ตอนที่ 4 ขอโทษ
หน้าตาและท่าทางที่ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างของสไมล์ที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านของผู้จัดการส่วนตัว ทำให้เจ้าของบ้านที่กำลังรออยู่เอ่ยถามขึ้นทันที เนื่องจากน้ำหวานติดงานสำคัญกับลูกค้าจึงไม่ได้ไปเป็นเพื่อนสไมล์ที่คลินิกในวันนี้ และเมื่อเสร็จงานจึงรีบโทรหาสไมล์ทันทีด้วยความเป็นห่วงแต่หญิงสาวบอกว่าคุยธุระที่คลินิกเสร็จแล้ว กำลังจะมาหาเธอที่บ้าน น้ำหวานจึงรีบกลับมารอลูกรักของเธอที่บ้านทันที
“สไมล์ เป็นยังไงบ้างสรุปคนที่ปล่อยข่าวใช่คนที่คลินิกหมอเวย์หรือเปล่า” น้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเป็นห่วงถามขึ้นทันทีที่ดาราสาวเดินผ่านประตูบ้านเข้ามา สไมล์เหลือบตามองผู้จัดการส่วนตัวของเธอก่อนจะไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาพร้อมกับถอนหายใจ
“ไม่ใช่ค่ะ” น้ำเสียงที่ดูเอื่อย ๆ ของดาราสาวในสังกัดทำให้น้ำหวานทำหน้าขมวดเป็นปมเพราะความสงสัย
“หมายความว่า ที่คลินิกหมอเวย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น?” ผู้จัดการสาวสองถามย้ำกับสไมล์อย่างตั้งใจ สไมล์หันมาสบตาแล้วพยักหน้ารับน้อย ๆ
สไมล์รู้สึกหน้าชาที่โดนคุณหมอหนุ่มเอาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดมาตบหน้า แต่ความจริงก็คือความจริงถ้าเธอกล่าวหาคนผิดก็ต้องขอโทษและแสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดและการกระทำของตัวเอง
“ตายแล้วสไมล์แล้ววันนั้นหนูก็ไปถล่มเขาซะยับเลยนะลูก” น้ำเสียงหวาดหวั่นของน้ำหวานทำให้สไมล์คิดหนักกว่าเดิมถึงการกระทำของตัวเอง
“สไมล์ควรทำไงดีคะพี่หวาน” น้ำเสียงเริ่มที่จะสำนึกผิดเอ่ยถามผู้จัดการส่วนตัวด้วยใบหน้าเหมือนคนคิดหนัก
“เฮ้อ! ความวัวไม่ทันหายความใหม่เข้ามาแทรกจริง ๆ” น้ำหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับสไมล์ด้วยท่าทีเนือย ๆ แต่สมองยังไม่หยุดทำงานที่จะช่วยดาราสาวลูกรักแก้ไขปัญหา
“ก็สไมล์ไม่คิดว่าจะมีคนรู้จักเรานี่คะพี่หวาน ขนาดวันนั้นสไมล์ใส่ทั้งแมสทั้งแว่นตาปิดบังใบหน้าอย่างดี”
“นี่คุณลูกขาฟังเจ๊นะคะ ตอนนี้หนูคือซุปตาร์แถวหน้าของเมืองไทยเพราะฉะนั้นออร่าที่พุ่งของหนูไม่ว่าจะไปทางไหนย่อมเป็นที่สังเกตและสนใจของชาวบ้านค่ะ เจ๊ถึงอยากให้หนูใจเย็นๆ เวลามีปัญหาหนูต้องมีสตินะสไมล์ การป้องกันยังไงมันก็ดีกว่าการแก้ไขเหมือนอย่างตอนนี้ที่หนูต้องมานั่งคิดแก้ไขว่าจะแสดงความรู้สึกผิดต่อหมอเวย์ยังไงเพราะมันเป็นสิ่งที่ควรทำ” น้ำหวานได้ทีถือโอกาสสอนและเตือนสติในความใจร้อนของดาราสาวอีกครั้ง เพราะดูแลกันมานานจนน้ำหวานรู้สึกว่าสไมล์คือน้องสาวคนหนึ่งไม่ใช่แค่คนที่จ้างเธอให้มาดูแล
