตราหาได้ช่วยขบกัดขโมยอย่างที่ตั้งใจ (ดีแต่เห่า) ”
สนมจิวยี่กัดฟันแน่น นางน่าจะโกรธแต่ทว่า
“แหมพี่หญิงท่านก็รู้บิดาข้าก็แค่ขุนนางต่ำต้อย หากเกิดอะไรขึ้นกระทบกับบิดาข้าขึ้นมา ข้าก็แย่ ไม่เหมือนพี่หญิงที่มีไทเฮาหนุนหลังจะคิดอ่านเรื่องไหนก็ยังมีคนคอยเกรงใจช่วยเหลือ”
สุยเอ่อยิ้มหยัน
“ข้ารับรองว่าไม่ให้เจ้าเดือดร้อนในเมื่อไปกับข้าหากเกิดอะไรขึ้นข้ารับไว้คนเดียว”
จิวยี่ซ่อนยิ้ม วังหลังแห่งนี้การเป็นที่โปรดปรานนับว่าเป็นโอกาส สนมสุยเอ่อก่อนหน้านั้นมีแต่คนคอยเอาใจนางเพราะเป็นพระญาติของไทเฮา ฝ่าบาทอย่างไรเสียก็ไม่กล้าทอดทิ้งนางไม่วันไหนก็วันหนึ่งในเจ็ดวัน จะต้องแวะเวียนที่นี่เสียให้ได้วันหนึ่ง ต่างกับจิวยี่และอิงจื่อที่แรมเดือนก็ยังไม่พบหน้าฝ่าบาทเพียงแต่นั่งเฝ้าตำหนักกลัวว่ามันจะหายกระนั้น
สนมสุยเอ่อเดินออกจากตำหนัก จิวยี่สาวเท้าตามไปติดๆ
ตำหนักฟ้าประทาน
หนิงอันนอนบนแท่นนอน เสี่ยวเอิงเคี่ยวยากลิ่นหอมไปทั่วตำหนัก เฉินหยวนฮ่องเต้นั่งลงข้างๆ แท่นนอน
“ตามหมอหลวงหรือยัง”เสี่ยวโอหันหน้าหันหลัง
“พ่ะย่ะค่ะข้าน้อยสั่งให้คนไปตามท่านหมอแล้ว อีกประเดี๋ยวก็คงจะมาถึง”
เฉินหยวนฮ่องเต้เอื้อมมืออังที่หน้าผาก หนิงอันส่ายหน้าไปมา
“ทำไมให้ข้า ได้วัดไข้ให้เจ้า”
หนิงอัน ฝืนยิ้มสดใส
“หนิงอันไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อยปกติก็แค่ฮัดชิ้ว….เป็นหวัด”
เสี่ยวโอเดินถอยออกไปยืนรอด้านหน้าห้องบรรทม
“เจ้ามีไข้”
เอื้อมมือแตะที่หน้าผากอีกครั้งหนิงอันยกมือขึ้นกำมือเฉินหยวนไว้แน่นแล้วเอาไปแนบที่แก้มแทนใบหน้าออดอ้อนนั้นทำเอาเฉินหยวนใจอ่อน ลูบไล้แก้มนวลเบาๆ
“เป็นอะไรไป ให้ข้าดูว่าเจ้า ดีหรือแย่แค่ไหน”
น้ำเสียงอ่อนโยนยิ้งนัก
“หนิงอันไม่ชอบให้คนเอามือแตะหน้าผาก มันเหมือนกับจะบอกว่าข้าป่วยต้องพักแล้วนะ หนิงอันไม่อยากป่วย”
เฉินหยวนยิ้ม โน้มกายลงใช้ริมฝีปากเย็นเฉียบแตะที่หน้าผากนิ่งอยู่แบบนั้นหนิงอันใจเต้นตึกตัก
“พอแล้วเพคะ”
เฉินหยวนยิ้มดวงตาพร่างพราว
“อืมมมร้อนนิดหน่อยกินยาแล้วก็คงหาย วันนี้ข้าไม่ออกว่าราชการคอยอยู่เป็นเพื่อนเจ้าดีไหม”
หนิงอันยิ้มร่าเริงจนเห็นได้ชัด
“ดีจัง เบื่อเดินหมากกับเสี่ยวเอิงแล้ว ท่านพี่หมอไป๋ก็แวะมาเดี๋ยวๆ ก็กลับ สนมอิงจื่อก็เดินหมากไม่เก่งแพ้ข้าตลอด เพราะฉะนั้นวันนี้ฝ่าบาทจะต้องมาประลองฝีมือกับหนิงอัน จริงด้วยสนมหนิงอันฝากถุงหอมให้มอบให้กับฝ่าบาท หนิงอันลืมเสียสนิทนางเย็บด้วยมือนางเอง”
เฉินหยวนฮ่องเต้ทำเป็นไม่ได้ยินเสีย ไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้นนอกจากหนิงอันที่อยู่ตรงหน้าเขา นางคือรอยยิ้มของเขา
“มีเดิมพันหรือไม่”
สนใจเรื่องเดินหมากกับหนิงอันมากกว่าถุงหอมของสนมอิงจือ
“เดิมพันหรือปกติก็แค่เงินเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าเล่นไพ่ได้เสียกันเยอะหน่อยหนิงอันกำลังตีสนิทกับเหล่านางกำนัลชวนพวกนางมีเล่นไพ่กัน อุ้ย…ฝ่าบาทคงไม่ใจแคบใช่ไหมเวลาว่างข้าจึงชวนพวกนาง ไม่ได้สุมหัวกันเล่นไพ่เวลางานหรอกนะ…เพคะ”ยิ้มแห้งๆ
เฉินหยวนฮ่องเต้เลิกคิ้วสูงใบหน้าอ่อนโยนผ่อนคลายไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนยามประชุมเหล่าขุนนาง
“ข้าถามว่ามีเดิมพันไหม ถ้าเจ้าเดินหมากแพ้จะให้อะไรข้า”
หนิงอันยิ้มสดใสยิ้มที่เฉินหยวนไม่อาจละสายตาได้
“ปกติแล้ว ถ้าหนิงอันแพ้เสี่ยวเอิงจะต้อง….ยอมลงให้เสี่ยวเอิงวันหนึ่ง”
“ยอมลง…ให้นาง หมายความว่าอย่างไร เจ้าเป็นพระสนมเป็นคุณหนูบ้านหลี่”
“ไม่ไม่ ไม่เสี่ยวเอิงกับหนิงอันเราเติบโตมาด้วยกันรวมทั้งท่านพี่หมอไป๋ด้วย เรื่องเล็กน้อยเสี่ยวเอิงนางก็ไม่ได้ใช้เอ๊ยหนิงอันหมายถึงไม่ได้บงการ จะใช้คำไหนดีนางไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าที่ตกลงกัน”
เฉินหยวนฮ่องเต้พยักหน้าขึ้นลง