14 ก็น้ำแอร์มันหยด
เมื่อมาถึงบริเวณห้องจัดเลี้ยงซึ่งตอนนี้มีเพื่อนของปิ่นปินัทธ์เข้ามาในงานแล้วประมาณสิบกว่าคนกว่าคนจากจำนวนที่ตกลงจะมางานเลี้ยงสามสิบคน
ปิ่นปินัทธ์พาหมอกรัณย์กรเขาไปแนะนำกับเพื่อนสนิทของเธอที่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่ประมาณห้าคนจากนั้นเขาก็ขอตัวออกมานอนพักเพราะเข้าเวรติดๆ กันมาหลายวัน
“แฟนของปิ่นหล่อมากๆ ไปหามาจากที่ไหน”เพื่อนคนหนึ่งถาม
“ไม่ได้ไปหาที่ไหนหรอกแค่บังเอิญเจอกันที่โรงพยาบาล”
“ทำไมโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้โรงเรียนเราไม่มีหมอหล่อๆ บ้างนะ นะถ้ามีหมอเราจะพาเด็กนักเรียนไปหาหมอทุกวันเลย”
“นั่นสิใกล้โรงเรียนของเราก็ไม่มีหมอหล่อเลย”
“ที่โรงพยาบาลใกล้โรงเรียนเราก็มีนะ แต่ส่วนใหญ่จะไม่โสดเลย สงสัยต้องหาทางย้ายโรงเรียนไปอยู่ใกล้โรงพยาบาลที่มีหมอหล่อๆ บ้างแล้วล่ะ” เพื่อนอีกคนก็พูดแซวขึ้นมา
ปิ่นปินัทธ์ไม่ได้ตอบอะไรเธอได้แต่ยิ้มเพราะทุกครั้งที่มางานเลี้ยงรุ่นแบบนี้หญิงสาวก็มันจะฟังเพื่อนคุยกันมากกว่า ถึงแม้ว่าตนเองจะเป็นคนคุยเก่งแต่เวลาอยู่กับเพื่อนหลายๆ คนแบบนี้ปิ่นปินัทธ์ก็มักจะคุยไม่ทันคนอื่น หญิงสาวจึงเลือกที่จะยิ้มและหัวเราะกับเรื่องที่เพื่อนเล่ามากกว่า
“เราว่ามันต้องเป็นพรหมลิขิตแน่เลยนะปิ่น อาชีพหมอกับครูน้อยครั้งมากนะที่จะเป็นแฟนกันได้”
“เราเห็นด้วยนะ ส่วนใหญ่หมอก็คู่กับหมอหรือไม่ก็คู่กับพยาบาลแต่นี่หมอคู่กับครูเป็นอะไรที่แปลกมาก บอกตรงๆ นะเราอิจฉาปิ่นมาก”
“ไม่ต้องอิจฉาหรอกน่าปิ่นมีแฟนเป็นหมอ แต่เขาก็ไม่ค่อยมีเวลาสู้มีแฟนเป็นนักธุรกิจอย่างใบเตยก็ไม่ได้”
“ที่เห็นใบเตยไปเที่ยวบ่อยๆ แบบนั้นก็ใช่จะสนุกเท่าไหร่หรอกนะ ไปแต่ละครั้งแฟนเขาก็เอาแต่คุยเรื่องงานบางครั้งใบเตยก็ต้องออกไปเที่ยวคนเดียว”
“ไม่ว่าจะอาชีพไหนก็งานยุ่งเหมือนกันทั้งนั้นเลยนะ”
“นั่นสิเราเลยเลือกเป็นโสดไง อยากทำอะไรตอนไหนก็ทำไม่ต้องรออีกคนว่าง” เพื่อนคนหนึ่งที่ยังเป็นโสดอยู่พูดสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนคนอื่นในกลุ่มได้เป็นอย่างดี
หลังจากงานเลี้ยงเลิกเพื่อนก็ชวนกันจะไปนั่งดื่มที่ผับชั้นล่างสุดของโรงแรม ปิ่นปินัทธ์เลยไลน์ไปบอกกรัณย์กรว่าตนเองจะไปดื่มกับเพื่อนต่อและจะเจอกับชายหนุ่มอีกทีตอนเช้า
หญิงสาวสนุกสนานกับเพื่อนอย่างเต็มที่และอยู่จนกระทั่งผับปิดก็เดินกลับมายังห้องนอนของตัวเองอีกครั้ง อาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ปิ่นกลับมาถึงห้องหรือยังครับ”
“เพิ่งถึงค่ะหมอล่ะคะ ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน”
“ผมนอนไปแล้วตั้งแต่หัวค่ำครับพี่เพิ่งตื่นมาเมื่อกี้นี้เองเป็นห่วงปิ่นนะไม่รู้ว่าเป็นจะกลับห้องหรือยัง” อันที่จริงเขาแอบตามเธอไปที่ผับและรีบกลับออกมาก่อนหน้าเธอไม่นาน แต่ที่ไม่เข้าทักทายเพราะอยากให้หญิงสาวได้สนุกกับเพื่อนอย่างเต็มที่
“ขอโทษนะคะที่ทำให้หมอต้องเป็นห่วงจริงๆ ปิ่นก็อยากจะ ไลน์บอกหมอว่ามาถึงห้องแล้ว แต่เห็นว่าตอนนี้มันเกือบจะตีสามไม่อยากจะรบกวนเวลานอนของหมอค่ะ หมอนอนเถอะค่ะเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเราค่อยเจอกัน”
“คือผมมีปัญหานิดหน่อยครับ”
“มีปัญหาอะไรคะ” เธอถามด้วยความเป็นห่วง
“คือแอร์ที่ห้องผมน้ำมันหยดครับผมติดต่อล็อบบี้ไปแล้วแต่เขาไม่ช่างขึ้นมาดูเลย จะเปลี่ยนห้องก็ต้องรอทำเรื่อง แล้วตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว เลยคิดว่าจะขอเขาไปค้างกับปิ่นได้ไหมครับ” เขาทำเสียงให้ฟังน่าสงสารที่สุด
ปิ่นปินัทธ์คิดหนักเพราะตั้งแต่คบกันเธอ กับเขาก็ยังไม่เคยนอนค้างด้วยกันเลยสักครั้ง แต่ถ้าไม่ให้เขามานอนด้วยก็ดูจะเป็นการใจร้ายเกินไปเพราะครั้งนี้เขาอุตส่าห์เป็นคนขับรถมาให้เธอ
“ก็ได้ค่ะ”
“ขอบคุณครับปิ่น ผมขอเวลาเก็บของสิบนาทีนะ เดี๋ยวผมไปหาที่ห้องนะ ห้องปิ่นเป็นหมายเลขอะไรนะ”
“ปิ่นพักอยู่ชั้นแปดห้อง 818 ค่ะ”
“ปิ่นรอผมนะครับอีกไม่เกินสิบนาทีผมไป”
ปิ่นปินัทธ์รีบเก็บข้าวของของตนเองที่กระจัดกระจายอยู่บนที่นอนลงกระเป๋าเสร็จก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้นเธอมองลอดออกไปเห็นว่าเป็นกรัณย์กรก็เลยเปิดประตูและให้เขาเข้ามา
“ขอโทษนะครับเป็นที่มารบกวนกลางดึก”
“ไม่เป็นไรค่ะ ปิ่นเข้าใจที่หมอต้องลำบากแบบนี้ก็เพราะขับรถมาให้ปิ่น”
“ดึกมากแล้วผมว่าเรารีบนอนกันเถอะนะครับ”
“ค่ะปิ่นก็ง่วงเหมือนกัน” ปิ่นปินัทธ์ขึ้นไปนอนบนเตียงฝั่งหนึ่งโดยใช้หมอนกันไว้ตรงกลางกรัณย์กรแอบยิ้มเมื่อเห็นหญิงสาวจัดที่นอนแค่หมอนใบเดียวมันจะกันอะไรได้
ชายหนุ่มขึ้นมานอนบนเตียงแล้วก็เอื้อมมือไปปิดไฟบริเวณหัวเตียง
“หมอคะ”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ปิ่นต้องนอนเปิดไฟไว้นิดหนึ่งค่ะ เราเปิดไฟหัวเตียงไว้ได้ไหมคะ”
“ได้ครับ ผมก็หลับได้ทั้งกลางวันและกลางคืนอยู่แล้ว” ด้วยอาชีพของเขาทำให้ว่างตอนไหนก็หลับตอนนั้น ถึงแม้จะเปิดไฟไว้แบบนี้เขาก็สามารถหลับได้อย่างสบายและมันก็ดีด้วยซ้ำถ้าเปิดโคมไฟไปแบบนี้เขาจะได้มองนอนหน้าเธออย่างใกล้ๆ
“ฝันดีนะครับปิ่น”
“ฝันดีค่ะหมอ” ปิ่นปินัทธ์บอกฝันดีจากนั้นหญิงสาวก็นอนตะแคงหันหลังแล้วดึงผ้าห่มมาห่ม แต่พยายามข่มตาหลับเท่าไหร่มันก็ไม่หลับเลยเมื่อรู้ว่ายังมีอีกคนนอนอยู่ทางด้านหลัง
“นอนไม่หลับใช่ไหมปิ่น” กรัณย์กรถามหญิงสาวเมื่อเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว
“ค่ะ รบกวนหมอหรือเปล่า”
“ไม่ครับผมก็นอนไม่หลับเหมือนกันสงสัยตอนหัวค่ำจะนอนไปเยอะไปหน่อย ถ้านอนไม่หลับหันหน้ามาคุยกันดีไหมล่ะ เราไม่ได้เจอกันมาหนึ่งอาทิตย์เป็นมีเรื่องอะไรจะเล่าให้ผมฟังไหม” สัปดาห์ที่ผ่านมาเขามีเวลาคุยกับปิ่นปินัทธ์วันหนึ่งไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ เมื่อมีโอกาสอยู่ด้วยกันก็อยากจะคุยกันให้มากขึ้น
เมื่อเธอตะแคงตัวมาทางที่ชายหนุ่มเขาหมอนที่กั้นตรงกลางออกแล้วขยับเข้ามาใกล้ๆ
“เจอเพื่อนวันนี้เป็นยังไงบ้างครับสนุกไหม”
“สนุกค่ะเราไม่ได้เจอกันมาหนึ่งปีก็เลยเปลี่ยนข้อมูลกันจนฟังแทบไม่ทันเลยทีเดียวค่ะ”
“พวกเขาพูดถึงผมบ้างหรือเปล่า”
“ก็มีพูดถึงบ้างค่ะ”
“เล่าให้ผมฟังได้ไหมครับ ว่าเขาพูดถึงผมว่ายังไงบ้าง”
“เขาก็บอกว่าหมอเป็นผู้ชายที่หล่อมากๆ แล้วก็อิจฉาที่ปิ่นโชคดีได้เป็นแฟนกับหมอรัณย์ค่ะ”
“ทำไมเขาคิดอย่างนั้นนะ ผมต่างหากที่โชคดีได้เป็นแฟนปิ่น”
“ทำไมถึงโชคดีล่ะคะ”
“ปิ่นเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ แถมยังใจดีและเข้าใจผมมากที่สุด ผมเคยมีแฟนมาก็หลายคนแต่ไม่เคยมีใครเข้าใจผมเลย ผมงานยุ่งมากแต่คุณก็ไม่เคยน้อยใจหรืองอนผมเลยที่ผมไม่มีเวลาให้ ผมขอโทษนะปิ่น ผมอาจจะเป็นแฟนที่ไม่ดีเท่าไหร่แต่ผมสัญญาว่าผมจะมีแค่ปิ่นคนเดียว ผมรักปิ่นนะ”
คำว่ารักที่ออกมาจากปากของผู้ชายตรงหน้าทำให้ปิ่นปินัทธ์ทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าเขาจะบอกความในใจออกมาแบบนี้ เธอเคยได้ยินเพื่อนพูดกันว่าผู้ชายไม่ค่อยพูดคำว่ารักเท่าไหร่ แล้วเธอก็ไม่เคยคาดหวังจะได้ยินคำว่ารักจากปากของเขาเลยสักนิด แต่เมื่อเขาพูดออกมาแล้วมันก็ทำให้เธอรู้สึกดีเอามากๆ
“ทำไมปิ่นเงียบล่ะ ผมพูดจริงๆนะ ผมรักปิ่นแล้วปิ่นรักผมไหม”
“ปิ่นต้องพูดด้วยเหรอคะ”
“ถ้าปิ่นไม่พูดแล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าปิ่นรักผมหรือเปล่า”