วันรุ่งขึ้น
ดอกไม้ช่อโตถูกส่งมายังคลินิกโดยระบุคนรับคือคุณหมอหนุ่มเจ้าของคลินิกพร้อมการ์ดสีขาวที่แนบมากับช่อดอกไม้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณหมอคะ มีดอกไม้มาส่งถึงคุณหมอค่ะ”
“จากไหนครับ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เวย์ได้รับดอกไม้ช่อโตราคาแพงแบบนี้ ด้วยความที่ฝีมือด้านความงามเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในสังคมคนมีเงินเวย์จึงได้รับดอกไม้ช่อโตอยู่เสมอจากทั้งคนไข้หรือญาติคนไข้ ทั้งที่ส่งมาเพื่อขอบคุณและส่งมาเพื่อหวังผลในตัวเขาจนกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับชายหนุ่มไปแล้ว
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คนมาส่งไม่ได้บอกอะไรไว้ค่ะ” พนักงานสาวบอกกับคุณหมอหนุ่มพร้อมกับหอบดอกไม้ช่อโตมายื่นให้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าของดอกไม้ไม่ได้แสดงตัวให้เขารู้จักคิ้วเข้มจึงขมวดเข้าหากันเป็นเชิงสงสัยเล็กน้อย
“ขอบคุณครับ วางไว้ตรงนั้นเลยครับ” กุหลาบขาวช่อโตถูกวางลงตรงโต๊ะกระจกตรงกลางโซฟาที่ตั้งอยู่มุมห้อง เวย์นั่งทำงานในห้องจนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงบ่ายร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปก็เหลือบไปเห็นดอกไม้ที่มีคนส่งมาให้เมื่อช่วงเช้า มือหนาหยุดมองช่อดอกไม้และหยิบขึ้นมาดูเพราะสะดุดตาที่สีดอกกุหลาบ ปกติเขาจะได้รับดอกกุหลาบสีแดงหรือไม่ก็สีชมพูตลอดแต่วันนี้กลับเป็นกุหลาบสีขาวเขาจึงหยิบขึ้นมาดู
(แทนคำขอโทษ) ข้อความสั้น ๆ ลายมือน่ารักที่ถูกเขียนพร้อมด้วยลายเซ็น เวย์รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของดอกไม้ช่อนี้นั้นคงจะเป็นแม่ดาราสาวที่เข้ามาโวยวายที่คลินิกเมื่อวันก่อน เมื่อนึกถึงสีหน้าและท่าทางของหญิงสาวที่มาบุกคลินิกเขาและระเบิดอารมณ์ใส่เขาไม่ยั้งเมื่อวันก่อนเวย์ก็ส่ายหัวเบา ๆ
เวย์อ่านเสร็จก็วางการ์ดลงที่เดิมก่อนจะเดินผ่านไป ทิ้งให้ดอกไม้สวยๆ เหี่ยวเฉาอย่างไม่สนใจไยดี แต่ยังไม่ทันที่เท้ายาวจะก้าวพ้นขอบประตูก็ต้องหยุดชะงักและหันหลังเดินกลับมาหยิบเอาช่อดอกไม้ติดมือกลับบ้านด้วย การกระทำของเวย์ที่หอบเอาดอกไม้ช่อโตกลับบ้านเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับพนักงานในคลินิกที่ได้เห็น เพราะปกติคุณหมอหนุ่มไม่เคยหอบเอาดอกไม้ช่อไหนกลับไม่ว่าจะมีราคาแพงแค่ไหน อย่างมากสุดก็สั่งให้พนักงานจัดใส่แจกันไว้ที่คลินิก
