ตอนที่5 ทบทวนเหตุผล
คิวผ่าตัดพ่อของปลายฟ้าคืออีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า ระหว่างนี้หมอของขวัญก็เข้ามาตรวจอาการคนไข้ทุกวันและยังมีหมอดนัยที่คอยแวะเวียนมาถามไถ่อาการทุกวัน
“เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะถึงคิวผ่าตัดแล้วนะคะช่วงนี้ถ้าหากมีอาการปวดรุนแรงให้รีบแจ้งพยาบาลได้ทันที พยายามทานอาหารตามที่โรงพยาบาลจัดให้ทุกมื้อนะคะ ถึงไม่หิวก็ต้องทานเพราะเราต้องเตรียมความพร้อมของร่างกายให้ได้มากที่สุดก่อนผ่าตัดค่ะ” คุณหมอสาวบอกคนไข้และญาติเมื่อเข้ามาตรวจดูอาการประจำวัน
“เป็นยังไงบ้างครับหมอขวัญคนไข้พร้อมสำหรับการผ่าตัดหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มที่ปลายฟ้าเริ่มคุ้นเคยถามขึ้นในขณะที่เจ้าของเสียงเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย
ภีร์แวะถามไถ่เพื่อนหมอด้วยกันเกี่ยวกับอาการคนไข้ ท่าทางจริงจังเวลาทำงานของภีร์ทำให้ปลายฟ้าแอบมอง แต่ก็ไม่กล้าที่จะทักทายหรือถามอะไรออกไปเหมือนก่อนหน้านี้ เพราะรู้สึกว่าคุณหมอหนุ่มมีท่าทีไม่อยากจะพูดคุยกับเธอมากนัก ปลายฟ้าไม่แน่ใจว่าทำไมบางครั้งชายหนุ่มถึงแสดงท่าทางเหมือนกับว่าไม่ชอบเธอ
“ก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งค่ะหมอภีร์แต่ก็อยากให้แข็งแรงมากกว่านี้อีกนิด คิดว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดร่างกายน่าจะพร้อมเต็มร้อยค่ะ” หมอของขวัญหันไปบอกกับภีร์ที่บังเอิญเจอกันระหว่างราวด์วอร์ดพอดี
“คุณลุงล่ะครับรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ปวดท้อง เบื่ออาหาร หรืออาเจียนไหมครับ” ภีร์ถือโอกาสหันไปถามคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง เพราะในใจลึก ๆ ก็อยากทราบอาการของคนป่วยเหมือนกัน
“ก็ปวดท้องหนักเป็นบางครั้งครับหมอแล้วก็รู้สึกเบื่ออาหาร” พ่อของปลายฟ้าตอบหมอภีร์ด้วยท่าทางเนือย ๆ
“หมอขวัญคิวผ่าตัดอาทิตย์หน้านี้เร็วสุดแล้วใช่ไหมครับ” ท่าทางจริงจังของภีร์ที่หันไปถามคุณหมอเจ้าของไข้ทำเอาปลายฟ้าเริ่มจะมีหวังอยู่ในใจ ว่าภีร์จะเปลี่ยนใจมาผ่าตัดให้พ่อของเธอแม้จะเคยผิดหวังจากการปฏิเสธของคุณหมอหนุ่มมาแล้วแต่ตราบใดที่ยังไม่ถึงวันผ่าตัดปลายฟ้าก็หวังอยู่ลึก ๆ ว่าชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจ
“ใช่ค่ะด้วยคิวห้องผ่าตัดและคิวแพทย์ก็คงต้องเป็นอาทิตย์หน้าค่ะ” ภีร์พยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่คุณหมอสาวบอกก่อนจะหันไปมองคนไข้บนเตียงอีกครั้ง
“อดทนนะครับผ่าตัดเสร็จเดี๋ยวก็หาย ช่วงนี้ก็อย่างที่หมอขวัญบอกหากมีอาการปวดรุนแรงให้รีบบอกพยาบาลนะครับ ส่วนอาหารผมแนะนำให้ทานทุกมื้อให้ตรงเวลา หรือทานทีละน้อยแต่ทานบ่อย ๆ ก็ได้นะครับแต่ขอให้ทาน” ภีร์ให้กำลังใจพร้อมแนะนำการปฏิบัติตัวแก่พ่อปลายฟ้าก่อนจะขอตัวไปตรวจคนไข้ต่อโดยไม่ได้สนใจหญิงสาวที่นั่งมองเขาตั้งแต่เดินเข้ามา ปลายฟ้ามองตามหลังคุณหมอหนุ่มด้วยสีหน้าผิดหวังอีกตามเคย ถึงจะชื่นชมในการใส่ใจของชายหนุ่มที่ส่งมาให้พ่อของเธอซึ่งเป็นคนไข้แม้ว่าจะไม่ใช่แพทย์เจ้าของไข้ก็ตามแต่ลึก ๆ แล้วสิ่งที่ปลายฟ้าต้องการคืออยากให้นายแพทย์ภีรภัทรใช้ความเก่งด้านการแพทย์ช่วยเหลือพ่อของเธอ
ปลายฟ้าต้องขอลาหยุดงานที่โรงเรียนสอนดนตรีและให้ครูคนอื่นเข้าไปสอนคลาสของเธอแทนเพราะเธอต้องคอยดูแลพ่อที่นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล เด็ก ๆ ในห้องทุกคนไม่ได้มีปัญหาอะไรที่ปลายฟ้าไม่สามารถมาสอนพวกเขาต่อได้เพราะเข้าใจว่าปลายฟ้าต้องดูแลพ่อที่ป่วยยกเว้นมินนี่ลูกศิษย์คนโปรดถึงกลับร้องไห้ฟูมฟายเมื่อรู้ว่าเธอจะไม่ได้เรียนกับครูปลายฟ้าอีกนาน
“ฮึก ๆ ๆ มินนี่ ฮึก ๆ ไม่อยากให้ไป มินนี่จะเรียนกับครูฟ้า ฮือ ๆ”
“โธ่ มินนี่ขาไม่เอาค่ะไม่ร้อง ครูฟ้าไม่ได้หายไปไหนนานนะคะครูฟ้าแค่ลาไปเฝ้าคุณพ่อที่โรงพยาบาลแค่นั้นเอง เดี๋ยวถ้าคุณพ่อครูฟ้าหายครูฟ้าจะกลับมาสอนมินนี่เหมือนเดิมนะคะ มินนี่หยุดร้องไห้ก่อนเดี๋ยวไม่สวยนะคะ” ปลายฟ้านั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กสาวเพื่ออธิบายเหตุผลให้เด็กน้อยเข้าใจหลังจากที่วันนี้แวะมาเขียนใบลาหยุดที่โรงเรียน แต่ลูกศิษย์คนโปรดกลับงอแงไม่ยอมเข้าใจง่าย ๆ
“แล้วครูปลายฟ้าต้องไปเฝ้าคุณพ่อกี่วันคะ” ลูกศิษย์ตัวน้อยถามครูสาว ดวงตากลมเล็กฉ่ำไปด้วยน้ำตาจากการร้องไห้ ปลายฟ้ายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อยเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“ครูฟ้าก็ยังไม่รู้เลยค่ะมินนี่เพราะพ่อครูฟ้าต้องผ่าตัดครูฟ้าอาจจะต้องคอยดูแลจนกว่าพ่อจะหายดีแต่ครูฟ้าสัญญาค่ะว่าถ้าพ่อครูฟ้าหายแล้วจะรีบกลับมาสอนไวโอลินให้มินนี่ทันทีเลยค่ะ มินนี่คนสวยเข้าใจครูฟ้านะคะ” แม้จะยังไม่เข้าใจครูสาวแต่มินนี่ก็พยักหน้าเชื่อฟังในสิ่งที่ครูพูด
