ดอกบัวขาว
“พระสนมหนิงอันรับราชโองการรรรรร”
ขันทีข้างกายอัญเชิญราชโองการจากเฉินหยวนฮ่องเต้ยังตำหนักที่ใหญที่สุด ตำหนักที่ดีที่สุด งดงามที่สุด สงบร่มเย็นที่สุดนามว่าตำหนักสวรรค์ประทาน
หนิงอันวิ่งออกมาจากตำหนักที่กว้างใหญ่ ด้วยใบหน้าสดใสรอยยิ้มกว้างประทับบนใบหน้า
เสี่ยวเอิงรีบตรงเข้าพยุงกระซิบเบาๆ
“คุกเข่ารับราชโองการเจ้าค่ะพระสนม”
หนิงอันยิ้มตาหยีทรุดกายลงเงอะงะคุกเข่ารับราชโองการ
ขันทีข้างกายเสี่ยวโอคลี่ราชโองการออกช้าๆ
“ ฮะแฮ่ม เนื่องด้วย สนมหนิงอัน เข้าวังในครั้งแรกฝ่าบาทจึงได้ประทานของกำนัลเป็นทองห้าหมื่นตำลึงทอง กำไลหยกประจำตำแหน่งเฟย และสิ่งของมีค่าควรเมืองตามรายการดังต่อไปนี้”
ขันทีน้อยเสี่ยวโออ่านรายการสิ่งของที่เฉินหยวนฮ่องเต้ทรงมอบให้กับหนิงอัน
ไปเนิ่นนานไม่จบเสียที หนิงอันปิดปากหาวถึงสองครั้ง
ร่างบางอ้อนแอ้นที่ในตอนแรกก็นั่งคุกเข่าด้วยรอยยิ้มตั้งใจฟังรายนามของกำนัลบัดนี้กับเอนไปมา ด้วยเป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้วรายนามสิ่งของที่มอบเป็นของกำนัลยังไม่หมดลงสักที เสี่ยวโอเรียกให้ขันทีอีกคนมาช่วยอ่าน ด้วยขันทีเสี่ยวโอเองก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน
“เสี่ยวเอิง ข้าไม่หว่ายยยยแล้ว”
เอนกายลงพิงไหล่ของเสี่ยวเอิงที่เป็นคนรับใช้ข้างกายก่อนที่จะเข้าวังตามเข้าวังหลวงดูแลคุณหนูเพียงคนเดียวของตระกูลหลี่
“คุณหนูเอ้ยพระสนมเจ้าค่ะ ไม่ได้เจ้าค่ะทนอีกนิดเจ้าค่ะข้าน้อยคิดว่าคงไม่เกินหนึ่งชั่วยามรายการสิ่งของ….น่าจะหมด”
เสี่ยวเอิงก็แน่ใจเหมือนกัน
“ฮึ เจ้าก็พูดได้สิข้าไม่เคยต้องคุกเข่านานขนาดนี้ข้าไม่ไหวแล้วจริงๆ ….รู้สึกเหมือนโดนลงทัณฑ์ให้คุกเข่าอย่างไรชอบกล”ทำหน้าเศร้า
“พระสนมเจ้าขา ทนอีกหน่อยเมื่อเทียบกับความรักความใส่ใจที่ฝ่าบาทมีให้ถือว่ากำไรเจ้าค่ะ” หนิงอันยิ้ม
“ก็นะ เอาล่ะข้าจะทนอีกหน่อย”
พูดจบก็ยืดตัวตรงตั้งใจอย่างที่สุดแต่ทว่า แขนเล็กกลับถูกฉุดให้ลุกขึ้นยืน
“อะ อะ”
เซถลาไม่ทันระวังร่างเล็กเซแซดๆๆๆ ไปชนเข้ากับอกกว้างของเฉินหยวนฮ่องเต้ ดวงตากลมยิ่งกลมเมื่อพบกับร่างสูงสง่าอาภรณ์สีขาวสะอาด มวยผมถูกเกล้าเรียบตึง กว้านทองคำประดับอัญมณีที่สวมอยู่บนศีรษะบ่งบอกฐานะสูงส่งใบหน้าหล่อเหลา
