8 ถ้าไม่ไหวก็แค่ร้องไห้ออกมา
ทุกคำที่ออกมาจากปากของเดนิสาทำให้ติณณภพจับได้ถึงความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในนั้น เธอทำเป็นเข้มแข็งแต่แววตาและน้ำเสียงนั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“หนูไม่คิดเลยว่ากลับมาที่นี่แล้วจะเจอแบบเดิมอีก หนูคิดว่าพี่ณัติคือพี่คือคนในครอบครัว แต่เขาก็ไม่เคยห้ามเพื่อนเลยแล้วแบบนี้หนูจะไว้ใจใครได้” เดนิสารู้สึกผิดหวังมากเพราะเธอคิดว่าบ้านคุณยายเป็นที่ปลอดภัยแต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น
“อย่างน้อยหนูก็ไว้ใจอาได้นะเดซี่” ติณณภพพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและตบบ่าเธอเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“อาหมอจะไม่เป็นเหมือนพวกเขาใช่ไหมคะ”
“อาจะไม่เป็นแบบนั้น” เขาให้คำสัญญาอย่างหนักแน่น
“ขอบคุณนะคะอาหมอที่เป็นหลุมหลบภัยให้กับหนู”
เดนิสารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยมากถึงแม้ติณณภพจะเป็นผู้ชายและเคยเจอกับเธอเพียงไม่กี่ครั้งแต่หญิงสาวก็ไว้ใจเข้ามา ท่าทางที่เขาแสดงออกนั้นมันอ่อนโยนและดูน่าเชื่อถือจนหญิงสาวเห็นเขาเป็นที่พึ่ง
“ถ้าหนูรู้ว่าที่นี่ปลอดภัยหนูก็มาได้ตลอดนะเดซี่”
“ขอบคุณค่ะอาหมอ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณอีกครั้งและเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เขาส่งให้เธอก็รู้สึกได้ว่าเขาจริงใจและไม่มีทางทำให้เธอผิดหวังอย่างแน่นอน
“ถ้าหนูอยากจะร้องไห้ก็ร้องออกมานะ ถ้าได้ร้องแล้วหนูจะดีขึ้นพอคุณยายกลับมาหนูจะได้มีรอยยิ้มกับคุณยายไงล่ะ”
ติณณภพพูดจบเดนิสาก็ร้องไห้โฮเพราะรู้สึกอึดอัดมานาน ตั้งแต่กลับมาอยู่เมืองไทยเธอต้องพยายามทำตัวเข้มแข็งเพราะกลัวคุณยายจะเป็นห่วง เวลาที่มารดาวิดีโอคอลมาหาเธอก็ยิ่งต้องยิ้มให้กว้างเพื่ออีกฝ่ายจะได้ไม่กังวล
ติณณภพไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ไม่ลุกไปไหน เขาอยากนั่งเป็นเพื่อนเธออยู่แบบนี้
ชายหนุ่มหยิบกระดาษทิชชูส่งให้พอรับไปแล้วเธอก็ขยับมาใกล้เขามากขึ้นแล้วซบใบหน้าลงบนหน้าอกของเขาขณะที่ยังคงร้องไห้อย่างหนัก
เขาใช้มือลูบไปบนเรือนผมสีน้ำตาลเข้มของเธอเบาๆ ชายหนุ่มรู้สึกว่าตอนนี้เสื้อของตนเองนั้นกำลังเปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำตา แต่เขาก็ยังคงนั่งนิ่งปล่อยให้เธอได้ร้องไห้และระบายความรู้สึกออกมา
“หนูไม่รู้จะเป็นแบบนี้นานไหม หนูคิดว่าจะลืมได้แล้ว แต่ภาพเดิมๆ ก็วนมาในหัวอีก คนกินเหล้าพอเมาแล้วก็มาเคาะประตูห้องนอน มันเหมือนวันที่ไมค์เคาะประตูห้องนอนของหนู หนูกลัวค่ะอาหมอ” เดนิสาสะอื้นหนักมากขึ้นสองมือเล็กของเธอกำลังกอดเขาไว้
ติณณภพไม่ได้กอดตอบเพราะคิดว่าจะทำให้หญิงสาวกลัวหรือตกใจมากขึ้น เขาเลือกที่จะลูบไปบนแผนหลังของเธอและตบเบาๆ เพื่อให้เธอรู้สึกว่ายังมีเขาคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ เขายินดีจะอยู่เงียบๆ และเป็นที่พักพิงให้เธอได้ตามที่เธอต้องการ
“ไม่ต้องกลัวแล้วนะ พวกเขาจะทำอะไรหนูไม่ได้ บ้านนั้นอาจไม่ปลอดภัยแต่ถ้าหนูมาที่นี่ หนูจะปลอดภัยนะเดซี่”
เสียงที่พูดออกมานั้นฟังแล้วอบอุ่น ต่างจากเสียงของผู้ชายคนอื่นทำให้เดนิสารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เขาเป็นคงเป็นคุณหมอที่ใจดีและไว้ใจได้อย่างที่คุณยายเธอบอก
