ตอนที่ 5 ภารกิจ#1
ติ๊ก!!
(ขอโทษนะคะ ที่ฉันทำเรื่องเสียมารยาทเมื่อวันก่อน)
ติ๊ก!!
(หวังว่าคุณและพนักงานของคุณจะยกโทษให้ฉัน)
ติ๊ก!!
(ฉันยินดีรับผิดชอบถ้าหากว่าทำให้คลินิกคุณเสียหาย ขอให้บอกมาได้เลยค่ะ)
สไมล์ส่งข้อความไปขอโทษเวย์แทบทุกวันตั้งแต่วันที่ได้รู้ความจริงว่าทางคลินิกของเวย์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในการปล่อยภาพของเธอ แต่เวย์แค่เปิดอ่านข้อความที่สไมล์ส่งไปให้ไม่ได้ตอบกลับข้อความอะไร ท่าทีของคุณหมอหนุ่มที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรจากข้อความที่สไมล์ส่งไปทำให้สไมล์รู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามส่งไปบ่อยแค่ไหนแต่เวย์ก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอทำ จนสไมล์เริ่มรู้สึกหมั่นไส้ที่เวย์เมินเฉยต่อคำขอโทษของเธอ สไมล์จึงคิดแผนที่จะทำให้เวย์หลงรักเธอจนหัวปักหัวปำ เธอจึงส่งข้อความหาเวย์ทุกวันจากตอนแรกเริ่ม ช่วงสัปดาห์สองสัปดาห์แรกส่งไปต้องรอสองสามวันอีกฝ่ายถึงจะเปิดอ่าน ก็เริ่มดีขึ้นมาเป็นส่งตอนเช้าอ่านบ่ายส่งบ่ายอ่านเย็นส่งเย็นอ่านดึก ส่งดึกอ่านตอนเช้า และหลัง ๆ มาเริ่มส่งปุ๊บอ่านเลยโดยใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง จากตอนแรกที่ส่งข้อความเป็นแค่การทักทายธรรมดาแล้วไม่มีการโต้ตอบหรือตอบกลับจากอีกฝ่ายช่วงหลัง ๆ สไมล์เริ่มเปลี่ยนรูปแบบเป็นข้อความแนวชวนคุย หรือเป็นรูปแบบตั้งคำถาม เพื่อให้อีกฝ่ายมีปฏิกิริยาตอบกลับบ้าง ผลตอบรับช่วงแรกก็เหมือนเดิมคือไม่ค่อยได้รับความร่วมมือสักเท่าไหร่แต่พักหลัง ๆ เริ่มมีถามคำตอบคำบ้างแล้ว
ติ๊ก!!
(คุณทานข้าวรึยัง เอาอะไรไหมเดี๋ยวฉันซื้อไปฝาก)
(คุณอยู่ที่คลินิกหรือเปล่า)
(ฉันจะเข้าไปปรึกษาเรื่องผื่นแพ้ คุณอยู่คลินิกถึงกี่โมง)
เวย์ที่นั่งมองข้อความที่ถูกส่งมาจากสไมล์แบบรัว ๆ ได้แต่อ่านเท่านั้นโดยไม่ได้ตอบกลับหญิงสาวแม้แต่ข้อความเดียว เสียงเตือนข้อความจากแอปพลิเคชันยอดฮิตยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเวย์ต้องกดปิดเสียงไว้เปิดเพียงระบบสั่น เพราะเกรงว่าจะทำให้ดูไม่ดีเวลาที่เขากำลังตรวจคนไข้แล้วมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นไม่หยุด
(งั้นอีกครึ่งชั่วโมงฉันจะเข้าไปหานะคะ)
(อืม) เวย์ตอบกลับทางข้อความเพียงสั้น ๆ เพื่อตัดรำคาญ เพราะไม่อย่างนั้นโทรศัพท์เขาคงจะต้องสั่นสะเทือนไปอีกนาน
ใบหน้าหวานเผยอยิ้มออกมาอย่างผู้มีชัย ที่ในที่สุดเวย์ก็ตอบข้อความกลับสักที สไมล์ยิ้มไม่หุบที่ปฏิบัติการพิชิตใจคุณหมอของเธอเริ่มเห็นผลแม้จะเป็นเพียงคำสั้น ๆ คำเดียวก็ตาม
เมื่อคุณหมอหนุ่มเปิดโอกาสให้เธอสามารถไปหาได้ สไมล์จึงรีบขับรถไปหาเวย์ที่คลินิกทันทีเพราะอย่างน้อยการได้คุยกันต่อหน้าก็ยังดีกว่าที่เธอต้องมานั่งพิมพ์ข้อความจนมือหงิกแต่ได้เพียงความเงียบกลับมา
