ไม่ทันเกม
นางกำนัลยกชามาวางตรงหน้าทั้งสอง กลิ่นชาหอมหวน
“อึกๆๆ อ่าาาาา สดชื่นที่สุด”
หนิงอันยกชากระดกลงคอรวดเดียว เฉินหยวนฮ่องเต้ส่ายหน้าไปมา
“ต้องดื่มแบบนี้”
เอื้อมมือยกถ้วยชาขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปาก ยกมือขึ้นปัดเหนือจอกชาสูดดมกลิ่นหอมของชา เป่าไล่ลมร้อนแล้วจิบชาช้าๆ
หนิงอันยื่นจอกชาให้กับนางกำนัลรินชาใส่จอกตั้งใจทำตามแบบที่เฉินหยวนฮ่องเต้ทำ แต่ก็เงอะงะน่ากลัวจะทำชาหกใส่ตัว
เฉินหยวนฮ่องเต้ลุกขึ้นคุกเข่าอ้อมมาด้านหลังโอบแขนสองข้างรอบร่างบางแนบชิด หนิงอันหันมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาที่ใกล้เกินกว่าใกล้ใจเต้นตึกตัก เฉินหยวนจับจอกชามือข้างหนึ่งโบกไล่กลิ่นชาตรงหน้าของหนิงอัน
กระซิบข้างหูเบาๆ
ยกจอกชาจ่อที่ริมฝีปาก
หนิงอัน.ใจเต้นรัวจิบชารสขมทว่าหวานเย็นในตอนท้าย
“อืมมมชื่นใจจัง หากจะมีขนมก้อนหวานๆ หรือขนมไหว้พระจันทร์ เสี่ยวเอิง ไปที่ห้องเครื่องนำขนมมากินกันเถอะ”
เสี่ยวเอิงย่อกายแต่ยังไม่กล้าขยับตัวไปที่ห้องเครื่อง
“อยากกินขนมหรือ เจ้ากินหวานมากไปจะอ้วนเอาได้นะ”
เฉินหยวนนั่งลงข้างๆ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อ้วนก็ดีข้าจะได้นอนกลิ้งบนแท่นนอนแสนสบายไปไม่ต้องไหน แบบนั้นจึงจะเหมือนที่เขาพูดว่าเข้ามาอยู่ในวังหลวงจึงจะสบาย”
“หืม เช่นนั้นข้ากลัวว่าจะกอดเจ้าไม่มิดเอาได้ เจ้าไม่อ้วนจะดีมาก ถึงไม่อ้วนเจ้าก็ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นนั่งสบายในวังหลวง..นอนนิ่งๆ บนแท่นนอนให้ข้าได้กอดเจ้าแน่นๆ เหมือนคนที่ว่าง่ายได้ก็ได้นี่”
หนิงอัน แก้มแดงระเรื่อด้วยพอจะเข้าใจความหมายเหล่านี้อยู่บ้าง เฉินหยวนฮ่องเต้เชยคางมนให้สบตาเขาหนิงอันสบตาที่สื่อความหมายภายใน
“แต่ หนิงอันอยากจะดื่มชานี่ กับขนม”
น้ำเสียงออดอ้อน เฉินหยวนฮ่องเต้อมยิ้ม
“เสี่ยวโอ ไปที่ห้องเครื่องให้คนคัดสรรขนมที่หวานน้อย ทว่ารสดีมาให้พระสนมมากหน่อย”
เสี่ยวโอประสานมือรีบวิ่งไปยังห้องเครื่องในทันที
“ไม่ต้องเยอะเพคะ แค่นิดหน่อยก็พอ ไม่อย่างนั้นฝ่าบาทจะกอดไม่มิด”
“เอามามากหน่อย เพราะค่ำนี้เจ้าจะได้นั่งกินขนมพร้อมกับให้ข้าอ่านรายนามของกำนัลเหล่านี้ ที่บนแท่นนอน”หนิงอัน ก้มหน้าไม่กล้าสบตา
ตำหนักพระพันปี