ฝากระโปรงหน้ารถถูกเปิดออกและวางช่อดอกไม้ลงด้านในที่ไม่มีสิ่งของสักชิ้นวางอยู่ แต่ก่อนที่จะปิดฝาลงก็ต้องเปิดขึ้นอีกครั้งและหยิบช่อดอกไม้กลับออกมาเหมือนเดิมและเดินอ้อมไปฝั่งด้านข้างคนขับและเปิดประตูวางช่อดอกไม้ลงบนเบาะจากนั้นก็ปิดประตูเดินกลับไปฝั่งคนขับสตาร์ตเครื่องขับออกไปด้วยความเร็วโดยมีดอกไม้ช่อโตนั่งเป็นเพื่อนแถมยังส่งกลิ่นหอมอบอวลทั่วทั้งภายในรถ
ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในขณะที่เวย์กำลังขับรถ ชายหนุ่มเหลือบมองบนหน้าจอโทรศัพท์ที่ตอนนี้ปรากฏชื่อของภีร์ เวย์จึงกดรับผ่านบลูทูธ
“เออ ว่าไง”
“ถึงไหนแล้ววะ” ภีร์ถามเวย์ที่ตอนนี้กำลังขับรถมารับตนที่โรงพยาบาลเนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ปกติทีมหมอหนุ่มทั้งภาคย์ เวย์ ภีร์จะหยุด แต่บังเอิญภีร์มีผ่าตัดด่วนตั้งแต่เช้ามืดจนถึงบ่าย พอออกจากห้องผ่าตัดก็รู้สึกอ่อนล้าจนไม่อยากขับรถจึงโทรหาเวย์ให้มารับเพราะวันอาทิตย์เวย์จะเปิดคลินิกเฉพาะช่วงเช้าส่วนช่วงบ่ายเวย์จะเผื่อไว้สำหรับเวลาส่วนตัว
“ใกล้ถึงแล้วเดินออกมาด้านหน้าเลย” เวย์บอกกับภีร์สั้น ๆ ก่อนที่จะวางสายและเลี้ยวรถเข้าไปในบริเวณของโรงพยาบาลไปจอดตรงด้านหน้าของตึก พอดีกับที่ภีร์ออกจากตึกเดินตรงมาหาเวย์ที่รถก่อนจะเปิดประตูด้านข้างคนขับเตรียมก้าวขึ้นไปนั่ง
“เดี๋ยว ขึ้นไปนั่งข้างหลังข้างหน้ากูวางของ” เสียงเข้มดังขึ้นภีร์ที่ไม่ทันมองว่าเบาะรถด้านข้างเพื่อนมีช่อดอกไม้ช่อโตวางอยู่จึงตกใจทั้งช่อดอกไม้ทั้งเสียงของเวย์
“ห่าไรวะตกใจหมด” ภีร์พูดกับเวย์แต่ก็หันไปเปิดประตูหลังแล้วขึ้นไปนั่งด้วยท่าทางที่เหนื่อยล้า เวย์ที่เห็นท่าทางของเพื่อนจึงรู้สึกเห็นใจเพราะรู้ดีว่าการผ่าตัดในแต่ละครั้งเหนื่อยและกดดันแค่ไหนยิ่งเป็นเคสด่วนแล้วใช้เวลาในการผ่าตัดหลายชั่วโมง ไม่แปลกใจที่ภีร์จะมีสภาพอย่างที่เห็น
“อยากพักหรืออยากกินกูจะได้พามึงไปให้ถูกที่ถูกทาง”
“กินก่อนแล้วค่อยพัก” ภีร์ที่นั่งพิงเบาะอยู่ด้านหลังบอกกับเวย์ พร้อมกับชะโงกหน้ามาหาคนที่กำลังขับรถสลับกับมองช่อดอกไม้ที่กำลังส่งกลิ่นไปทั่วทั้งคัน
“ดอกไม้กิตติมศักดิ์ของใครวะ”
“อยู่ในรถกูคงเป็นของมึงมั้ง” เวย์ตอบกลับอย่างกวน ๆ เมื่อรู้ว่าต่อมความอยากรู้อยากเห็นของภีร์เริ่มทำงาน ภีร์เอื้อมมือมาจับดอกไม้ช่อโตพลางหยิบการ์ดขึ้นมาดู
“แทนคำขอโทษ” ภีร์อ่านข้อความบนการ์ดแล้วหันไปมองเวย์ด้วยสายตาเป็นคำถามปนอยากรู้อยากเห็น
“สาวที่ไหนส่งมาให้มึงวะไอ้เวย์ เดี๋ยวนี้ซุ่มนะมึงแอบคั่วหญิงเงียบ ๆ ไม่บอกกัน เอ๊ะ! อย่าบอกนะไอ้เวย์ว่าเป็นน้องสไมล์ดาราสาวชื่อดังที่กำลังมาแรงในตอนนี้และเป็นคนที่โทรมาป่วนมึงเมื่อหลายวันก่อนที่เรานั่งคุยงานกัน” เวย์เพียงแค่หันมามองภีร์ด้วยหางตาแล้วขับรถต่อโดยไม่ได้ตอบอะไร เวย์และภีร์พากันมาหาอะไรทานแบบง่าย ๆ เพราะแต่ละคนต้องการพักผ่อนก่อนจะถึงวันทำงานในวันพรุ่งนี้