“สวัสดีค่ะฉันมาพบหมอเวย์ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยกับพนักงานตรงเคาน์เตอร์เมื่อเดินเข้ามาในคลินิก
“เอ่อ คุณสไมล์ได้นัดคุณหมอไว้หรือเปล่าคะ” ท่าทางที่ดูเหมือนหวั่น ๆ แต่ยังคงความนอบน้อมของพนักงานสาวเอ่ยถามสไมล์ เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนก่อนหน้านี้ที่ดาราสาวมาโวยวายลั่นคลินิก
“ใช่ค่ะ ฉันพึ่งโทรนัดคุณหมอเมื่อสักครู่นี้เอง คุณลองไปถามเขาก่อนก็ได้ค่ะ”
“งั้นรบกวนรอสักครู่นะคะ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ครับ มีอะไรครับ” เวย์เงยหน้าจากงานบนโต๊ะขึ้นมามองพนักงานของตนที่เดินเข้ามา
“คุณสไมล์มาขอพบคุณหมอค่ะ เธอแจ้งว่านัดคุณหมอไว้แล้ว” เวย์ถอนหายใจเมื่อได้รับรู้ในสิ่งที่พนักงานสาวรายงาน เขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะมาถึงเร็วขนาดนี้และไม่รู้ว่าวันนี้ดาราสาวจะมาแนวไหนอีก
“คนไข้คิวของวันนี้หมดแล้วใช่ไหมครับ”
“ค่ะ คิวสุดท้ายก็คือคนที่พึ่งตรวจเสร็จไปค่ะ”
“งั้นก็ให้คุณสไมล์เข้ามาได้เลยครับ”
“ค่ะคุณหมอ” เมื่อแน่ใจว่าคิวตรวจวันนี้ไม่มีค้างเวย์จึงบอกให้พนักงานบอกสไมล์ให้เข้ามาพบเขา
“สวัสดีค่ะคุณหมอ” สไมล์ที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของเวย์แล้วเอ่ยทักเจ้าของห้องที่กำลังสนใจงานบนโต๊ะ เวย์เพียงแค่ปรายตามองสไมล์เพียงเล็กน้อยก่อนจะถามผู้มาเยือนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“อาการผื่นแพ้ที่คุณเป็นคราวก่อนก็ดีขึ้นจนเกือบปกติแล้วนี่ครับ แล้ววันนี้มีปัญหาตรงจุดไหนอีกครับ” เวย์เข้าเรื่องที่หญิงสาวใช้เป็นข้ออ้างในการมาพบเขาทันที เพราะไม่อยากให้สไมล์เป็นฝ่ายตั้งคำถามที่ไม่เกี่ยวกับการรักษาแล้วเขาก็ต้องมานั่งตอบคำถามนั้น ท่าทางจริงจังของเวย์และคำพูดที่เอ่ยออกมาทำเอาสไมล์แทบไปต่อไม่เป็น เพราะเธอไม่ได้มีปัญหาผิวใด ๆ จะปรึกษา การมาพบเขาครั้งนี้มันเป็นเพียงข้ออ้างที่จะมาหาเขาเท่านั้น
“ฉันแค่อยากแน่ใจว่าอาการแพ้ที่หน้าของฉันมันหายดีแล้ว หรือว่าคุณหมอไม่มีบริการติดตามเคสหลังการรักษาคะ” น้ำเสียงและท่าทางที่ตั้งใจมาป่วนของสไมล์ทำเอาเวย์มองมาด้วยสายตาเข้ม ก่อนจะวางมือจากเอกสารที่กำลังดูอยู่แล้วหันมาตรวจดูอาการให้กับสไมล์
“คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ จากที่ดูผิวคุณตอนนี้ สามารถใช้หน้าตาทำเงินได้ตามปกติครับ” น้ำเสียงเรียบแฝงด้วยความยียวนบอกกับคนไข้ที่ตั้งใจมาป่วนเขา
“คุณหมอคุยดี ๆ แบบหน้าตาเป็นไหมคะ ฉันแค่อยากมาขอโทษก็เท่านั้นเอง” เวย์ที่ได้ยินสไมล์พูดออกมาแบบนั้นก็รู้สึกผิดนิด ๆ แต่ก็ยังคงตีหน้าเรียบนิ่งเหมือนกับว่าไม่ได้รู้สึกหรือสนใจอะไรในสิ่งที่สไมล์พูด