“สุ่ยเอ่อ ถึงเวลาที่ต้องลุกขึ้นมาจัดการเรื่องต่างๆ ได้เสียที เจ้าเป็นหลานของไทเฮา ฝ่าบาทไม่โปรดปรานก็ต้องโปรดปรานด้วยเกรงใจข้าแต่ดูเจ้ารึวันๆ เอาแต่งอนฝ่าบาทอยู่ที่นี่ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นฮองเฮาแล้วหรือถึงได้โอหังเพียงนี้ฮ่องเต้พาสนมคนใหม่เข้าวังเจ้ายิ่งต้องพยายามจะมาทำเจ้าแง่แม่งอนเจ้าคิดว่าฮ่องเต้มีเจ้าคนเดียวหรือไร”
ไทเฮาวัยกลางคนที่ยังดูสวยสะคราญ เอ่ยปากช้าๆ ควบคุมกิริยาให้งดงามเสมอ
“ไทเฮา ท่านน้า ท่านไม่เข้าใจข้าหรือฝ่าบาทหลงใหลนางตั้งแต่นางยังไม่เข้าวังด้วยซ้ำไป ไม่บังคับให้ถวายตัว ไม่บังคับให้เข้าวัง รอให้นางสมัครใจด้วยตัวเอง วันนี้คนของข้ายังบอกอีกว่าฝ่าบาทประทานของกำนัลห้าหมื่นชิ้นที่ล้วนเป็นแต่ของดีดี ท่านน้าท่านจะให้ข้ายิ้มแย้มแสดงความยินดีกับนางหรือไร”
“นั่นยิ่งสมควรทำเจ้าใจกว้างกับนางฮ่องเต้จึงจะพอใจ”
“ไม่ท่านน้า ข้ามีวิธีของข้านางกับข้าล้วนไม่อาจญาติดี มีข้าจึงไม่มีนาง ฝ่าบาทเปิดตำหนักสวรรค์ประทานให้กับนางทั้งที่นางมาทีหลัง ข้าเป็นถึงพระญาติไทเฮา เข้าวังก่อนเฟยคนอื่นฝ่าบาทกลับให้ข้าเจียมตัวอย่างนั้นหรือ”
“เพราะเฟยไม่ได้มีคนเดียว เจ้าอยากอยู่แค่ตำแหน่งเฟยหรืออยากเป็นฮองเฮากันเล่า หากอยากเป็นฮองเฮาจงเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ฮ่องเต้ไม่ชอบคนบงการและไม่ชอบคนที่ ไร้เหตุผล”
หวังสุ่ยเอ่อจิกเล็บลงบนฝ่ามือจนรู้สึกเจ็บ
ตำหนักสวรรค์ประทาน
“น้องหญิง ข้าสนมถานอิงจื่อแวะมาแสดงความยินดีกับเจ้า”
ร่างอ้อนแอ้นมาพร้อมกับกิริยาอ่อนหวาน อีกทั้งใบหน้าหวานอมเศร้าของอิงจื่อทำเอาหนิงอันรีบลุกจากโต๊ะเดินหมากที่กำลังเดินหมากกับเสี่ยงเอิงแก้เหงา
รับเอา ผลไม้เชื่อมมาไว้กับมือ
“ยินดี เราสองคนก็เป็นสนมระดับเดียวกันท่านไม่ต้องมากพิธีน่าฮ่าาา”
“เจ้าเป็นที่โปรดปรานเพียงนี้ใครบ้างจะไม่รู้ ผู้คนในวังหลวงต่างเกรงใจเจ้า ฝ่าบาทโปรดปรานเจ้า …จนหลายคนอิจฉาพวกเราทั้งสามเข้าวังในวันแรกก็ต้องถวายตัว แต่เจ้าฝ่าบาทกลับไม่บีบบังคับเจ้าซ้ำยังเอาใจเจ้าราวกับคนรักของฝ่าบาท”
“พี่สาวท่านพูดเกินไปแล้ว ฝ่าบาทอาจเห็นว่าข้ายังเด็กหรือเปล่า ความจริง ..ข้าก็พร้อมที่จะถวายตัวเพราะทำใจไว้แล้วเข้าวังก็ต้องถวายตัวปรนนิบัติฝ่าบาท….บนแท่นนอน”ยิ้มเอียงอาย
อิงจื่อยิ้มเศร้าๆ