เมื่อเสร็จจากการไปทานข้าวกับภีร์แล้วส่งภีร์กลับคอนโดเรียบร้อยเวย์จึงขับรถกลับคอนโดของตนเอง เมื่อมาถึงคอนโดเวย์ก็นำช่อดอกไม้ขึ้นมาบนคอนโดด้วยและจัดการนำมาจัดใส่แจกันเดินถือเข้าไปวางไว้ในห้องนอน กุหลาบสีขาวสะอาดตาพร้อมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายแก่ชายหนุ่มเป็นอย่างดี เวย์เข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายซึ่งเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มทำเป็นประจำเมื่อกลับมาจากข้างนอกไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่อาจจะติดมาจากการออกไปที่สาธารณะ ก่อนที่จะออกมานั่งกึ่งนอนบนโซฟาตัวใหญ่แล้วเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาเพื่อหาข้อมูลบางอย่าง
รูปภาพในอิริยาบถต่าง ๆ ของสไมล์ดาราสาวซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของเมืองไทยในขณะนี้ปรากฏขึ้นมาเต็มบนหน้าจอมือถือของเวย์ตามที่ชายหนุ่มได้ใส่หัวข้อและทำการกดค้นหา เวย์เริ่มเข้าไปดูประวัติของสไมล์ตามเว็บต่าง ๆ ที่มีข้อมูลของหญิงสาวปรากฏอยู่รวมถึงผลงานที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
สิ่งหนึ่งที่เวย์รับรู้จากการค้นดูประวัติดาราสาวคือสไมล์เป็นดาราที่ไม่ค่อยมีข่าวทางด้านลบเท่าไหร่หรือแทบจะไม่มีปรากฏให้เห็นเลยก็ว่าได้ ส่วนใหญ่ข่าวของสไมล์จะเป็นข่าวเกี่ยวกับผลงานของเธอและคำชมต่าง ๆ ที่มาจากเหล่าแฟนคลับและผู้จัดงานที่จ้างเธอ โดยคำชมส่วนใหญ่จะชมว่าหญิงสาวเป็นดาราที่ไม่หยิ่ง นอบน้อม ไม่ถือตัว และมีฝีมือการแสดงเป็นที่ยอมรับจึงมีแฟนคลับมากมายให้การสนับสนุน และแน่นอนว่าเนื้อหาในข่าวนั้นช่างสวนทางกับสิ่งที่เขาเจอ เวย์ส่ายหัวน้อย ๆ กับตัวตนของหญิงสาวที่เขาได้เจอมากับตัว
“วงการมายาจริง ๆ” เวย์พึมพำเบา ๆ กับตนเองในขณะที่มือก็ยังคงทำหน้าที่ประสานกับความต้องการในใจอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเลื่อนเข้าไปดูความเคลื่อนไหวของดาราสาวในมุมต่าง ๆ เวย์ยอมรับในใจลึก ๆ ว่าสไมล์เป็นผู้หญิงที่สวยมากจนหาตัวจับยากสมกับที่เป็นดารา แม้แต่ตอนที่หญิงสาวเข้ามาโวยวายใส่เขาเพราะเข้าใจผิดเรื่องที่ถูกปล่อยภาพ เวย์ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้จะอยู่ในอารมณ์โมโหแค่ไหนสไมล์ก็ยังคงดูน่ามองอยู่ดีแม้ว่าตอนนั้นเขาจะทำเหมือนไม่อยากมองก็ตาม รูปภาพจากไอจีของสไมล์ถูกเวย์เข้าไปกดดูจนหมดเกือบทุกภาพยิ่งดูยิ่งเพลินโดยที่คุณหมอหนุ่มก็ไม่รู้ตัวว่าใช้เวลานานเท่าใดกับการมองดูภาพในมือถือนั้น