“คุณก็ส่งข้อความมาขอโทษผมแล้วนี่ แล้วคุณก็ยังไม่ได้ทำให้คลินิกผมเสียหายอะไร ส่วนพนักงานของผมถ้าคุณอยากจะขอโทษพวกเขาก่อนกลับก็แวะบอกพวกเขาเองได้เลย” ทั้งที่ไม่อยากจะสนใจอะไรในตัวของสไมล์ แต่การจะไม่พูดหรือตอบโต้อะไรก็คงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมากนัก เวย์จึงบอกกับสไมล์ให้ได้รู้ว่าเขาไม่ได้ติดใจอะไรในเรื่องที่หญิงสาวอยากมาขอโทษ
“ขอบคุณนะคะ” เมื่อได้ยินเวย์พูดมาแบบนั้นสไมล์ก็ยิ้มพร้อมเอ่ยขอบคุณหมอหนุ่มเบา ๆ
“คุณมีอะไรอยากจะถามผมอีกไหมใกล้เวลาปิดคลินิกเดี๋ยวผมก็จะกลับแล้ว” เมื่อสไมล์ยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับทั้งที่เขาก็ตรวจดูอาการของเธอเรียบร้อยแล้ว เวย์จึงเอ่ยถามหญิงสาวแล้วลุกไปถอดเสื้อกาวน์แขวนไว้บนราวแสดงให้สไมล์รู้ว่าเขากำลังจะกลับ
“งั้นฉันขอตัวกลับก่อนละกันค่ะ ไว้ถ้ามีปัญหาอะไรฉันจะมาปรึกษาคุณอีกทีก็แล้วกันนะคะ” ร่างระหงลุกขึ้นยืนพร้อมเอ่ยลาเจ้าของคลินิกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายก็เตรียมตัวที่จะกลับ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
สไมล์เริ่มแวะเวียนมาหาเวย์ที่คลินิกบ่อยขึ้นแม้ว่าแรก ๆ หญิงสาวจะเอาเรื่องรักษามาอ้างในการที่จะมาหาเวย์ แต่พอเริ่มนานไปสไมล์ก็มาหาคุณหมอหนุ่มโดยไม่มีข้ออ้างและไม่มีการนัดหมายใด ๆ พอทั้งสองเริ่มคุยกันมากขึ้น สไมล์ก็เริ่มแผนต่อไปโดยเริ่มมาเจอชายหนุ่มบ้างเป็นบางครั้งที่เธอเว้นว่างจากงานถ่ายละครและออกอีเว้น สไมล์พยายามสร้างสัมพันธ์และสนิทสนมกับทุกคนในคลินิกของเวย์ เช่นซื้อขนมและผลไม้มาฝากพนักงานที่คลินิกรวมทั้งเจ้าของคลินิกด้วย
“สวัสดีค่ะคุณสไมล์” พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์เอ่ยทักทายเมื่อเห็นสไมล์เดินถือถุงขนมเข้ามาในคลินิก
“สวัสดีค่ะทุกคน หมอมีคนไข้เหรอคะ” สไมล์ถามหาคุณหมอหนุ่มทันทีเหมือนเช่นทุกครั้งที่เธอมาถึง ก่อนจะยื่นขนมถุงโตให้กับพนักงานแบ่งกันกิน
“ตอนนี้ว่างค่ะคนไข้ที่นัดไว้ยังเดินทางมาไม่ถึง”
“สไมล์เข้าไปได้หรือเปล่าคะ”
“งั้นเดี๋ยวขอไปเรียนคุณหมอก่อนนะคะเผื่อว่ากำลังพักผ่อน” พนักงานสาวยังคงทำหน้าที่ตัวเองเป็นอย่างดี แม้ว่าดาราสาวจะมาหาเจ้านายของเธอแล้วหลายครั้งแถมมีขนมนมเนยมาฝากไม่ขาด แต่ทุกครั้งที่สไมล์จะเข้าไปหาเวย์ก็ต้องให้พนักงานเป็นคนไปแจ้งให้คุณหมอหนุ่มทราบก่อนทุกครั้ง สไมล์พยักหน้ารับเข้าใจคนทำงานเป็นอย่างดี
“เชิญคุณสไมล์ค่ะ” เมื่อเวย์อนุญาตให้สไมล์เข้าไปหาที่ห้องทำงานได้ พนักงานสาวจึงเดินออกมาบอกสไมล์ทันที
“ขอบคุณค่ะ สไมล์ฝากเอาขนมใส่จานให้คุณหมอแล้วเอาเข้าไปให้ที่ในห้องทีนะคะ”
“ได้ค่ะ” พนักงานคนเดิมรับคำก่อนจะนำขนมไปจัดการตามที่สไมล์บอก ส่วนสไมล์ก็เดินเข้าไปหาเวย์ในห้องทำงาน
เวย์ที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผู้มาใหม่เพราะจำกลิ่นน้ำหอมของสไมล์ได้ จึงเอาแต่สนใจงานของตัวเองไม่แม้แต่จะเงยหน้าทักทายหญิงสาว
“ฉันซื้อกาแฟและขนมมาฝากกำลังให้พี่ ๆ เขาจัดใส่จานให้ ขนมร้านนี้อร่อยมากเลยนะเดี๋ยวคุณลองชิมดู” สไมล์บอกกับคนตรงหน้าที่เอาแต่สนใจเอกสารบนโต๊ะ เวย์เพียงแต่ชายตาขึ้นมามองเพียงเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจงานดังเดิม ไม่นานพนักงานก็ยกกาแฟร้านดังและขนมที่สไมล์ซื้อมาฝากเข้ามาให้เวย์ที่ห้อง เวย์เพียงแค่มองดูกาแฟและขนมที่วางอยู่ตรงหน้าแต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาชิมเหมือนที่คนซื้อเชิญชวน เวลาผ่านไปกว่าสิบนาทีที่เวย์มัวแต่สนใจงานและสไมล์ที่นั่งมองดูคุณหมอหนุ่มเงียบ ๆ จนกาแฟเริ่มจะละลาย สไมล์จึงเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“คุณจะไม่ชิมขนมและกาแฟที่ฉันเอามาฝากสักหน่อยเหรอคะ มัวแต่ทำหน้ายุ่งอยู่นั่นแหละ โบท็อกก็ไม่ช่วยอะไรหรอกนะคะ” เมื่อสไมล์เอาคำพูดที่เขาเคยว่าให้เธอมาพูดกับเขา เวย์จึงส่งสายดุมาให้ทันทีที่สไมล์พูดจบ ก่อนที่จะยื่นมือไปหยิบขนมมาใส่ปากแล้วตามด้วยกาแฟที่ตอนนี้เริ่มเจือจางเพราะน้ำแข็งที่ละลาย
สไมล์ยังคงแวะเวียนมาหาเวย์อยู่ประจำแม้ว่าจะมีนักข่าวแอบถ่ายรูปเธอแล้วเอาไปเขียนข่าวว่าเธอเสพติดศัลยกรรมจนต้องเข้าออกคลินิกเสริมความงามเป็นว่าเล่น แต่สไมล์ไม่ได้สนใจและเดือดร้อนเหมือนครั้งแรกที่มีญาติคนไข้ที่คลินิกของเวย์แอบถ่ายรูปเธอ
ภาพที่ดาราสาวเข้าออกคลินิกเสริมความงามชื่อดังเป็นประจำนั้นเป็นที่คุ้นตาของทุกคน จนนักข่าวเลิกเขียนข่าวว่าเธอศัลยกรรม แต่กลับเล่นข่าวเรื่องเธอกับเจ้าของคลินิกแทน
“มาคลินิกเสริมความงามบ่อยไม่กลัวเป็นข่าวหรือไง”
“ทุกวันนี้ก็เป็นข่าวอยู่แล้ว เป็นเพิ่มขึ้นอีกหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรจะได้ไม่ตกกระแส”
“คุณไม่เป็นแต่ผมเป็น ตอนนี้เริ่มมีนักข่าวโทรเข้ามาคลินิกเพื่อจะขอสัมภาษณ์เรื่องที่คุณมาที่นี่บ่อยจนเอาไปเขียนข่าวว่าคุณมาเฝ้าผม” เวย์ที่ไม่ชินกับการถูกก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวบอกสไมล์ด้วยอารมณ์เหวี่ยงนิด ๆ แต่ก็ยังคีพลุคหน้านิ่งอยู่
“ฉันก็มาเฝ้าคุณจริงๆ นี่คะข่าวก็ไม่ได้เขียนมั่วอะไร คุณหมอก็อย่าซีเรียสไปเลยค่ะเดี๋ยวก็ชิน” สไมล์บอกกับคนที่กำลังเริ่มจะหงุดหงิดอย่างอารมณ์ดี เวย์ที่เห็นท่าทางไม่เดือดร้อนอะไรของสไมล์จึงทำได้เพียงส่งสายตาเข้มไปให้ ก่อนจะเดินไปนั่งทำงานของตนเอง สไมล์จึงหยิบหนังสือเล่มโปรดที่เตรียมมา ขึ้นมาอ่านโดยไม่ได้พูดอะไรที่เป็นการรบกวนเวย์ที่นั่งทำงานอยู่ จนกระทั่งสไมล์ผล็อยหลับไปบนโซฟาตัวยาวในห้องทำงานของเวย์
“เวลาหลับก็ดูน่ารักดี แต่เวลาตื่นทำไมวุ่นวายได้ขนาดนี้”