เด็กน้อยกลับบ้านมาด้วยดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้มาอย่างหนัก ภีร์เห็นก็ตกใจเมื่อลูกสาวตัวน้อยเดินเข้าบ้านมาในสภาพที่หน้าตาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
“มินนี่!! เป็นอะไรลูกทำไมร้องไห้จนตาบวมแบบนั้นใครทำอะไรมินนี่บอกป่ะป๊ามาสิครับ”
“ฮือ ๆ ฮึก ป่ะป๊า ครู ฮึก ครูปลายฟ้าจะไม่มาสอนไวโอลินมินนี่แล้วค่ะฮือ ๆ” เด็กน้อยเมื่อถูกถามในสิ่งที่กำลังเสียใจก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้งแล้ววิ่งกอดคนเป็นพ่อแล้วเล่าทุกอย่างให้ผู้เป็นพ่อฟัง ภีร์พอจะจับต้นชนปลายถูกแต่ไม่รู้จะปลอบลูกสาวอย่างไรดีจึงได้แต่เล่าความจริงให้ลูกฟังเผื่อลูกจะเข้าใจ
“มินนี่ฟังป่ะป๊านะครับลูก คุณพ่อของครูปลายฟ้าท่านไม่สบายและตอนนี้กำลังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลของอาภาคย์ และครูปลายฟ้าของลูกก็ต้องคอยดูแลคุณพ่ออยู่ที่โรงพยาบาลจึงไปสอนไวโอลินลูกที่โรงเรียนไม่ได้ แต่เมื่อไหร่ที่พ่อของครูปลายฟ้าหายดีแล้วครูปลายฟ้าก็จะกลับไปสอนไวโอลินลูกเหมือนเดิม ระหว่างนี้มินนี่ก็เรียนกับครูคนอื่นไปก่อนเข้าใจไหมครับ” คำพูดของคนเป็นพ่อบอกลูกสาวอย่างใจเย็นเพื่อหวังจะให้ลูกสาวตัวน้อยเข้าใจและหยุดร้องไห้ แต่คำพูดถัดมาของเด็กสาวทำให้ภีร์ต้องเป็นฝ่ายที่ลำบากใจเอง
“ถ้าอย่างนั้นปะป๊าก็ช่วยรักษาพ่อของครูปลายฟ้าให้หายเร็ว ๆ สิคะ นะคะป่ะป๊า ป่ะป๊าต้องช่วยรักษาพ่อของครูปลายฟ้านะคะ ป่ะป๊าเป็นหมอที่เก่งมากต้องช่วยรักษาคุณพ่อของครูปลายฟ้าได้แน่นอนค่ะ”
“ป่ะป๊าจะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะลูก ป่ะป๊าไม่ได้เป็นหมอเจ้าของไข้พ่อของครูปลายฟ้าสักหน่อย”
“ฮือ ๆ ๆ ป่ะป๊าเป็นหมอที่เก่งทำไมจะทำไม่ได้ล่ะคะ ป่ะป๊าก็แค่ไปบอกครูปลายฟ้าว่าจะช่วยรักษาคุณพ่อของเธอให้ก็แค่นั้นเองทำไมป่ะป๊าทำเพื่อมินนี่ไม่ได้” เสียงสะอื้นไห้จากลูกสาวตัวน้อยทำเอาภีร์ไปไม่เป็นเพราะมีไม่บ่อยนักที่มินนี่ลูกสาวของเขาจะงอแงในสิ่งที่ต้องการ ภีร์ไม่เคยขัดใจลูกถ้าหากว่าสิ่งนั้นดูแล้วไม่ได้มีผลกระทบต่ออนาคตที่ดีของมินนี่ภีร์จะจัดการให้ทันที แต่สิ่งที่มินนี่ต้องการในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ภีร์ต้องคิดหนัก
“มินนี่คะฟังป่ะป๊านะ ป่ะป๊าเป็นหมอที่เก่งแต่หมอที่เก่งไม่ได้มีป่ะป๊าคนเดียวและป่ะป๊าก็มีคนไข้มากมายที่ต้องดูแล คุณพ่อของครูปลายฟ้าก็มีหมอที่เก่งคนอื่นดูแล ป่ะป๊าจะไปทำเหมือนที่มินนี่พูดไม่ได้หรอกนะลูก เดี๋ยวหมอที่รักษาพ่อครูปลายฟ้าเขาจะเสียใจ” ภีร์พยายามอธิบายกับลูกสาวหวังให้เข้าใจเขา
“คุณพ่อทำงานที่โรงพยาบาลอาภาคย์ไม่ใช่หรือคะ ให้อาภาคย์เป็นคนสั่งเปลี่ยนหมอที่รักษาพ่อครูปลายฟ้าเป็นคุณพ่อสิคะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ตอนนี้งอง้ำยังไม่ยอมง่าย ๆ ภีร์ส่ายหัวด้วยความเอ็นดูกับความคิดที่โตเกินวัยของลูกสาวที่ข้ามขั้นมาจัดการงานของเขาเป็นฉาก ๆ
“โธ่ มินนี่อะไรจะขนาดนั้นลูก” คนเป็นพ่อเริ่มอ่อนใจในความต้องการอย่างแรงกล้าของลูกสาว
“นะคะป่ะป๊าขา ป่ะป๊าช่วยคุณพ่อของครูปลายฟ้านะคะ ครูปลายฟ้าจะได้กลับมาสอนมินนี่เร็ว ๆ มินนี่จะได้เล่นไวโอลินเก่ง ๆ ไม่มีครูคนไหนเก่งเท่าครูปลายฟ้าแล้วนะคะป่ะป๊า”
หลังจากได้ฟังคำอ้อนวอนจากลูกสาวตัวน้อยบวกกับภาพความเสียใจของลูกสาวในวันนี้จึงทำให้ภีร์ต้องคิดทบทวนเรื่องเคสพ่อของปลายฟ้าอีกครั้ง
ภีร์ตัดสินใจไลน์ไปปรึกษาเรื่องนี้กับภาคย์และเวย์ว่าเขาจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี
Line : ห้องแชตกลุ่มหมอเทวดา
ภีร์ : กูมีเรื่องปรึกษา
ภาคย์: อืม ว่ามา
ภีร์ : มินนี่ร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนักจนกูเอาแทบไม่อยู่เพราะครูสอนไวโอลินลาไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล
เวย์: แล้ว…
ภีร์: ตอนนี้มินนี่ต้องการให้กูเป็นคนผ่าตัดให้พ่อของปลายฟ้า แต่กูไม่อยากยุ่งกับเคสนี้
ภาคย์: แล้วมีเหตุผลอะไรที่ทำให้มึงปฏิเสธเคสนี้ตั้งแต่แรก ทั้ง ๆ ที่มึงเองก็รู้ตัวว่าเคสนี้ศัลยแพทย์ที่เหมาะสมที่สุดคือมึง มึงลองกลับไปคิดหาเหตุผลดูแล้วมึงจะได้คำตอบว่ามึงควรจะปล่อยผ่านหรือหันหลังกลับไป”
เวย์: คำตอบก็รู้อยู่แก่ใจ ถ้าศักดิ์ศรีมันค้ำคอมากนักก็ลาออกจาการเป็นหมอ คำปณิธานแรกของการเรียนหมอคืออะไรมึงจำได้ไหม ถึงมึงจะแค่เรียนตามเพื่อนแต่เป็นสิ่งที่มึงเลือกแล้วมึงควรจะจำไว้นะ..เสียเวลากูนอนกอดเมียฉิบหาย”
คำถามที่ถูกถามกลับจากภาคย์และคำตอบที่ได้จากเวย์แม้จะไม่ใช่คำชี้ขาดให้ภีร์สามารถตัดสินใจได้ทันทีในตอนนี้ แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มเริ่มทบทวนอีกครั้งแม้ว่าพฤติกรรมของญาติคนไข้จะเป็นสิ่งที่คุณหมอหนุ่มพร่ำบอกตัวเองว่ารับไม่ได้ แต่จรรยาบรรณและปณิธานของความเป็นแพทย์ที่ถูกเวย์ถามมาก็ทำเอาภีร์ต้องคิดหนัก