“ ว้าว… ทำไมหล่อจัง”
ร่างสูง เบือนหน้าหนีอดที่จะยิ้มไม่ได้
“ถวายพระพรฝ่าบาท ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี”
เสียงเสี่ยวเอิงเหมือนจะช่วยดึงสติของหนิงอัน
“อะ ถวายพระพรฝ่าบาท”
หนิงอันพูดรัวเร็ว ยิ้มหวานย่อกายลงงดงามแต่ก็ไม่วายโอนเอนไปมา อีกคนรีบรวบเอวบางไว้ รอยยิ้มยังเปื้อนที่ใบหน้า เฉินหยวนเผลอยิ้มตามรอยยิ้มนั้น ยิ้มสวยสดใสนั้นน่าประทับใจยามมองยิ่งนัก
“อะฝ่าบาท เก่งจังเพคะรู้ได้อย่างไรว่าหนิงอันกำลังจะล้ม”
เสี่ยวโอกับเสี่ยวเอิงเหลือบตามองการพบกันครั้งแรกของฝ่าบาทและพระสนมด้วยแววตาเปี่ยมสุข
“เสี่ยวโอ ยกชายามบ่าย ที่ศาลาริมบึง”น้ำเสียงบ่งบอกว่าผ่อนคลาย
“อะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ รายนามสิ่งของ..เอ่อเอ่อยังอ่านไม่จบพ่ะย่ะค่ะ”
เสี่ยวโอก้มหน้า
เฉินหยวนฮ่องเต้แบมือ
เสี่ยวโอวางรายนามสิ่งของในมือของ เฉินหยานฮ่องเต้
“ข้าอาสา จะอ่านให้สนมหนิงอันฟังด้วยตัวเอง”
เฉินหยวนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่มีสะดุดราวกับท่องมา เสี่ยวโอก้มหน้าอมยิ้ม
“ ดื่มชายามบ่าย”หนิงอันหันมองเสี่ยวเอิง
“ทำไมรึเจ้าไม่อยากดื่มชากับข้าหรือไร”
หนิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ได้เพคะ ในเมื่อก่อนจะเข้าวังก็ถูกเคี่ยวกรำให้ฝึกชงชา มันจะต้องออกมาดีใช่ไหมเสี่ยวเอิง”
หันไปถามเสี่ยวเอิงที่ยิ้มแห้งๆ
“เพคะ พระสนมตั้งใจชงชาเพื่อฝ่าบาทจะต้องออกมาดีแน่”
ดวงตากลมสุกใสแวววาวเหมือนเด็กๆ เมื่อได้รับกำลังใจ
“ไม่ต้อง ข้ายังไม่อยากตาย ไม่อาจเอื้อมดื่มชาของเจ้า ชงชาเป็นหน้าที่ของนางกำนัล เจ้า แค่มานั่งดื่มชากับข้าก็พอแล้ว”
“ตะตะแต่ท่านแม่บอกว่า ข้าเข้าวังจะต้องปรนนิบัติฝ่าบาท เรื่องชงชาเรื่องเล็กน้อย หนิงอันไม่เกี่ยง”ยิ้มแก้มใส
เสี่ยวเอิงก้มหน้าเดินเลี่ยงไปรับอุปกรณ์สำหรับชงชาที่นางกำนัลนำมาชงชาถวายฝ่าบาทและหนิงอัน
“ข้ามีนางกำนัลชงชามากมาย หากต้องการเพียงคนชงชาจะให้เจ้าเข้าวังทำไม” เฉินหยวนฮ่องเต้มองสบตากลมที่ก้มหน้าหลบตาคมที่ทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
เอื้อมมือคว้ามือบางให้เข้าไปในศาลานั่งลงก่อนจะตบที่ว่างข้างๆ ให้หนิงอันนั่งลงเสีย