หญิงสาวหยุดร้องไห้แต่ก็ยังคงนั่งพิงศีรษะไว้กับเขาแบบนั้นเพราะเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เขาส่งผ่านมาให้ เธอได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขากลิ่นที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นได้เป็นอย่างดี
ทั้งสองนั่งนิ่งอยู่ในความเงียบไม่มีใครพูดอะไรจนกระทั่งเสียงท้องของเดนิสาร้องจ๊อกๆ เพราะตอนนี้มันเลยเวลาทานอาหารเย็นมานานแล้ว สองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
“หิวเหรอ”
“นิดหน่อยค่ะอาหมอ”
“จะกินข้าวที่นี่หรือจะกลับไปกินข้าวที่บ้านล่ะ” ติณณภพไม่รู้ว่าเธอพร้อมจะกลับไปที่บ้านของตนเองหรือยัง
“เมื่อกี้ตอนหนูคุยกับคุณยายคุณยายบอกว่าเย็นนี้คุณยายสั่งแกงเขียวหวานมาจากร้านประจำแล้วเชิญให้เอาหมอไปกินข้าวที่บ้านด้วยค่ะ”
“งั้นเราก็ไปกันเลยดีไหมเดี๋ยวคุณยายกับน้าษาจะรอนานหนูไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วค่อยกลับบ้าน เดี๋ยวอาจจะไปเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้”
“ค่ะอาหมอ”
ติณณภพหายไปพักใหญ่ก็กลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็ก
“ห้องน้ำอยู่ด้านนอกติดกับห้องครัวเหมือนบ้านหนูนั่นแหละ”
“ขอบคุณค่ะอาหมอ”
ระหว่างที่เดนิสาเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างติณณภพก็เปิดตู้เย็นเพื่อหาผลไม้เพื่อจะถือติดมือไปด้วย เมื่อชายหนุ่มเตรียมของเสร็จเดนิสาเดินออกมาพอดี
“เดซี่ไม่เอาถุงขนมกลับเหรอ”
“หนูฝากไว้ได้ไหมคะ พรุ่งนี้หนูก็มาอีกแล้ว”
“ได้สิ แล้วในนั้นมีอะไรที่ต้องใส่ตู้เย็นไหม”
“แต่ขนมก๊อบแก๊บทั้งนั้นเลยคงไม่ต้องใส่ตู้เย็นหรอกค่ะ”
“งั้นเราไปกันเถอะ”
เมื่อเดินมาถึงที่บ้านคุณยายและน้าสาวของเดนิสาก็กำลังช่วยกันจัดโต๊ะอยู่พอดี
“สวัสดีครับคุณยายพี่ษาพี่อำนาจผมมารบกวนอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไร วันนี้หนูเดซี่ก็ไปกวนทั้งวัน”
“ไม่ได้กวนอะไรหรอกครับ”
“แล้วหนูไปทำอะไรที่บ้านคุณหมอล่ะเดซี่”
“บ้านอาหมอเงียบดีค่ะหนูไปอ่านหนังสือค่ะ”
“ไม่ใช่ว่าไปรบกวนสมาธิหมอเขาล่ะ”
“จริงๆ ค่ะคุณยายไม่เชื่อถามอาหมอดูสิคะว่าจริงไหม”
“จริงไหมจ๊ะหมอติณณ์” คุณยายราตรีหันมาถามคุณหมอเพื่อความแน่ใจเพราะกลัวว่าหลานสาวตัวเองจะไปรบกวนสมาธิจนเขาไม่ได้ทำงาน
“จริงครับคุณยาย เดซี่นั่งอ่านหนังสือส่วนผมก็ทำงาน ไม่ได้รบกวนอะไรเลยจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นยายก็ฝากด้วยนะ ที่บ้านของยายบางทีเจ้าณัติก็ชอบพาเพื่อนมานั่งกินเหล้า ยายกลัวว่าหนูเดซี่จะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง”
“ครับคุณยาย”
ติณณภพกับเดนิสามองหน้ากันและไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะเท่าที่ฟังดูคุณยายของเธอก็พอจะรู้พฤติกรรมของหลานชายคนนี้แต่ที่ไม่รู้ก็คือเพื่อนของหลานชายนั้นพูดจาคุกคามจนเดนิสารู้สึกไม่ปลอดภัย
“แล้วนี่เจ้าณัติไปไหนล่ะ ทำไมไม่มากินข้าวด้วยกัน” คุณยายถามถึงหลานชายเมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมทานอาหารแล้วแต่อาณัติยังไม่มา
“ออกไปกับเพื่อนแล้วครับคุณแม่ คืนนี้ก็คงค้างที่หอเพื่อน” อำนาจบอกกับแม่ยาย
“คุณน่าจะห้ามลูกบ้างนะคะ”
“ปีนี้ลูกก็เรียนสุดท้ายปล่อยให้แกไปสนุกกับเพื่อนบ้างเถอะ ถ้าเรียนจบก็คงแยกย้ายไม่ค่อยได้เจอกันอีก”
เมื่อได้ยินว่าพี่ชายจะไม่กลับมานอนที่บ้านเดนิสาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก